บทที่1-1

1442 Words
ตอนที่ 1 บรรยากาศภายในไนต์คลับหรูย่านใจกลางเมืองคลาคลำไปด้วยเหล่าบรรดานักท่องเที่ยวกระเป๋าหนัก และกลุ่มคนที่ค่อนข้างมีรสนิยมในแบบคล้ายๆกัน มีเสียงเพลงเปิดคลอเคล้ากับบรรยากาศ ฌาร์ริญณ์ถูกแปลงร่างจากสาวน้อยไร้เดียงสา ให้กลายเป็นแม่เสือสาวเตรียมพร้อมล่าผู้คนใหม่ ด้วยชุดเดรสสั้นพิมพ์ลายเกาะอกสีสันสดใสจากคอลเลชั่นใหม่ที่เพิ่งสอยมาเมื่อตอนบ่ายดูสวยเซ็กซี่ผิดตา ผมยาวสลวยที่มักปล่อยตรง ไม่ก็รวบแบบง่ายๆ ถูกดัดเป็นลอนยิ่งขับให้ใบหน้าดูสวยหวานแบบน่าค้นหามากยิ่งขึ้น เครื่องหน้าที่มีดีที่ความสวยอยู่แล้วถูกเติมแต่งมากกว่าปกติเล็กน้อย ปัดแก้มทาปากติดขนตายาว นั่งดื่มดราย์มาร์ตินี่อยู่ลำพังตรงเคาน์เตอร์บาร์ ตลอดทั้งคืนนับตั้งแต่ที่เธอก้าวเข้ามาร้าน เรียกสายตาจากชายหนุ่มให้หันมาสนใจเธอได้อยู่หลายคน แต่เธอก็ยังไม่คิดสนใจ ไม่รู้ว่าทำไมเหมือนกัน และไม่รู้ว่านานเท่าไหร่ที่เธอนั่งอยู่ตรงนี้ โดยมีสายตาของใครบางคนที่เธอคุ้นเคยกันดีจับจ้องอยู่ตลอดเวลาแบบห่างๆอย่างห่วงๆ ถึงอย่างนั้นเพื่อนๆของเธอก็ไม่ได้ลุกเข้ามาปล่อยให้เธอได้ลอง ได้ทิ้งอารมณ์อย่างที่ได้ตกลงกันไว้ แต่ยิ่งดึกจำนวนแก้วเหล้าที่ได้ดื่มก็เพิ่มมากขึ้น วิถีคนช้ำรักก็เริ่มสำแดง “ฮือ!...เลว…เลวทั้งคู่ ฮือๆ" เสียงคร่ำครวญดังสลับเสียงสะอื้นไห้ ฟูมฟาย ดังขึ้นเป็นระยะ ในมือถือแก้วน้ำสีสวยยกขึ้นดื่มแก้วแล้วแก้วเล่า จนเริ่มครองสติตัวเองแทบไม่อยู่ ท่ามกลางเสียงเพลงดังคลอเคลากับบรรยากาศภายในไนท์คลับหรูที่เธอเพิ่งได้มีโอกาสมาเยือนเป็นครั้งแรก ฌาร์ริญณ์หันมองสบตาเพื่อน ที่นั่งอยู่โต๊ะห่างออกไปพอสมควรเห็นแววตาที่คอยมองอย่างเป็นห่วง ก็ยิ่งซาบซึ้ง วันนี้เธอถือโอกาสมาฉลองให้กับอิสรภาพของตัวเองที่เพิ่งได้รับกลับคืนมาแบบไม่ทันตั้งตัว หึ ! ตลกสิ้นดี เธอที่เพิ่งตอบรับคบหากับเขาเพียงไม่นาน ถ้าคิดอยากจะกินลับหลังเธอขนาดนี้ทำไมไม่จีบแล้วคบกันแต่แรก มาทำแบบนี้กับเธอทำไม ยิ่งคิดเธอก็ยิ่งไม่เข้าใจ โลกทุกวันนี้น่ากลัวเกินไป เขาถึงว่ากันว่า รู้หน้าไม่มีทางรู้ใจ เป็นอย่างนี้นี่เอง “แกว่ามันจะรอดไหมวะ” ไข่น้ำเอ่ยกระซิบกับสองเพื่อนซี้ที่กำลังจ้องมองแม่แมวน้อยกลายร่างเป็นเสือสาวด้วยความห่วง “กูว่ารอดว่ะ แต่ถ้าไม่เมาหัวทิ่มก่อนได้ผู้กลับบ้าน เราค่อยไปลากมันกลับ” ซีต้าออกความเห็น ที่ทำให้ทั้งสองต่างพยักหน้าอย่างเห็นด้วย เสียงเพลงกับบรรยากาศรอบตัวในร้านที่มีผู้คนค่อนข้างบางตากว่าที่คิด อาจจะเพราะวันนี้ไม่ใช่วันหยุดสุดสัปดาห์ ทำให้เธอผ่อนคลายลงได้บ้าง หยดน้ำตาแห้งหายจากใบหน้าสวยหลังจากใช้สติใคร่ครวญสักพัก โชคดีแล้วที่เธอยังไม่ได้ถลำลึกมากไปกว่านี้ หากในอนาคตที่คบหากันจนได้แต่งงาน มีลูกเต้าด้วยกันเธอคงยิ่งลำบากและเสียใจหนักกว่านี้ ดีแล้วที่เลิกกัน รู้วันนี้ ดีกว่าเสียเวลาคบกันไปอีกนาน ศีลไม่เสมอกัน คบกันรังแต่จะฉุดกันให้ตกต่ำ คนอย่างฌาร์ริญณ์ ควรได้คู่ครองที่ดีกว่านี้ “ดรายมาร์ตินี่อีกแก้วค่ะ" เสียงหวานเอ่ยบอกพนักงานในบาร์ ก่อนจะกวาดสายตามองไปรอบๆอย่างเบื่อหน่าย กระทั่ง สายตาของเธอบังเอิญสบประสานกับใครบางคนเข้าด้วยความบังเอิญ นัยน์ตาสีนิลคู่นั้นที่เผลอมองสบตาเธอ ชั่วจังหวะนั้นหล่อนแทบลืมหายใจ หยุดสายตาไว้ที่ใบหน้าคมคาย หล่อเหลาที่ทำให้หัวใจเธอสูบฉีดแรง ไม่รู้เพราะด้วยฤทธิ์แอลกอฮอล์ ด้วยหรือไม่ หรือบาดแผลในใจที่ต้องการการเยียวยาจากใครสักคน เมื่อคิดถึงตรงนี้ หล่อนถึงกับแค่นหัวเราะออกมาเบาๆ โง่สิ้นดีถ้าเธอจะทำเรื่องบ้าๆนั่นอย่างที่บอกตัวดีได้แนะนำไว้ ความเป็นจริงว่าหากต้องการลืมใครสักคนก็ไม่ควรเห็นแก่ตัวดึงใครเข้ามา มันเป็นเหตุผลที่เห็นแก่ตัวเกินไป แต่ไม่รู้ทำไม เก้าอี้ที่เมื่อครู่มองว่าอยู่ไกล แต่เวลานี้กลับใกล้จนชิดติดกัน เมื่อเธอขยับลุกจากที่นั่งตนเอง เดินมานั่งข้างเขาอย่างถือวิสาสะ “มาคนเดียวเหรอคะ" “ครับ...คุณก็มาคนเดียว?” เขาตอบรับ ก่อนจะย้อนถามเธอกลับ “หึ...แล้วเห็นใครไหมล่ะคะ ถ้าไม่ ก็แปลว่าฉันมาคนเดียว" “นั่นสินะ" ชายหนุ่มยกยิ้มเล็กน้อย ขณะสบตาหญิงสาวแสนสวยที่อยู่ตรงหน้า “นั่งด้วยคนได้ไหมคะ" ไม่บ่อยเลยที่เธอจะใจกล้า เชิญชวนตัวเองใกล้ใครเช่นนี้ อาจจะเพราะน้ำเมาที่เธอดื่มไปค่อนข้างพอสมควร มันช่วยเพิ่มความกล้าและลดความหน้าบางให้กับตนเองได้อย่างไม่น่าเชื่อ “คุณเป็นนักธุรกิจเหรอคะ" เพราะมองจากการแต่งตัวที่ค่อนข้างดูดีและภูมิฐาน บุคลิกดี เท่และสมาร์ท ดึงดูดจนเธออดที่จะใจกล้าลองเสี่ยงดวงให้กับตัวเองไม่ได้ แอบคิดอยู่ในใจ ตรงเรฟที่ส่งให้พระแม่เมื่อตอนบ่ายทุกอย่าง ...หรือว่าท่านจะลัดคิวประทานพรให้เธอสมหวังแล้วในค่ำคืน ไหนๆชีวิตก็บัดซบแล้ว ลองเล่นกับไฟดูหน่อยจะเป็นไร หึ! “คุณดูเศร้านะ" เสียงทุ้มเอ่ยแทรกความคิดเข้ามา พลอยทำให้เธอหลุดออกจากภวังค์ หันมามองหน้าเขาอีกครั้ง “ฉันดูเป็นแบบนั้นเหรอคะ" หล่อนย้อนถามเขา ใบหน้าสวยเชิดขึ้นเล็กน้อย ก่อนจะผงะนิ่งไปเมื่อสบประสานกับเจ้าของนัยน์ตาทรงเสน่ห์คู่นั้น ที่จ้องมองเธออยู่ก่อนแล้ว ไม่รู้ว่านานเท่าไหร่ที่ต่างฝ่ายต่างจ้องมองสบตากัน กว่าจะรู้สึกตัว สะดุ้งเบาๆเมื่อปลายนิ้วโป้งของเขาถือวิสาสะยกขึ้นมาแตะข้างแก้มเกลี่ยๆเบาบริเวณใต้ตา “ตรงนี้เหมือนจะมีน้ำตา" เขาว่าพลางหงายนิ้วโป้งที่เพิ่งใช้เกลี่ยเช็ดคราบน้ำตาที่ยังหลงเหลืออยู่บนใบหน้าสวยให้เธอดูเป็นหลักฐาน ฌาร์ริญณ์มองปลายนิ้วมือเขา ถึงกับนิ่งไปชั่วขณะ ไม่รู้ทำไมเหมือนกันที่หยดน้ำตามันไหลรินออกมาอีกครั้ง แม้จะมีรอยยิ้ม ทว่า กลับดูหม่นเศร้าจนเขารู้สึกได้ จึงหยิบผ้าเช็ดหน้าที่มักพกติดตัวส่งยื่นให้ “ขอบคุณค่ะ" เอ่ยคำขอบคุณแล้วรับผ้าเช็ดผืนหน้ามาซับน้ำตาเบาๆ ก่อนจะสูดลมหายใจเข้าลึกๆ หันมาปั้นยิ้ม หัวเราะเบาๆ กับตลกร้ายที่เธอได้พบเจอ “มีอะไรอยากระบายไหม ผมฟังได้นะ" “คุณชื่ออะไรเหรอคะ" “ผมเขมกร เรียกพี่เขมก็ได้ ดูทรงแล้วคุณน่าจะยังเป็นนักศึกษาอยู่” “ปีสี่แล้วค่ะ ใกล้จบแล้ว...ว่าแต่คุณมาเที่ยวที่นี่บ่อยเหรอ" หล่อนช้อนสายตาถาม และเพราะอยากให้บรรยากาศผ่อนคลาย และเป็นกันเองมากขึ้นเธอจึงพยายามหาเรื่องคุย และเขาเองก็ดูเหมือนจะยินดีที่จะสานบทสนทนากับเธอ โดยไม่คิดรำคาญ “ไม่ครับ ผมเพิ่งมาที่นี่ครั้งแรก...แล้วคุณล่ะ มาเที่ยวที่นี่บ่อยเหรอ" หญิงสาวส่ายหน้าเล็กน้อย ก่อนจะเอ่ยตอบว่า “ฉันก็เพิ่งมาที่นี่ครั้งแรกค่ะ" “อืม...ผมเข้าใจ” เพราะผ่านประสบการณ์ชีวิตมามาก เขาถึงเข้าใจบริบทของเธอในวันนี้ได้ดี และไม่คิดเอ่ยถามเรื่องราวใดๆให้ไปสะกิดโดนแผลของอีกฝ่าย หากเธอไม่เต็มใจ ชายหนุ่มตอบรับด้วยรอยยิ้มเล็กน้อย ก่อนจะยกแก้ววิสกี้ที่ถืออยู่ในมือยกขึ้นดื่มรวดเดียว “เหมือนคุณก็มีเรื่องไม่สบายใจ” “นิดหน่อยครับ" เขาตอบแบ่งรับแบ่งสู้ ก่อนจะยกแก้วขึ้น ชูให้กับพนักงานที่หันมาสบตาพอดีให้รับรู้ว่าเขาต้องการเพิ่มอีกหนึ่งแก้ว “คุณ...เอ่อโสดไหมคะ" “แล้วคุณล่ะ โสดไหม"
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD