อยากจับไว้แบบนี้ตลอด

1400 คำ
เช้าวันอาทิตย์หมอกรัณย์กรก็มาบ้านปิ่นปินัทธ์ตั้งแต่เช้าเขาทานข้าวเหนียวหมูทอดอิ่มแล้วก็ขับรถออกจากบ้าน ระหว่างทางทั้งสองก็คุยกันไปเรื่อยใช้เวลาขับรถเกือบสอง ชั่วโมงก่อนจะมาถึงกรุงเทพ “ปิ่นจะว่าอะไรไหมถ้าผมอยากจะแวะไปเอาของที่บ้านหน่อย” “ได้ค่ะ” กรัณย์กรไม่ได้จะไปเอาของแต่เขาอยากพาปิ่นปินัทธ์ไปเจอกับมารดาแต่ถ้าบอกไปตรงๆ ก็กลัวหญิงสาวจะไม่ยอมตามมาด้วย “หมอจะให้ปิ่นเข้าไปที่บ้านด้วยหรือจะให้ปิ่นรออยู่แถวร้านกาแฟคะ” “ทำไมปิ่นจะต้องรออยู่ที่ร้านกาแฟด้วยล่ะ มาด้วยกันก็ต้องไปด้วยกันสิ” “คือปิ่นไม่แน่ใจว่าที่บ้านคุณหมอจะมีใครอยู่บ้าง” “บ้านผมมีแค่แม่ผมกับแม่บ้านครับไม่มีคนอื่น กลัวว่าจะมาเจอใครเหรอ” “เปล่าคะปิ่นก็แค่คิดว่าบางทีหมออาจจะต้องการความเป็นส่วนตัว” “ไม่มีความเป็นส่วนตัวหรือความลับอะไรซ่อนไว้ที่บ้านหรอกเข้าไปในบ้านกับผมนะ” “ก็ได้ค่ะ” ในเมื่อเขาบริสุทธิ์ใจที่จะพาเธอเข้าบ้านปิ่นปินัทธ์ก็ไม่ได้กังวลอะไรมาก ชายหนุ่มพาเธอมายังบ้านขนาดสามห้องนอนสามห้องน้ำซึ่งเป็นบ้านที่เขาอยู่มาตั้งแต่เด็ก แม้ตอนนี้จะซื้อคอนโดอยู่แล้วแต่ก็ยังไม่ยังแวะมาค้างที่นี่อยู่บ่อยๆ เมื่อชายหนุ่มขับรถเข้ามาจอดยังบริเวณหน้าบ้านสาวใช้ที่จ้างให้มาดูแลมารดาก็รีบวิ่งออกมาต้อนรับ “สวัสดีค่ะคุณหมอมีของให้หนูช่วยถือไหมคะ” “ไม่มีหรอกวันนา ตอนนี้คุณแม่อยู่ที่ไหนล่ะ” “อยู่ในห้องนั่งเล่นค่ะ” “เดี๋ยววันนาเตรียมของว่างเข้าไปให้ฉันในห้องนั่งเล่นด้วยนะ” “ค่ะหมอ” สาวใช้รับคำสั่งแต่สายตาเธอมองไปยังผู้หญิงคนหนึ่งที่กำลังเดินลงมาจากรถ วันนาอยากจะถามว่าผู้หญิงคนนี้คือใครแต่ก็กลัวจะเสียมารยาท เธอเลยรีบวิ่งเข้าไปในครัวเตรียมของว่างเข้าไปให้เจ้านายในห้องนั่งเล่น “ทำอะไรอยู่ครับแม่” เสียงลูกชายทำให้คุณศรัญญาวางโทรศัพท์ในมือลงแล้วยิ้มกว้าง “รัณย์จะเข้ามาบ้านก็ไม่บอกแม่ไว้ก่อน แม่เลยไม่ได้ทำกับข้าวไว้รอเลย” “ผมอยากมาเซอร์ไพรซ์แม่ครับ” ชายหนุ่มเข้าไปสวมกอดมารดา “ปิ่นมานั่งตรงนี้สิ” เขาหันมาเรียกก่อนจะแนะทำให้มารดารู้จักกับแฟนของตน “แม่ครับนี่ครูปิ่นปินัทธ์ครับ” “สวัสดีค่ะคุณป้า” หญิงสาวยกมือไหว้ “สวัสดีจ้ะ” “ปิ่นต้องเรียกแม่ผมว่าแม่เหมือนผมสิ เพราะตอนนี้ปิ่นเป็นแฟนผมแล้วนะ” “อะไรกันนี่แอบมิดไปมีแฟนตอนไหนเนี่ย แม่ไม่เห็นรู้เรื่องเลย” “ไม่ได้แอบสักหน่อย นี่ไงครับผมพาแฟนมาเจอแม่แล้ว” “ชื่ออะไรนะลูก” “หนูชื่อปิ่นปินัทธ์ค่ะ” “ชื่อเพราะจังแล้วเป็นใครมาจากไหนล่ะ เจอกับลูกชายแม่ได้ยังไงเป็น” “เป็นครูค่ะ พานักเรียนมารักษากับหมอรัณย์ก็เลยได้เจอกัน” ระหว่างที่เธอตอบคำถามวันนาก็เอาของว่างมาเสิร์ฟก่อนจะกลับเข้าไปในห้องครัว “แล้วคบกันมานานหรือยังล่ะ” คุณศรัญญาหันมาถามลูกชายเพราะไม่เคยได้ยินลูกชายพูดถึงผู้หญิงมาก่อนเลยสักครั้ง “เราเพิ่งรู้จักกันได้ไม่นานครับแม่” “นี่ไปอยู่สุพรรณต้องสองปีกว่าเพิ่งเคยเจอกันเหรอ” “ครับผมไม่รู้ว่าก่อนหน้านั้นไปอยู่ไหนมาถึงไม่เจอปิ่นสักที” “แล้ววันนี้ที่มาหาแม่นี้ตั้งใจจะมาพาแฟนมาอวดแม่อย่างเดียวหรือมาทำธุระอย่างอื่นด้วย” “ตั้งใจพาปิ่นมาหาแม่แล้วก็จะพาปิ่นไปดูหนังด้วยครับ” “ทำไมมาวันอาทิตย์ล่ะ คราวหน้ามาวันเสาร์นะจะได้ค้างกับแม่สักคืน” “เอาไว้ครั้งหน้านะครับ พรุ่งนี้เราต้องทำงานกันทั้งคู่” “ก็ได้จ้ะ อย่าลืมนะหนูเป็นครั้งหน้ามาค้างกับแม่ที่บ้านบ้างแม่อยู่คนเดียวเหงามากๆ” “อีกหน่อยแม่ก็หายเหงาแล้วครับ” “มันก็อีกตั้งสามเดือนนะกว่าพี่ชายเราจะย้ายกลับมาจากอเมริกา” “สามเดือนแป๊บเดียวเองครับแม่” “พูดถึงพี่ชาย รัณย์ได้บอกเขาหรือยังล่ะว่าตอนนี้มีแฟนนำหน้าเขาไปแล้ว” “ยังไม่ได้บอกครับกะว่ารอให้พี่กันต์กลับมาแล้วค่อยบอก” “บอกกันดีๆ ล่ะอย่าไปเยาะเย้ยพี่เขา” “ผมจะพยายามนะครับแม่ พี่กันต์อายุมากกว่าผมตั้งหลายปีแต่ไม่มีแฟน ผมไม่รู้ว่าถ้าผมบอกไปเขาจะรับได้หรือเปล่า” “หนูปิ่นล่ะมีเพื่อนที่เป็นโสดบ้างไหม แนะนำให้ลูกชายคนโตของแม่รู้จักก็ได้นะเขาเป็นหมอเหมือนกับหมอรัณย์นั่นแหละแต่เป็นหมอศัลยกรรมนี่ก็ทำงานอยู่อเมริกาแต่ก็กำลังจะย้ายกลับมาที่เมืองไทย” “แม่ครับอย่าเพิ่งหาแฟนให้พี่กันต์เลยผมว่าเขาอาจจะแอบมีใครอยู่แล้วก็ได้ถึงได้อยากจะย้ายกลับเมืองไทย” “นั่นสินะ แม่ลืมนึกถึงเรื่องนี้ไปเลยว่าทำไมพี่เราถึงอยากจะย้ายกลับมาที่เมืองไทย สงสัยต้องให้คนสืบว่าแอบมีแฟนอยู่ที่เมืองไทยหรือเปล่า” “ผมว่าไม่ต้องสืบหรอกครับแม่ รอเขามาก็ถามตรงๆ เลยแล้วกัน” “พี่ชายเราจะยอมบอกเหรอ ขานั้นน่ะเก็บความลับเก่งจะตายไม่เหมือนเราหรอกที่มีอะไรก็บอกกับแม่ตรงๆ” “ก็ผมไม่อยากปิดบังแม่นี่ครับ” ปิ่นปินัทธ์มองสองแม่ลูกคุยกันเขาก็รู้สึกอบอุ่นไปด้วยหมอกรัณย์กรคนนี้เวลาอยู่กับมารดาก็ช่างอ้อนเหมือนกับเด็ก กรัณย์กรคุยกับมารดาพักใหญ่ก่อนจะขอตัวพาปิ่นปินัทธ์ออกมายังห้างสรรพสินค้า ทั้งสองเดินดูสินค้าไปเรื่อยแต่ยังไม่มีใครตกลงจะซื้ออะไร เพราะอยากจะดูหนังกันก่อนแล้วค่อยออกมาซื้ออีกที “ปิ่นหิวไหม” “นิดหน่อยกินอะไรดี” “จริงๆ ผมอยากกินพิซซ่านะแต่กลัวจะอิ่มมากแล้วไปนั่งง่วงในโรงหนัง ปิ่นลองเสนอมาสิว่าอยากกินอะไรกิน” “อะไรก็ได้ค่ะไปทานที่ฟู๊ดคอร์ดดีไหม” “ไม่ได้นะปิ่น” “ทำไมเหรอคะ” ” “ผมพาปิ่นมาเดตครั้งแรกจะให้ผมพาไปกินอาหารที่ฟู๊ดคอร์ดได้ยังไง เอาเป็นว่ากินอาหารญี่ปุ่นกันดีไหมผมเองก็ไม่ได้กินนานแล้ว” “ก็ได้ค่ะ” กรัณย์กรพาปิ่นปินัทธ์ไปทานอาหารญี่ปุ่นจากนั้นทั้งสองก็เข้าไปดูหนังด้วยกันระหว่างดูหนังความใกล้ชิดก็มากขึ้น กรัณย์กรจับมือเธอมากุมไว้หญิงสาวรู้สึกอบอุ่นมากๆ กับมือใหญ่ที่จับอยู่ตลอด และเมื่อดูหนังจบเขาก็ยังไม่ยอมปล่อยมือทั้งสองก็เลยเดินจับมือกันเดินออกมาจากโรงหนัง “ปิ่นมีอะไรอยากซื้อไหม” “อยากจะไปดูหนังสือนิทานให้เด็กอนุบาลแล้วก็อุปกรณ์การเรียนหน่อยค่ะ” “ผมก็จะไปดูหนังสือเหมือนกันถ้างั้นเราไปดูหนังสือกันนะแล้วค่อยหาอะไรกินก่อนกลับสุพรรณ” “ได้ค่ะแต่ หมอจะไม่ปล่อยมือปิ่นเหรอคะ” “ทำไมล่ะจับกันแบบนี้จะได้ไม่หลง” “ปิ่นโตแล้วไม่หลงหรอกค่ะ” “ถ้าผมบอกว่าอยากจับเพราะอยากจับไม่ได้กลัวปิ่นหลงล่ะ ปิ่นยังจะให้ผมปล่อยมืออีกหรือเปล่า” หญิงสาวยิ้มแทนคำตอบทำให้เขาเองยิ้มตามจากนั้นก็พากันเข้ามาในร้านหนังสือ “จริงๆ ผมอยากจับมือปิ่นแบบนี้ไปตลอดนะ แต่ตอนนี้ขอตัวไปเลือกหนังสือก่อน” เขากระซิบแล้วแยกไปยังมุมหนังสือที่ตัวเองอยากซื้อ
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม