นางไม่คิดจะบอกอยู่แล้ว และคิดว่าเขาก็คงไม่ยุ่งวุ่นวายกับนางมากนัก ด้วยเขาเป็นผู้พูดเองว่า เหตุผลที่แต่งนางเข้าจวน ก็เพราะว่ามีจุดประสงค์เพียงแก้แค้นมู่เสวี่ย ซึ่งไม่เกี่ยวกับตัวนาง
“หากเจ้าลำบากใจ รออีกสักหน่อยดีหรือไม่ พ่อกำลังหาหนทางจัดการเรื่องนี้อยู่”
“ลูกไม่ลำบากใจเจ้าค่ะ ท่านพ่อ เขายกเรื่องสัญญาหมั้นหมายมาเอ่ยข่มขู่ท่าน หากยังปล่อยเวลาต่อไป ข้าเกรงว่า เขาจะทำอย่างที่พูดจริง อีกอย่างพี่หญิงนางกำลังจะเอ่ยทาบทามกับตระกูลมู่ ท่านก็อย่าได้ดึงเวลาอีกเลยเจ้าค่ะ”
เว่ยหมิงมองซีเยว่อย่างปวดใจ ไม่รู้ว่ากู้หยางไปเอ่ยพูดคุยยื่นข้อเสนอให้นางตอนไหน แต่เขาก็ไม่อยากให้นางต้องทนใช้ชีวิตอย่างไม่มีความสุข
“อาเยว่ พ่อ...” เขาจะเอ่ยขอให้นางเปลี่ยนใจอีกครั้ง
“ท่านพ่อ เชื่อลูกเถิดเจ้าค่ะ หนทางที่ลูกเลือกนับว่าดีกับทุกฝ่ายแล้ว” นางยิ้มให้บิดาเล็กน้อย เพื่อให้รู้ว่าหนทางนี้เป็นนางที่เลือกเดินเอง ไม่ใช่ความผิดของผู้เป็นบิดา
“แล้วหากเขาทำไม่ดีกับเจ้าจริงเล่าจะทำเช่นไร”
“ท่านพ่อก็เพียงแค่หาสามีให้ลูกใหม่ก็เท่านั้นเจ้าค่ะ”
“อาเยว่!!!” เว่ยหมิงเบิกตากว้าง มองบุตรสาวที่เอ่ยเรื่องน่าละอายออกมาโดยที่สีหน้าไม่เปลี่ยนด้วยความตกใจ
“โถ่ ท่านพ่อ หากลูกไม่มีความสุข ลูกก็ไม่รั้งอยู่ต่อให้ตนเองเป็นทุกข์เจ้าค่ะ”
“เห้อ...เอาเถิด พ่อจะเรียกคุณชายกู้มาสอบถาม หากเขายินยอมที่จะทำสัญญาพ่อก็จะไม่ห้ามเจ้าอีก”
“เจ้าค่ะท่านพ่อ” ซีเยว่ขอตัวกลับเรือนเมื่อเสร็จเรื่องที่นางจะเอ่ยพูดคุยแล้ว
ระหว่างทางที่นางกับแม่นมชุยเดินกลับเรือนก็พบกับสาวใช้ของอู๋ซื่อขวางทางของนางอยู่
“มีอันใด” แม่นมชุยเอ่ยถาม แล้วเดินขึ้นมาขวางหน้าซีเยว่ไว้
“ฮูหยินต้องการพบคุณหนูรอง จึงให้บ่าวมาแจ้งเจ้าค่ะ”
“อืม...แม่ใหญ่บอกหรือไม่ว่ามีเรื่องอันใด”
“บ่าวไม่ทราบเจ้าค่ะ ฮูหยินเพียงแต่ให้บ่าวมาเชิญท่านไปที่เรือน เมื่อครู่บ่าวไปที่เรือนของคุณหนูรองแต่ไม่พบ จึงได้มาดักรอที่นี่ ตามคำบอกของสาวใช้ที่เรือนเจ้าค่ะ”
“นำทางเถิด” หากนางไม่ไป ได้มีเรื่องให้อู๋ซื่อนำมาลงโทษนางได้อีก จึงได้ยินยอมตามสาวใช้ไปแต่โดยดี
แม่นมชุยถูกขวางไว้อยู่ที่หน้าเรือน มีเพียงซีเยว่เท่านั้นที่จะเข้าไปได้
“คุณหนู” แม่นมชุยเรียกนางอย่างเป็นห่วง
“ไม่เป็นอันใด แม่ใหญ่เมตตาข้ามาตลอด นางไม่ทำอันใดข้าหรอก” น้ำเสียงของซีเยว่ที่เอ่ยออกมาไม่เบา สาวใช้ที่อยู่ใกล้ทั้งหมดล้วนแต่ได้ยินสิ่งที่นางเอ่ยพูด
นางเดินตามสาวใช้เข้าไปที่ห้องโถงในเรือนของอู๋ซื่อ ด้านในมีอู๋ซื่อและแม่นมจินอยู่เพียงแค่สองคน ซีเยว่ได้แต่ยกยิ้มมุมปาก ภาพเหตุการณ์เช่นนี้ นางเคยพบเห็นมาก่อนแล้ว
เพียงแต่ครั้งนั้นผู้ที่พานางมาเป็นแม่นมจิน มิใช่แม่นมชุยเช่นครั้งนี้ สีหน้าของอู๋ซื่อที่มองมาทางนางก็ไม่ต่างไปจากเดิม ทั้งกังวลใจและเศร้าใจราวกับว่านางจะขาดใจตายลงเสียเมื่อใดก็ได้
“แม่ใหญ่ ท่านเรียกข้ามามีเรื่องใดเจ้าคะ” ซีเยว่เอ่ยถามทันที เมื่อนางเดินเข้ามานั่งลงที่เก้าอี้
“อาเยว่ เจ้าก็รู้ว่าข้ากับพี่สาวของเจ้า ดีต่อเจ้ามากเพียงใด” นางจับมือของซีเยว่แน่น ดวงตาทั้งสองข้างมีน้ำตาเอ่อคลอ
นั่น...คำพูดแบบเดิมไม่มีผิดเพี้ยน ทั้งท่าทีและการแสดงออกของนางอู๋ซื่อ ราวกับภาพซ้ำที่ฉายให้ซีเยว่นางดู
“ข้ารู้ดีเจ้าค่ะ แม่ใหญ่อยากให้ข้าช่วยเหลือสิ่งใด โปรดแจ้งแก่ข้าเถิด” ซีเอ่ยถามออกมา ด้วยประโยคเดิมเมื่อภพที่แล้ว
“พี่หญิงของเจ้าช่างอาภัพนัก นางมีคนรักของนางอยู่แล้ว เรื่องนี้เจ้าก็รู้ดี แต่ว่า...” นางเหลือบมองใบหน้าของซีเยว่แวบหนึ่ง เมื่อเอ่ยถึงชายคนรักของหลิวชิง
“หึหึ หากข้าต่อบทสนทนาเดิม นางจะต้องเอ่ยเรื่องให้ไปหลอกล่อสาวใช้มาอย่างแน่นอน”
แต่นางคร้านจะเล่นไปตามบทของนิยายแล้ว จึงได้เอ่ยออกมากับอู๋ซื่อเรื่องที่ไปพบบิดา ก่อนที่จะมาพบนางที่เรือน
“หากท่านจะเอ่ยเรื่องให้ข้าแต่งกับคุณชายกู้แทน ก็เห็นทีจะไม่ต้องเหนื่อยแล้วเจ้าค่ะ ข้าบอกท่านพ่อไปแล้วว่าจะแต่งให้คุณชายกู้”
“จริงรึ” นางอู๋ซื่อดวงตาทอประกายไปด้วยความยินดี นางบีบมือของซีเยว่ไว้แน่น ก่อนจะยิ้มกว้างออกมาด้วยความดีใจ
“เจ้าค่ะ” นางพยักหน้าตอบรับอย่างเบื่อหน่าย
“ดีๆ เช่นนั้นข้าจะเพิ่มสินเดิมให้เจ้าติดตัวไปมากเสียหน่อย” อู๋ซื่อยอมเพิ่มสินเดิมให้ซีเยว่ ด้วยนางจะได้ไม่ต้องเหนื่อยวางแผนการเล่นงานนางที่หลัง
“ขอบคุณเจ้าค่ะ”
อู๋ซื่อเอ่ยถามความกับซีเยว่อีกสองสามประโยค ก่อนจะปล่อยให้นางกลับเรือนของนางไปพัก
“ฮูหยิน เหตุใดถึงได้ง่ายเช่นนี้เจ้าคะ” แม่นมจินเอ่ยถามออกมาอย่างกังวล
นางเลี้ยงซีเยว่มากับมือ ย่อมจะรู้ว่านางไม่ได้พูดง่ายเสียขนาดนั้น ด้วยนิสัยของนางเปลี่ยนไปไม่น้อยตั้งแต่ฟื้นมาจากอาการป่วย
ยิ่งเป็นตัวซีเยว่เองที่เอ่ยเรื่องยินยอมแต่งให้กู้หยาง ก่อนจะถูกผู้ใดบังคับ แม่นมจินจึงไม่เชื่อว่าเรื่องราวมันจะง่ายเพียงนี้
“ไม่ดีรึ ข้าจะได้ไม่ต้องลงมือให้เหนื่อยแรง” อู๋ซื่อยกยิ้มที่มุมปาก
“แต่บ่าวว่า...”
“เจ้าก็อย่าได้กังวลไป หากเป็นจริงเช่นที่นางว่า ในเมื่อนางเดินไปบอกท่านพี่ด้วยตนเอง เรื่องงานแต่งกับตระกูลกู้ก็ไม่มีทางเป็นอื่นได้แล้ว เจ้าไปจัดการส่งเทียบเชิญให้คนตระกูลมู่ อีกสองวันให้เดินทางมาพูดคุยเรื่องของชิงชิงได้เลย” อู๋ซื่อยกน้ำชาดื่มเพื่อดับกระหาย
นางไม่มีความคิดเป็นอื่น หากเรื่องถึงเว่ยหมิงแล้ว อย่างไรก็ต้องเป็นไปตามนั้น นางให้สาวใช้ไปแจ้งหลิวชิง เรื่องที่ซีเยว่นางยอมแต่งเข้าตระกูลกู้ เพื่อให้หลิวชิงเลิกกังวลเรื่องนี้เสียที
กู้หยางเมื่อเสร็จจากเรื่องที่เขาออกไปจัดการแล้ว จึงเดินทางกลับมาที่จวนตระกูลเว่ย พอเหยียบเข้าด้านในจวน พ่อบ้านเว่ยก็เอ่ยเชิญเขาไปพบเว่ยหมิงที่ห้องตำราทันที
“คุณชายกู้ นายท่านมีเรื่องจะพูดกับท่านขอรับ”
“เช่นนั้นก็นำทางเถิด” กู้หยางเดินตามพ่อบ้านเว่ยไปที่ห้องตำราของเว่ยหมิง
ด้านในเว่ยหมิงกำลังนั่งอ่านสัญญาที่เขาร่างขึ้นเพื่อยื่นข้อเสนอให้กู้หยางอยู่ เมื่อเห็นเขาเดินเข้ามา จึงได้ร้องบอกให้เขานั่งลง
“นั่งก่อนเถิด”
“ไม่ทราบว่า ใต้เท้ามีเรื่องใดจะพูดกับข้าน้อยรึขอรับ” เขาพิจารณามองสีหน้าของเว่ยหมิงไปด้วย
“อ่านเสีย” เขายื่นกระดาษไปตรงหน้าของกู้หยาง แทนคำตอบ
กู้หยางมองสัญญาในมือก่อนจะยกยิ้มออกมาด้วย คงเป็นซีเยว่ที่มาบอกกล่าวบิดาของนางเรื่องที่เขายื่นข้อเสนอให้นาง หลังจากที่แต่งเข้าจวน
เว่ยหมิงจึงได้ร่างสัญญาออกมาเช่นนี้ ในสัญญาไม่มีสิ่งใดมาก หากกู้หยางรังแกซีเยว่หรือรับอนุเข้าจวน นางสามารถหย่าขาดจากเขาได้ทันที
เรื่องนี้กู้หยางได้พูดคุยกับนางไว้ก่อนแล้ว จึงมิได้ตื่นเต้นอันใด อีกอย่างเขาก็เพียงแต่งนางตามสัญญาหมั้นหมายของสองตระกูล และต้องการจะแก้แค้นมู่เสวี่ย
หากเมื่อใดที่เขาเห็นความพินาศของมู่เสวี่ยแล้ว เขาจะยอมหย่าให้นางตามที่ได้รับปากไว้ หลังจากนั้นเขาจะแต่งผู้ใด หรือนางจะแต่งให้ใครก็ไม่ใช่เรื่องของเขาแล้ว
“เจ้าเห็นเป็นเช่นใด” เว่ยหมิงเอ่ยถามออกมา เมื่อเห็นว่ากู้หยางเอาแต่นิ่งเงียบไม่เอ่ยพูดสิ่งใดออกมา