ยกที่ 2

1852 Words
เวลาต่อมา พรึบ "พี่หน่อยห้องใหญ่ทำความสะอาดเรียบร้อยแล้วนะคะ" "โอเค ไปพักรอพี่ได้เลยนะพี่เคลียร์อีกนิดแล้วจะไปคุยกับผู้ดูแลแล้วเราค่อยกลับกัน" "ได้ค่ะ" ฉันพยักหน้าตอบพี่หน่อยขณะที่เธอกำลังเก็บกวาดของอยู่ ฉันจึงเดินถืออุปกรณ์ลงมาจากชั้นสาม และตอนนี้ก็ได้โอกาสที่ฉันจะได้เดินดูไปรอบๆค่ายมวยแล้ว "ใหญ่จัง" เคยเห็นที่นี่ผ่านรายการที่เขาพามารีวิวตามค่ายมวยดังต่างๆ แต่ไม่คิดว่ามันจะใหญ่และมีของครบครันขนาดนี้ ฉันเดินไปดูเวทีมวยที่มีอยู่หลายเวทีด้วยความสนใจ...วันนี้คงเป็นวันหยุดของทางค่ายเพราะไม่มีคนมาเลย มีแค่พนักงานที่เขาทำงานประจำที่นี่เท่านั้นที่มา "..." ด้านล่างนี้ก็มีตู้โชว์ผลงานของเหล่านักมวยในค่ายด้วย เป็นการโชว์โดยรวมแต่คนที่ได้ซีนใหญ่และมีผลงานมากที่สุดก็ไม่พ้นไตรทศหรอก ฉันยิ้มออกมาบางๆก่อนจะหยิบโทรศัพท์ออกมาถ่ายรูปอีกครั้ง ถ่ายรูปด้านล่างนี้คงไม่เป็นไร แต่ถ้าถ่ายในห้องที่เป็นส่วนตัวไม่ได้แน่นอน เพราะมันมีกฎห้ามเปิดเผยข้อมูลคู่สัญญาอยู่น่ะสิ "เดี๋ยวสิ แพทย์ก็บอกอยู่ว่าต้องพักร่างกายก่อน" "แต่ผมไม่เห็นว่าจะต้องพักเลย" "ไอ้ทศไอ้เวรนี่ฟังกันบ้างสิวะ" "พี่นั่นแหละเลิกบ่นสักที ผมแค่วอร์มร่างกายกับกระสอบทรายเอง" "มึงพักสักวันไม่ได้รึไงไอ้นี่ ไม่ตีมวยสักวันมันจะตายเรอะ!?" "ตาย ถ้าไม่ได้ตีมวยก็เหมือนช่วยตัวเองแล้วไม่เสร็จอ่ะ แต่พี่ชัยไม่น่าเข้าใจเพราะรุ่นอย่างพี่นกเขาไม่น่าขันแล้ว" "ไอ้เวรตะไล!" เสียงเอะอะโวยวายที่ดังขึ้นทำให้ฉันสะดุ้งด้วยความตกใจพลันกำหูจับอุปกรณ์ทำความสะอาดไว้แน่นหลังได้ยินเสียงของคนสองคนที่กำลังเดินเข้ามาในสนามมวย และคนที่เดินเข้ามาไม่ใช่ใครที่ไหนเขาคือ ไตรทศ กับผู้จัดการของเขานั่นเอง ตอนนี้ใบหน้าเขาเต็มไปด้วยรอยช้ำ และคิ้วที่แตกจากการชกเมื่อยกก่อน แต่ดูแล้วเขาไม่ได้สนใจในแผลบนใบหน้าตัวเองด้วยซ้ำ "เพิ่งลงเครื่องมาได้วันเดียวมึงก็หาเรื่องอีกแล้ว" "มันก็ดีกว่าผมไปดื่มไม่ใช่เหรอ รึจะให้ไปดื่ม?" "เฮ้อ" ทำไมถึงได้มาเจอในตอนที่ไม่อยากเจอแบบนี้นะ ฉันเดินเลี่ยงออกจากสนามทันทีหลังเห็นร่างสูงเดินพันมือเข้ามาในสนาม ในตอนที่เรากำลังเดินสวนกันไตรทศเหลือบมองฉันพร้อมกับเลิกคิ้วข้างที่แตกขึ้นด้วยความสงสัย "ค่ายเรามีแม่บ้านแต่งตัวแบบนี้ด้วยเหรอ?" "ไม่รู้ เขาอาจจ้างบริษัทอื่นเข้ามาทำก็ได้ เห็นว่าแม่บ้านที่ทำประจำลาออกยังหาที่แม่บ้านที่น่าไว้ใจไม่ได้น่ะ" "อ่า ยูนิฟอร์มสวยดีนะดูแล้วคงเข้ากับพี่ชัยน่าดู" "ปากมึงนี่นะ" ฉันรีบเดินออกมาจากสนามด้วยหัวใจที่กำลังเต้นแรง และมันดีมากที่ทั้งใบหน้าและผมของฉันถูกปกปิดด้วยหมวก และแมสทำให้ไตรทศไม่ได้เห็นหน้า "แพร!" ดวงตาฉันเบิกกว้างทันทีหลังพี่หน่อยเรียกชื่อเสียงดังพร้อมกับวิ่งเข้ามาจับแขนฉันไว้ "นั่นเขาไม่ใช่เหรอ คนที่แพรดูข่าวเขาเมื่อเช้าไง!" ฉันหันมองไปตามเสียงของพี่หน่อยพร้อมๆกับไตรทศที่หันกลับมามองฉัน เขาเบิกตาขึ้นเล็กน้อยก่อนจะใช้สายตาคู่นั้นจ้องเขม็งมาที่ฉันทันที สายตาของเขาที่กำลังมองฉันราวกับว่าเรากำลังยืนอยู่บนสังเวียน แน่นอนว่าฝ่ายที่กำลังข่มขู่และได้เปรียบคือไตรทศ เพราะฉันไม่กล้าแม้จะสู้สายตาเขาเลยด้วยซ้ำ "ไปขอถ่ายรูปเขาสิ" "มะ ไม่เป็นไรค่ะพี่หน่อยแพรเกรงใจ.." "เฮ้ย ได้ไงกว่าจะมีโอกาสมาเจอกับนักมวยที่ชอบแบบนี้.." "แพรไม่ได้..." "อยากถ่ายรูปกับผมเหรอ?" เสียงที่ดังมาจากด้านหลังทำให้ฉันกับพี่หน่อยหันกลับไปมองร่างสูงที่ตอนนี้กำลังยืนยิ้มอยู่ด้านหลัง ไตรทศเหยียดยิ้มพร้อมกับมองจ้องมาที่ฉันไม่วางตา "ชะ ใช่ค่ะๆ น้องสาวฉันชอบดูมวยมากๆ เมื่อเช้านี้ก็เพิ่งจะดูข่าวของคุณเลย ตัวจริงดูดีกว่าในทีวีมากๆเลย เพราะงั้นขอถ่ายรูปหน่อยนะคะ" "ได้สิครับ มาสิมาถ่ายรูปกัน" ฉันเงยหน้ามองไตรทศอย่างกล้าๆกลัวๆขณะที่เขาก็กำลังขยับตัวให้ฉันไปยืนถ่ายรูปคู่ "มาๆเดี๋ยวพี่ถ่ายให้ วางของพวกนี้ก่อน" พรึบ พี่หน่อยที่กำลังจัดแจงให้ฉันได้ถ่ายรูปกับนักมวยในดวงใจของฉันตามที่เธอคิดมันทำให้ฉันรู้สึกเกรงใจ และกลัวทำให้เธอเสียน้ำใจมากถ้าจะเอ่ยปฏิเสธ ฉันจึงต้องวางของตามที่พี่หน่อยบอก และเดินไปยืนข้างไตรทศ ความสูงของเขาทำให้ฉันที่สูงร้อยหกสิบห้าเตี้ยลงไปถนัดตา "ไม่ถอดแมสเหรอครับ?" "อ๊ะ ใช่ๆถอดแมสด้วยสิแพร!" ฉันที่กำลังตัวสั่นอยู่แล้วยิ่งตัวสั่นมากขึ้นไปอีกหลังไตรทศพูดออกมาแบบนั้น ฉันจึงค่อยๆยกมืออันสั่นเทาของตัวเองขึ้นถอดแมสออก และมองไปที่กล้องให้พี่หน่อยได้ถ่ายรูป เธอถ่ายไปหลายรูปก่อนจะยิ้มออกมาและบอกว่าโอเคฉันจึงยกแขนขึ้นเพื่อใส่แมสอีกครั้ง พรึบ! ดวงตาฉันเบิกกว้างทันทีหลังไตรทศโน้มตัวลงมามองสบตาฉัน เขาเลิกคิ้วพร้อมกับเหยียดยิ้มมองฉันด้วยสายตาดูถูก "เฮอะ แพรจริงๆด้วย" ไตรทศเอ่ยเสียงเบาให้แค่ฉันเท่านั้นที่ได้ยิน เขาหัวเราะในลำคอพร้อมใช้สายตาเหยียดหยันนั้นมองฉันตั้งแต่หัวจรดเท้าอีกครั้ง "แพร...ทำไมถึงได้มายืนอยู่ตรงนี้ได้ล่ะแพร นึกว่าจะไปได้ดีมากกว่านี้ซะอีก" "อึ่ก..ขะ ขอโทษค่ะ" พรึบ! ฉันรีบก้มหัวให้ไตรทศพร้อมกับเดินออกห่างจากเขา และรีบก้มเก็บอุปกรณ์ทำความสะอาดของตัวเอง และเดินมาที่รถด้วยหัวใจที่กำลังเต้นแรงด้วยความเจ็บปวด มันทั้งเจ็บและจุกจนแทบจะกลั้นน้ำตาไม่ไหว...จากคนที่มองฉันด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความรักกลับมองฉันด้วยสายตานิ่งเรียบและไม่ให้ค่าฉันอีกต่อไป เรื่องจริงในตอนนี้คือตัวฉันไม่มีค่าอะไรในสายตาเขาอีกต่อไปแล้ว (Third-person) พรึบ "อะไรของมึง ปกติไม่ชอบให้ใครมาขอถ่ายรูปเวลาส่วนตัว" ชายร่างท้วมที่เป็นผู้จัดการส่วนตัวของนักมวยเจ้าของแชมป์โลกสามสมัยเอ่ยขึ้นหลังเห็นร่างสูงเกือบหนึ่งร้อยเก้าสิบเซนติเมตรเดินกลับเข้ามาในสนามอีกครั้ง หลังเขาเดินออกไปให้แฟนคลับถ่ายรูปทั้งๆที่ไม่ใช่วิสัยของนักมวยคนนี้เท่าไหร่นัก "ผมก็แค่ว่างอยู่เลยเดินไปให้เขาถ่ายเท่านั้น" แม้จะตอบผู้จัดการ แต่สายตาของเขาก็ยังคงเหม่อมองออกไปด้านนอกสนามมวย แม้เธอคนนั้นจะจากไปแล้วก็ตามที...เพราะการแต่งตัวของเธอทำให้เขาไม่ทันได้สังเกตในทีแรก แต่เมื่อเขาได้ยินชื่อเขาก็มั่นใจได้ในทันทีว่าเธอคือคนคนนั้นจริงๆ คนที่เขาไม่ได้ตามหา และไม่คิดว่าชาตินี้จะได้วนกลับมาเจอกันอีก นึกว่าไปได้ดีแต่ทำไมถึงได้มาทำงานแบบนี้ได้...แล้วไอ้คำที่บอกว่าอยู่กับเขาแล้วมองไม่เห็นอนาคตมันแปลว่าอะไร ทั้งๆที่ตอนนี้ชีวิตตัวเองก็ไม่ได้ดีสักนิด "ห้องของผมมันรกมาก" "อ่า ก็จ้างแม่บ้านสิ" ผู้จัดการที่กำลังนั่งเช็กผลหลังการตรวจสภาพร่างกายของไตรทศอยู่ตอบเสียงเบา ขณะที่ร่างสูงกำลังยืนพันผ้าที่มือไปพลาง "พี่ก็จ้างซะสิ" "เออๆเดี๋ยวกูหาให้" "เอาคนเมื่อกี้" "ห๊ะ?" ผู้จัดการเงยหน้าขึ้นมองนักมวยในการดูแลของตัวเองพลางขมวดคิ้วด้วยความสงสัย "ใคร คนเมื่อกี้น่ะนะ?" "ใช่ ผมอยากให้เธอคนที่ถ่ายรูปกับผมมาทำความสะอาดให้" "ทำไมวะ มึงรู้จักกับเธอรึไง?" "เธอทำความสะอาดเก่ง" "รู้ได้ไง?" ไตรทศขมวดคิ้วพร้อมเหลือบมองผู้จัดการตัวเองด้วยความหงุดหงิดจนผู้จัดการเริ่มเหงื่อตก แม้เขาจะด่าจะว่าไตรทศยังไงเขาก็ไม่เคยรู้สึกอะไร แต่ถ้าตอนไหนที่ไตรทศมองเขาด้วยสายตาดุดันแบบนี้แปลว่าเขาเอาจริง และไม่คิดจะคุยเล่นอีกต่อไปแล้ว "ให้ตาย ไม่รู้นะว่าจะทำได้ไหมพวกบริษัทรับทำความสะอาดแบบนี้เขาไม่น่าเลือกทำงานตามบ้านแบบเฉพาะเจาะจงได้" "ก็ไปทำมาให้มันได้สิ" "ไอ้ทศ มึงจะบ้าเรอะ" "ถ้าพี่ชัยทำได้ผมจะพักร่างกายตามพี่ต้องการเลย แต่ถ้าไม่...ผมจะใช้ร่างกายให้มันหนักจนล้าไปข้าง แบบนี้ยกหน้าผมคงได้แพ้น็อกแน่" คำขู่ของไตรทศทำเอาผู้จัดการยกมือขึ้นกุมหัวด้วยความหนักใจทันที แม้ว่าเขาจะมีข้อแลกเปลี่ยนมาให้ถ้าทำสำเร็จ แต่คนที่ต้องไปจัดการให้กลับหนักใจ และมีลางสังหรณ์แปลกๆหลังจากที่นักมวยของเขาเอ่ยปากขอในสิ่งที่เขาไม่เคยร้องขอมาก่อน กะอีแค่แม่บ้านทำความสะอาดมันก็น่าจะเป็นใครก็ได้ แต่ถ้าไตรทศเจาะจงมาว่าต้องเป็นคนคนนี้มันก็คงมีอะไรที่มากกว่าการที่เขาอยากให้ห้องสะอาดแน่นอน...เรื่องนี้ผู้จัดการอย่างเขาก็ปล่อยผ่านได้ยากเหมือนกัน "เออๆ เดี๋ยวกูไปจัดการให้แล้วกัน" แม้ในใจจะเต็มไปด้วยความสงสัย แต่สิ่งที่ผู้จัดการอย่างเขาต้องทำคือตอบในสิ่งที่ไตรทศอยากได้ยินไปก่อนไม่งั้นเขาได้มีปัญหามากไปกว่านี้เป็นแน่ถ้าไม่ทำตามสิ่งที่ไตรทศต้องการ และคนอย่างไตรทศถ้าได้เอ่ยปากว่าต้องการอะไรแล้วเขาก็ต้องได้ ถึงผู้จัดการจะไม่ทำให้คนอย่างเขาต้องหาทางทำให้ได้ในสิ่งที่ต้องการเองแน่ เพราะนี่คือสิ่งที่ไตรทศทำได้ด้วยตัวเองมาโดยตลอด เขาถึงขึ้นไปยืนอยู่บนจุดของความสำเร็จที่ใครๆก็อยากจะได้ด้วยตัวเองในอายุเท่านี้ยังไงล่ะ
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD