ใต้เงาจันทร์ 7

1361 Words
ใต้เงาจันทร์ 7 ประวัติ พอเปิดประตูปรากฎว่าเป็นอาหารมาส่งจริงๆ ฉันสั่งส้มตำปูปลาร้ามาหนึ่งถุง ตำไทยหนึ่งถุง ข้าวเหนียวสองห่อ น้ำตกหมูหนึ่งถุง ไก่ย่างหนึ่งตัวและก็น้ำอัดลมอีกหนึ่งขวดใหญ่ จากนั้นฉันเอาอาหารทั้งหมดมามาแกะวางบนโต๊ะ แต่ละอย่างน่าทานทั้งนั้นเหมาะกับอาการแฮงค์ที่ฉันเป็นอยู่ตอนนี้อย่างมาก "มาสิมาทานข้าว" ฉันกวักมือเรียกนายพระเอกงิ้วให้มาทานด้วยกัน" สองเท้าใหญ่เดินเข้ามาเรื่อยๆจนถึงโต๊ะอาหารพอเข้ามาใกล้ๆถึงกับเอามือปิดจมูกกันเลยทีเดียว "มันคืออะไรทำไมมันเหม็นแบบนี้" "ส้มตำไง ไม่รู้จักหรอส้มตำอร่อยจะตาย" ฉันต้องเบ้ปากใส่เพราะท่าทางเจ้าสำอางของคนที่ถามทำให้ดูหมั่นใส้ ฉันหยิบช้อนกับส้อมส่งให้ แล้วชี้ให้ลองชิมส้มตำปูปลาร้าดู "โอ้....ทำไมมันเผ็ดจังกลิ่นก็แปลกๆ" ฉันเลยลองชี้ให้ชิมตำไทย "อืม อันนี้ใช้ได้แต่เผ็ดไปนิด" "เอ้า!...ลงมือเลยนายกินอันไหนได้ก็จัดการเลยนะ" สรุปตัวฉันนั้นฟาดเรียบทุกอย่างส่วนนายพระเอกงิ้วทานแต่ข้าวเหนียวไก่ย่างและตำไทยอยู่สองสามคำ เมื่อพวกเราอิ่มข้าวแล้วก็มานั่งที่หน้าทีวีกัน ด้วยความที่ฉันเห็นเสื้อผ้าที่นายพระเอกงิ้วใส่แล้วมันรกตาเลยจัดการให้เปลี่ยนชุดใหม่เลย โชคดีที่ห้องฉันมีชุดของพี่ตะวันอยู่เลยเอาชุดของพี่ตะวันมาให้ใส่ก่อน "อ่ะ นี่เปลี่ยนชุดสิฉันเห็นชุดนายแล้วร้อนแทน" ฉันยื่นชุดพี่ตะวันให้ "เสื้อผ้าที่บ้านเมืองเจ้าแปลกๆนะแต่ก็ดูสวยดีแล้วทำไมเจ้าถึงมีเสื้อผ้าตัวใหญ่เหมือนของผู้ชายจัง" "เสื้อผ้าของพี่ชายฉันเอง ไปเปลี่ยนได้แล้ว" ฉันผลักนายพระเอกงิ้วเข้าห้องน้ำทันทีเมื่อรับชุดจากฉัน พอเปลี่ยนจากชุดงิ้วมาเป็นชุดไปรเวทแล้วโอ้โห โคตรหล่ออ่ะ ผิวพรรณก็ขาวยังกับผู้หญิง แต่หุ่นนี่สิเป๊ะมากอกผายไหล่ผึ่ง ฉันจัดการมัดรวบผมไม่ให้ดูปิดหน้าปิดตา พอมัดผมเสร็จเห็นหน้าชัดๆยิ่งมองยิ่งหล่อเลย "เอ๊ะ! นายทำอะไรร่วง" ฉันหยิบแผ่นป้ายที่มีเชือกแดงห้อยไว้ชูขึ้นมาแล้วยื่นให้ "อ้อ ป้ายหยกประจำตระกูลข้าเอง" จากนั้นกำไลข้อมือฉัน และป้ายหยกที่อยู่ในมือของนายพระเอกงิ้วมันก็สั่น และสั่นแรงขึ้นเมื่อมันอยู่ใกล้กันจนเราสองคนเอามาเทียบชิดกันมันก็หยุดสั่นแล้วเปลี่ยนสีจากสีชมพูขาวๆเปลี่ยนมาเป็นชมพูเข้มและใสขึ้นจนพวกเราประหลาดใจ "มันเกิดอะไรขึ้น" ฉันถามด้วยความงวยงง "ข้าก็ไม่รู้ แต่อยากถามว่าเจ้าได้กำไลนี้มาจากไหน" "ฉันซื้อมาจากร้านขายของเก่า ทำไมหรอ" "เพราะกำไลของเจ้ามันทำจากหยกชมพูจักรพรรดิซึ่งเป็นหยกชนิดเดียวกันกับแผ่นหยกประจำตระกูลของข้า" "แล้วไงฉันยังไม่เข้าใจอยู่ดี" "หยกชมพูจักรพรรดิเป็นหยกที่หายากและประเมินค่าไม่ได้เลยที่สำคัญมันคือหยกประจำตระกูลจู ในราชวงศ์หมิงคนที่เป็นเชื้อพระวงศ์เท่านั้นที่มีมันไว้ครอบครอง และข้าก็แปลกใจมากที่เจ้ามีกำไลนี้" เอาจริงๆตอนแรกฉันไม่เชื่อเรื่องที่นายพระเอกงิ้วคนนี้เล่าเลยนะ ตั้งแต่บอกว่ามาจากเมืองไหน เป็นลูกของฮ่องเต้อะไรสักอย่างฉันฟังแล้วยังกลั้นขำไว้เลย แต่พอเห็นหยกของเราสองคนที่มันสั่นเมื่อครู่นี้ฉันชักไม่แน่ใจเสียแล้วว่าที่พูดนั้นจริงหรือโกหก หลังจากนั้นฉันก็มาเริ่มสักประวัตินายพระเอกงิ้วอีกรอบและจริงจังกว่าเดิม เพราะฉันเตรียมทั้งขนมคาว หวาน ขนมขบเคี้ยว สแน็คต่างๆชาไข่มุกและน้ำเปล่ามากองไว้ตรงหน้าเพราะคิดว่าคงต้องคุยกันอีกนาน "ข้ายังไม่รู้จักชื่อแซ่เจ้าเลยจะให้ข้าเรียกเจ้าว่าอะไร" "เรียกฉันว่าขวัญข้าวละกัน" "อืม...แม่นางขวัญข้าว" "เอ่อ...ไม่ต้องมีแม่นางก็ได้มั้งเรียกฉันขวัญข้าวเฉยๆพอ ม่ะเรามาคุยเรื่องของนายอีกรอบ" "ข้าเล่าให้เจ้าฟังแล้วหนิ่" "เล่าอีก ทีนี้เล่าอย่างละเอียดเลยเพราะก่อนหน้านั้นที่นายเล่าฉันก็ฟังมั่งไม่ฟังมั่ง" นายพระเอกงิ้วเริ่มเล่าชีวประวัติของตนเองอีกครั้ง โดยมีฉันฟังอย่างละเอียด เขาชื่อ จูอี้อัน อายุ 27 ปี หรือใครๆก็เรียกเขาว่าอ๋องอี้ เป็นบุตรคนสุดท้องหรือคนที่เก้าของอดีตฮ่องเต้หมิงซีจง มาจากเมืองอิ้งเทียนฝู่ ฮ่องเต้หมิงซีจงพ่อของเขาครองราชย์ต่อจากพี่ชาย (ลุงของเขา) ได้ไม่นานก็ล้มป่วยเสียชีวิต ทำให้ได้มีการสถาปนาฮ่องเต้องค์ใหม่เพื่อขึ้นครองราชย์ต่อพ่อของเขาหลังจากวันที่ฝังศพของฮ่องเต้หมิงซีจง คนคนนั้นคือฮ่องเต้หมิงซื่อจงซึ่งเป็นลูกของพี่ชายคนโตของเขาและมีศักดิ์เป็นหลานแท้ๆของเขาด้วย ก่อนหน้าที่เขาจะมาอยู่ที่นี่เขาได้ไปร่วมฉลองการขึ้นครองราชย์ของฮ่องเต้หมิงซื่อจง ซึ่งตรงกับวันขึ้น15 ค่ำ เดือนตุลาคม คริสศักราช 1627 วันนั้นเขาฉลองจนเมาและได้กลับตำหนักของตนเองพอล้มตัวลงนอนที่เตียงก็หลับไปเลยและตื่นขึ้นมาเขาก็มาโผล่ที่นี่ "แล้วที่นี่ห่างจากอิ้งเทียนฝู่มากไหม" หลังจากเล่าจบนายพระเอกงิ้วก็รีบถามฉันขึ้นมาเลย "อืม อันดับแรกฉันจะบอกนายว่าที่นี่คืออนาคตเพราะตอนนี้คือปีคริสศักราช 2023" "เจ้าว่ายังไงนะ!" "ก็อย่างที่นายได้ยินนั่นแหละที่นี่คืออนาคต และที่นี่คือประเทศไทยปัจจุบันห่างจากเมืองที่นายมามากเลยแหละ" ฉันเห็นหน้าเศร้าของนายพระเอกงิ้วแล้วฉันก็อดสงสารไม่ได้ จริงๆอยากจะกอดแล้วลูบหลังปลอบใจเลยแหละอิอิ แต่ก็อย่างว่าอ่ะนะฉันเป็นคนรักนวลสงวนตัวหล่อแค่ไหนก็ต้องหักห้ามใจไว้ ฉันได้แต่ท่องไว้ในใจ อดไว้นะขวัญข้าว อดไว้ หล่อแค่ไหนก็กอดไม่ได้ "เอาเป็นว่าตอนนี้เรามาหาหนทางพานายกลับไปอดีตที่นายจากกันเถอะ" "เจ้าจะทำยังไงเหรอ" "ยังไม่รู้ แต่ว่าอันดับแรกฉันคงต้องไปลงเรียนภาษาจีนกลางก่อนเพราะจะให้มาเปิดโทรศัพท์ส่งไปมาแบบนี้คงไม่ไหว" "โทรศัพท์นี่หมายถึงเจ้าเครื่องแบนๆนี้ใช่ไหม ทำไมมันอัจฉริยะแบบนี้ข้าเพิ่งเคยเห็นจริง" "มันคือเครื่องมือสื่อสารของโลกอนาคต ถ้านายเคยเห็นก็แปลกแล้ว" ฉันชักสีหน้าใส่พูดอะไรแปลกๆ "ฮ่าๆ เวลาเจ้าทำหน้าโมโหเจ้าช่างน่ารักมากเลย" "ชิ" ฉันเชิดหน้าใส่ ไม่บอกก็รู้ว่าฉันน่ารักแค่ไหน ใครๆก็ชมว่าฉันน่ารักทั้งนั้นแหละ "ตอนนี้ก็บ่ายสองกว่าๆแล้วฉันจะพานายไปซื้อของใช้และก็เสื้อผ้าก่อนละกันเพราะไม่รู้ว่านายจะกลับไปที่บ้านนายได้ตอนไหน" "ข้าไม่ได้พกเงินมาสักตำลึงเลยคงต้องลำบากเจ้าแล้วแหละ" "คิก คิก ไม่เป็นไรๆถึงพกมาได้เงินบ้านนายคงซื้อของที่บ้านฉันไม่ได้หรอก" จากนั้นฉันกับนายพระเอกงิ้วเราก็ไปซื้อของกันโดยฉันขับรถไปเองเพราะน่าจะสะดวกกว่า ไหนจะพูดคนละภาษาต้องกดโทรศัพท์ยื่นไปยื่นมาแท็กซี่เห็นคงขำฉันแน่ๆ และไหนจะพวกข้าวของต่างๆอีก ???
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD