พอประตูห้องปิดลง หญิงสาวถอนหายใจเฮือกใหญ่ ความสัมพันธ์ของเธอกับเวทิศต้องเป็นความลับ เพราะเธอมั่นใจเหลือเกินว่า ไม่ช้าก็เร็ว เจ้าเด็กในความลับของเธอคงเจอคนที่ใช่ แล้วก็ไปจากเธอ ระหว่างที่ยังนัวเนียพัวพันกันอยู่ เธอไม่อยากให้ใครรู้ เพราะกลัวว่าพวกเขาจะเป็นห่วงเธอ
ภริดาลุกขึ้นไปปิดล็อกประตู แล้วเดินกลับมาหยิบโทรศัพท์บนเตียง เธอโทรหาเด็กในความลับของเธออีกครั้ง เป็นครั้งที่สิบแล้วเห็นจะได้ แต่เจ้าเด็กเกเรก็ยังไม่ยอมรับสายเธอ แถมยังไม่อ่านข้อความด้วย
“ทำไมไม่รับสายนะ ข้อความก็ไม่ยอมอ่าน”
ภริดาทิ้งตัวลงนอนบนเตียง ถอนหายใจอย่างหงุดหงิด เธอมองเพดานอย่างครุ่นคิด
หรือว่า...ถึงวันที่เขาจะไปจากเธอแล้ว
...แล้วทำไมหัวใจจึงรู้สึกปวดแปลบแบบนี้นะ
4 ยิ่งนานวันยิ่งผูกพัน
“เว...” เสียงแหบพร่าของมารดาทำให้คนที่ฟุบหลับอยู่ข้างเตียงคนไข้รู้สึกตัวตื่น
“แม่...เป็นยังไงบ้างครับ” เวทิศลุกขึ้นยืน และทำท่าว่าจะกดสัญญาณเรียกนางพยาบาล แต่คุณวิรงรองก็ห้ามลูกชายเอาไว้เสียก่อน
“แม่ไม่เป็นไร ไม่ต้องเรียกคุณพยาบาลหรอก ปรับเตียงให้แม่ที แม่อยากลุกขึ้นนั่ง นอนนาน ๆ แล้วเมื่อย”
เวทิศกดปุ่มปรับหัวเตียงให้ยกขึ้น และช่วยประคองมารดาให้ขยับลุกขึ้นนั่งพิงหมอน
“กี่โมงแล้ว”
“สิบโมงครับ แม่เจ็บแผลมั้ย หิวน้ำหรือเปล่าครับ”
คุณวิรงรองยิ้มอ่อนโยน ส่ายหน้าช้า ๆ
“เวกินข้าวหรือยังลูก แล้ววันนี้ไม่มีเรียนเหรอ” แม้จะเพิ่งผ่านการผ่าตัดมาเมื่อคืนวาน แต่คนเป็นแม่กลับห่วงลูกมากกว่าห่วงตัวเอง
“ผมกินข้าวแล้วครับ วันนี้ไม่มีเรียนครับ” เวทิศจับมือข้างหนึ่งของมารดามากุมไว้ มองหน้าท่านด้วยความรู้สึกผิดเต็มหัวใจ
“ผมเป็นลูกที่แย่มาก ๆ เลยนะครับ”
คุณวิรงรองยิ้ม ตบหลังมือบุตรชายเพียงคนเดียวเบา ๆ
“แม่แค่ผ่าตัดไส้ติ่งนะ ไม่ได้เป็นอะไรมากสักหน่อย”
“ผมจะกลับมาอยู่บ้าน จะดูแลคุณแม่จนกว่าจะหายดี”
“ไม่ต้อง ๆ แค่แวะมาหา มาเยี่ยมแม่บ้าง แม่ก็ดีใจแล้ว”
เพราะในวันข้างหน้า เวทิศมีภาระหนักอึ้งรออยู่ เขาเป็นลูกชายคนเดียวของเจ้าของกิจการเหล็กโลหะขนาดใหญ่ ทั้งยังมีธุรกิจลูกอีกหลายบริษัท ซึ่งคุณทัดเทพ...บิดาของเวทิศบริหารจัดการและดูแลอยู่ ธุรกิจเหล่านี้จะถูกส่งต่อให้เวทิศในอีกไม่ช้า
คุณวิรงรองตระหนักดีว่า ในภายหน้า ลูกชายจะต้องทำงานหนัก ต้องรับเอาภาระจากผู้เป็นพ่อมาไว้บนบ่า ดังนั้น ท่านอยากให้ลูกชายได้ใช้ช่วงชีวิตในวัยรุ่นให้เต็มที่ แต่มีเงื่อนไขว่าห้ามทิ้งการเรียน และเมื่อจบปริญญาตรีแล้ว เวทิศจะต้องไปเรียนต่อปริญญาโทที่ต่างประเทศ ก่อนจะกลับมาเรียนรู้งาน เพื่อเตรียมพร้อมที่จะสืบทอดกิจการของบิดาต่อไป
หลังจากคุณหมอเข้ามาตรวจอาการเรียบร้อย คุณวิรงรองก็หลับไปอีกครั้ง
เมื่อทราบผลการตรวจรักษาจากคุณหมอว่า คุณแม่ปลอดภัยและแข็งแรงดี ผลการรักษาเป็นที่น่าพอใจ เวทิศจึงคลายกังวล
พอความเป็นห่วงที่มีต่อมารดาบรรเทาเบาบางลง ชายหนุ่มจึงนึกถึงใครอีกคน
ปกติแล้ว แม้ไม่เจอหน้า แต่เขากับเธอก็จะติดต่อกันทุกวัน แต่นับจากคืนก่อนที่เขามาเฝ้าคุณแม่ที่โรงพยาบาล จนถึงตอนนี้ เขาไม่ได้พูดคุยกับเธอเลย
เวทิศเดินไปหยิบกระเป๋าเป้ที่วางอยู่บนโซฟา เขาเปิดกระเป๋า หยิบโทรศัพท์มือถือออกมา แล้วเดินออกไปที่ระเบียงห้อง
เพียงแค่กดเปิดหน้าจอขึ้นมา ยังไม่ทันโทรหาเธอ รอยยิ้มบางก็ปรากฏขึ้นบนใบหน้าหล่อเหลา พี่ดาโทรหาเขาเป็นสิบสาย ทั้งวิดีโอคอลหาตั้งหลายครั้ง
มือเรียวแบบผู้ชายปัดหน้าจอโทรศัพท์เพื่อโทรหาคนที่เขาคิดถึง
“โทรมาทำไม”
น้ำเสียงอย่างคนงอนจัดทำให้เวทิศยิ้มกว้าง
“คิดถึงพี่ดาจังเลยครับ” น้ำเสียงออดอ้อนอย่างคนรู้ตัวว่าทำผิด
“ไม่ต้องมาโกหกเลย คนคิดถึงกันที่ไหน โทรหาก็ไม่รับสาย วิดีโอคอลไปไม่รับแล้วก็ไม่คอลกลับด้วย ถ้านายไม่กลับมาภายในวันนี้นะ ฉันจะไล่นายออก ไม่ให้มาร้องเพลงที่ร้าน แล้วฉันก็จะหาผัวใหม่ !” คนปลายสายสาดอารมณ์ใส่ด้วยความโมโห
“คุณแม่ผมไม่สบายครับ ตอนนี้ผมอยู่กับคุณแม่ที่โรงพยาบาล เดี๋ยวผมจะวิดีโอคอลหานะครับ พี่ดาจะได้เห็นว่า ผมไม่ได้โกหก”
“ไม่ต้อง ๆ ไม่เป็นไร ฉันเชื่อนาย”
ภริดาบอกด้วยน้ำเสียงตกใจ เธองอนเขา ทั้ง ๆ ที่เขาไปดูแลมารดา มันไม่ถูกต้อง
เท่าที่ใกล้ชิดสนิทกันมาเป็นปี เวทิศไม่ใช่คนพูดล้อเล่น เขาเป็นคนจริงจัง และไม่เคยโกหกสักครั้ง ดังนั้น ภริดาจึงเชื่อหมดใจโดยไม่สงสัยเลยว่า เขาไม่ได้โกหกเธอแน่นอน
“แล้วคุณแม่เป็นยังไงบ้าง”
“คุณแม่ดีขึ้นแล้วครับ ผมขอลางานต่ออีกหนังสัปดาห์นะครับ ผมอยากอยู่ดูแลคุณแม่”
“ได้สิ...ให้คุณแม่ดีขึ้นก่อน แล้วเวค่อยกลับมาทำงานนะ ว่าแต่ อยู่โรงพยาบาลไหน ให้พี่ไปเยี่ยมได้มั้ย”
“มาเยี่ยมได้ครับ พอดีแหละ...ถ้าพี่ดามาเยี่ยมคุณแม่ ผมก็จะได้บอกคุณแม่ว่า พี่ดาเป็นเมียผม เป็นลูกสะใภ้ของท่าน”
ปลายสายนิ่งเงียบไปครู่หนึ่ง ซึ่งเวทิศเองก็คาดเดาไม่ออกว่า เธอเงียบเพราะอะไร
“งั้น...เอาไว้ก่อนก็ได้ ขอให้คุณแม่หายไว ๆ นะ”
เวทิศยิ้มอ่อนบาง