เจ้าก็ยังคงเป็นบุตรอนุเช่นเดิม

1426 Words
เหตุที่เทพแห่งการเวียนว่ายมาปรากฏกายต่อหน้าซีเยว่ในตอนนี้ ก็ด้วยที่นางดันรู้เรื่องราวของตนที่เป็นเพียงตัวละครในนิยายเข้า ความจริงแล้วนางไม่ควรจะมีความทรงจำเดิมติดตัวมาในภพใหม่นี้ด้วยเลย เป็นด้วยความผิดพลาดตอนที่ส่งวิญญาณของนางมาในภพใหม่ เทพแห่งการเวียนว่ายมัวแต่คุยกับยายเมิง ที่ต้องยื่นน้ำแกงลืมเลือนให้นางกิน ทำให้นางเป็นวิญญาณที่หลุดออกมาเกิดใหม่โดยที่ไม่ได้ดื่มน้ำแกงลืมเลือน “ฉันจะกลับไปทำไม กลับไปเพื่อเป็นบุตรอนุ ให้ถูกตราหน้าว่าเป็นหญิงชั่วแย่งสามีพี่สาว หรือว่ากลับไปเพื่อแต่งเข้าจวนตระกูลกู้แทนที่จะตายละ” นางเอ่ยถามอย่างไม่เข้าใจ “ชีวิตใหม่เจ้ากำหนดเองได้ เพียงแต่...เจ้าก็ยังคงเป็นบุตรอนุเช่นเดิม” “เหอะ บุตรอนุเหรอ!!! ข้ายอมตายอีกรอบ เพื่อให้เกิดใหม่ เช่นตอนนี้ยังดีกว่า” ที่นางเป็นอยู่ในตอนนี้ก็ดีอยู่แล้ว ได้ทำในสิ่งที่อยากจะทำ ได้เรียนรู้สิ่งใหม่ๆ ไม่ต้องคอยมองสายตาของผู้ใด ไหนจะไม่ต้องถูกกดขี่เพียงเพราะเป็นบุตรอนุอีกด้วย ในโลกใบนี้ ทำให้ซีเยว่เปลี่ยนแปลงตัวเองไม่น้อย นางไม่มีนิสัยดื้อรั้น อิจฉาผู้อื่นอีกแล้ว ไม่ต้องคอยถูกใครก็ไม่รู้ยัดเหยียดบทบาทที่ร้ายกาจให้ เทพแห่งการเวียนว่ายมองใบหน้างามอย่างเข้าใจ ตัวนางเองก็มีความผิด หากไม่ลงมาแก้ไขให้เป็นไปตามทางที่ควรจะเป็น หากสวรรค์เบื้องบนตรวจพบเรื่องนี้เข้า นางก็คงจะถูกลงโทษเป็นแน่ “แล้วเจ้าต้องการให้ข้าทำเช่นไร” “ไม่ต้องทำเช่นไร ฉันขอใช้ชีวิตในภพนี้ต่อไปก็พอ” นี่เป็นสิ่งที่ซีเยว่นางอยากได้ที่สุด “เรื่องนี้เห็นจะไม่ได้ เจ้าต้องกลับไปแก้ไขเรื่องราวให้เข้าที่เสียก่อน ถึงจะกลับมาที่ภพนี้ได้” “อย่างไร” นางเอ่ยถามอย่างไม่เข้าใจ “ความจริงแล้ว เจ้าไม่ควรจะต้องตายเช่นนั้น เจ้าควรจะต้องแต่งให้กู้หยางตามเรื่องราวที่ควรจะเป็น หากเจ้ากลับไปทำให้ตนเองไม่ต้องมีจุดจบที่ต้องกินยาพิษได้ ข้าจะพาเจ้ากลับมา” “หึ ฉันก็ต้องแต่งให้กู้หยางอย่างงั้นเหรอ” ไม่ใช่ว่านางจะต้องถูกตราหน้าว่าเป็นหญิงชั่วแย่งสามีพี่สาวรึไง เทพเวียนว่ายถอนหายใจออกมา ตัวต้นเรื่องอีกคนตอนนี้รออยู่ที่หน้าห้องของซีเยว่แล้ว ด้วยเทพชะตาที่เป็นผู้ขีดเขียนชะตาชีวิต เกิดนึกสนุกอันใดไม่ทราบเข้าฝันนักเขียนคนนั้น แล้วให้เขียนนิยายตามที่เขาบอกเล่า เพื่อจะได้นิยายที่โด่งดัง แต่ตัวนักเขียนไม่พอใจที่นางร้ายได้แต่งออกไปใช้ชีวิตอย่างดี นางจึงเปลี่ยนบทบางส่วนของซีเยว่ให้ร้ายกาจขึ้นและมีจุดจบที่ต้องตายด้วยยาพิษ จากฝีมือคนที่นางไว้ใจมากที่สุด “เอ่อ...ข้าขอขัดสักหน่อย” เสียงชายชราที่หน้าประตูเอ่ยขึ้น ทำให้ซีเยว่หันไปมองด้วยความตกใจ “อะไรอีกเนี่ย” นางเอ่ยออกมาเบาๆ เมื่อชายชราหนวดยาวใบหน้าแดงก่ำไปด้วยพิษของสุราเดินเข้ามาหยุดอยู่ข้างของหญิงชรา “ตาเฒ่า เรื่องนี้เจ้าจัดการเองเลย” นางมองค้อนเทพชะตา ที่ทำให้เรื่องราววุ่นวายเพิ่มไปอีก ทั้งสองล้วนแต่มีความผิดติดตัว จึงต้องลงมาช่วยกันพูดให้ซีเยว่นางเปลี่ยนใจ กลับไปแก้ไขเรื่องราวในอดีตของนาง “รู้แล้ว ๆ เจ้าก็หลีกไปเสียยายเฒ่า” เขาดันตัวเทพแห่งการเวียนว่ายไปอยู่ด้านข้างแทน “...” ซีเยว่จ้องมองอย่างมึนงง “เอ่อ นังหนู เจ้าเชื่อข้าเถิด กลับไปแก้ไขเรื่องราวเสีย ในใจเจ้าก็อยากจะกลับไปไม่ใช่รึ” เขายิ้มมองนางอย่างแฝงไปด้วยความหมาย “มันก็จริง แต่ท่านดู ตอนนี้ฉันมีชีวิตที่ดีแล้ว ทำไมถึงต้องพาตัวเองกลับไปอยู่ในสถานที่ที่เลวร้ายอีก” นางกอดอกมองทั้งสองสลับไปมา พร้อมทั้งมองไปรอบๆ ห้อง เพื่อให้ดูว่าชีวิตของนางตอนนี้ดีมากเพียงใด “เอาเช่นนี้ หากเจ้ากลับไป ยายเฒ่าจะมอบพรให้เจ้าสามข้อ” “ทะ ท่าน” เทพแห่งการเวียนว่ายมองมาที่เทพชะตาอย่างไม่เชื่อ ที่อยู่ดีๆ ก็โยนงานมาใส่หัวของนาง “เอาน่า ให้นางไปเถิด เพียงพรแค่สามข้อ” เขาเอ่ยกระซิบเสียงไม่เบา ที่แม้แต่ซีเยว่ก็ยังได้ยิน “ไม่พอ...” ซีเยว่ทำท่าครุ่นคิด นางอ่านนิยายของโลกนี้มาไม่น้อย ย่อมต้องรู้ว่ามีของดีมากเพียงใด “เจ้าต้องการสิ่งใด” เขาไม่อยากจะเชื่อว่าแม้แต่พรสามข้อนางก็ว่าน้อยไป “มิติ” ซีเยว่ยกยิ้มที่มุมปาก “มีที่ใดเล่าของเช่นนั้น มีเพียงแค่ในนิยายที่เจ้าชอบอ่าน” “หากไม่มี ท่านจะมาเข้าฝัน ให้นักเขียน เขียนออกมาได้อย่างไร” “ก็ข้าคิดขึ้นมาเองอย่างไรเล่า” เทพชะตากระทืบเท้าอย่างหัวเสีย พร้อมถลึงตามองซีเยว่อย่างไม่พอใจ “อืม...ถ้างั้น ขอห้างสรรพสินค้าก็แล้วกัน” นางยิ้มหวาน กะพริบตามองเทพชะตาและเทพแห่งการเวียนว่ายตาปริบๆ “เหอะ ข้าจะเลิกดื่มสุราเสียตั้งแต่วันนี้” เทพชะตาเอ่ยออกมา “ทำให้ได้เถิด ตาเฒ่า” เทพแห่งการเวียนว่ายส่ายหัวอย่างระอา แสงสีทองวิ่งเข้าสู่แขนขาวของซีเยว่ จนเกิดเป็นรูปผีเสื้อที่ข้อมือขาวของนาง “แล้วคนอื่นจะเห็นไหมคะ” นางเอ่ยถามออกมา เมื่อผีเสื้อที่ปรากฏตัวไม่ได้เล็กจนมองไม่เห็น “จะมีเพียงเจ้าที่เห็น ไปได้แล้ว” เทพแห่งการเวียนว่ายทำท่าจะโบกมือขึ้นส่งซีเยว่กลับไปที่ภพก่อน “เดี๋ยวค่ะ!!! แล้วครอบครัวของฉันทางนี้ พวกเขาจะเป็นยังไง” นางอดจะเป็นห่วงครอบครัวที่คอยให้ความรักความอบอุ่นตลอดหลายปีที่ผ่านมาไม่ได้ “เจ้ามิต้องห่วง จะมีวิญญาณดวงใหม่มาอยู่แทนที่เจ้า ความทรงจำของเจ้าจะผนวกเข้ากับของนาง เรื่องนี้ทางครอบครัวใหม่ของเจ้าไม่มีทางรู้อย่างแน่นอน” “ห๊ะ!!!” ซีเยว่ ยังไม่ได้สอบถามเรื่องราวเพิ่มเติม ภาพตรงหน้าของนางก็ดับมืดไปเสียแล้ว “อาเยว่ นางยังมิฟื้นอีกรึ” เว่ยหมิงที่เพิ่งกลับมาจากว่าราชการช่วงเช้า ก็รีบเดินทางกลับจวน เพื่อมาดูอาการป่วยของบุตรสาวคนรอง เมื่อวันก่อน นางออกไปเที่ยวเล่นด้านนอก ระหว่างทางที่กลับเรือน ฝนที่ตกลงมาอย่างหนัก ทำให้นางต้องลมเย็นจนล้มป่วยลง ช่วงกลางดึกที่ผ่านมา นางเพ้อถึงมารดาของนางอย่างน่าสงสาร ด้วยพิษไข้ที่ขึ้นสูง คนในจวนตระกูลเว่ยก็คิดว่านางจะไม่รอดเสียแล้ว “ยังเลยเจ้าค่ะ แต่ท่านหมอที่มาตรวจดูอาการคุณหนูรองเมื่อเช้า แจ้งว่าหากวันนี้ยังมิฟื้น อาจจะ...” แม่นมจินเอ่ยแจ้งโดยไม่กล้าสบสายตาของเว่ยหมิง ด้วยรู้ว่าความผิดของนางที่ปล่อยให้ซีเยว่ออกไปด้านนอกเช่นนี้ ทำให้เว่ยหมิงมีโทสะไม่น้อย ดีไม่ดี บ่าวในเรือนทั้งหมดอาจถูกลงโทษหรือขายออกไปเป็นแน่ ที่ซีเยว่นางออกไปด้านนอก มิได้ไปเที่ยวเล่นอย่างที่บ่าวแจ้งเว่ยหมิง แต่นางออกไปซื้อของให้พี่สาวนาง เว่ยหลิวชิง นางอู๋ซื่อรู้ทั้งรู้ว่าฝนใกล้จะตก แต่ก็ยังสั่งให้ซีเยว่นางออกไปแทนบ่าวที่มีอยู่มากมายในจวน แต่นางไม่คิดว่าซีเยว่จะอ่อนแอจนล้มป่วยหนักเช่นนี้ นางจึงต้องสั่งให้บ่าวทั้งจวนปิดปากให้สนิทเรื่องที่นางเป็นคนสั่งให้ออกไปซื้อของ หากเว่ยหมิงถามก็ให้บอกว่าซีเยว่นางออกไปเที่ยวเล่นกับสหาย “เพ้ย!!! แล้วเจ้าดูแลนางเช่นใด ถึงปล่อยให้อาเยว่ออกไปด้านนอกเช่นนี้ ทั้งที่ฟ้าครึ้มตลอดทั้งวัน หากนางเป็นอันใดขึ้นมา ข้าจะโบยพวกเจ้าแล้วขายทิ้งออกไปเสีย”
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD