"จะยืนอึ้งอีกนานไหม เข้าไปเก็บข้าวของจัดแจงห้องสิ กุญแจทุกอย่างอยู่ที่ฉันหมดแล้ว อะเอาไป"
เมื่อเข้ามาถึง ก็มีชาวบ้านละแวกใกล้เคียงคอยชะโงกออกมาดู ไม่ว่าจะอยู่ในสังคมแบบไหนก็คงจะหนีไม่พ้นการถูกสอดส่อง สายพิณรีบจัดเก็บข้าวของทุกอย่าง
หอพักแห่งนี้ตั้งอยู่สุดซอย ไม่ใช่ถนนตัดผ่าน จึงไม่ค่อยมีรถเข้าออกสักเท่าไหร่ นอกจากคนที่พักอาศัยอยู่แถวนี้
ตึกแห่งนี้สูงห้าชั้น แต่ละชั้นมีประมาณสิบห้อง แยกเป็นฝั่งละห้าห้อง มีเพียงบันได ไม่มีลิฟต์อำนวยความสะดวกให้ แต่เป็นเพราะค่าเช่าที่ถูก แถมเดินออกไปรอรถยังป้ายโดยสารแค่หน้าปากซอยซึ่งอยู่ไม่ไกล จึงทำให้ผู้คนต่างสนใจหอพักแห่งนี้
ด้านหน้าหอพักมีทาวน์เฮ้าส์สองคูหา ติดประตูหอพัก ใช้เป็นที่พักอาศัยของสายพิณซึ่งเป็นเจ้าของคนใหม่ โดยทาวน์เฮ้าส์แบ่งเป็นสองชั้น ซึ่งชั้นล่างใช้เป็นเคาน์เตอร์ขายของขนมขบเคี้ยวและเครื่องดื่มต่างๆ ส่วนด้านบนเป็นห้องนอนสองห้องที่อยู่ติดกัน มีห้องน้ำภายในตัวสะดวกสบาย
โมรีเลือกนอนห้องด้านขวา เพราะมีหน้าต่างเปิดระบายอากาศ มองเห็นถนนหนทางทั้งไฟกิ่งสาดส่อง
เมื่อจัดเก็บข้าวของเสร็จก็รีบซัดตัวลงนอนบนเตียงหนานุ่มความใหญ่ขนาดห้าฟุต
เวลาหนึ่งทุ่มตรง
พึบ พึบ พึบ
ไฟกะพริบถี่หลายครั้ง ในขณะที่โมรีกำลังอาบน้ำอย่างสบายใจเฉิบ เธอเดินย่างก้าวออกมา ก่อนที่ไฟจะดับพรึ่บลงอย่างกะทันหัน
"เชี่ยยย ไฟดับหรือวะเนี่ย"
ฝีเท้าน้อยย่างก้าวอย่างเชื่องช้า คว้าหยิบเทียนเล่มหนึ่งพร้อมไม้ขีดไฟพกมาจากบ้าน จุดให้มองเห็นทางสว่าง บรรยากาศมืดช่างวังเวงและน่ากลัว ยิ่งลมหนาวพัดจากด้านนอกเข้ามาชวนให้รู้สึกเย็นยะเยือก เสียงไม้กระทบกันเสียดสีดังเป็นดนตรีโหยหวน สร้างความระทึกใจให้กับผู้มาอยู่อาศัยใหม่
ทันใดกระจกที่อยู่ติดกับตู้เสื้อผ้าก็แสดงเงาวูบวาบ ราวกับมีบางอย่างกำลังผลุบโผล่ ด้วยความใจกล้าโมรีเดินเข้าไปใกล้ ทำใจดีสู้เสือแม้มือที่จับถือเทียนอยู่จะสั่นระริกก็ตาม
ตึก ตึก ตึก
"กรี๊ดดดดดด!!" เสียงกรีดร้องดังลั่น ดวงตาเล็กเบิกโพลงอย่างตกใจ ปรากฏว่ากระจกสะท้อนให้เห็นใบหน้าที่ไร้การปรุงแต่ง เนื่องจากอาบน้ำทำความสะอาด
"โว้ย! นึกว่าใคร ตัวเองนี่หว่า..รู้อย่างนี้เขียนคิ้วสักนิดก็ดี เฮ้อ~ ตกใจหน้าสดตัวเอง ขวัญเอ๊ยขวัญมา"
ก๊อก ก๊อก
ทันทีที่เสียงกรีดร้องสงบลง ผู้เป็นแม่ก็เคาะประตูแล้วรีบเข้ามาหา "เป็นอะไรโมรี!"
"ปะ เปล่าจ้ะแม่ ไม่มีอะไร"
"ร้องเสียงดังซะตกอกตกใจหมด แล้วอย่าลืมที่แม่สั่งนะ ว่า..."
"ทุกคืนต้องสวดมนต์ก่อนนอน ห้ามถอดพระออกจากคอเด็ดขาด ยกเว้นเวลานอนให้เอาวางไว้ใต้หมอน"
"แล้ว..."
"ต้องอาบน้ำมนต์ของหลวงพ่อทุกเดือนห้ามขาด เฮ้อออ หนูจำได้หมดทุกอย่าง แม่พูดกรอกหูหนูทุกวัน"
"จำได้ก็ดี รีบไปเปลี่ยนเสื้อผ้าแล้วลงมากินข้าว วันนี้แม่ทำแกงผักกาดเอาไว้ให้"
โมรีทำหน้าเบื่อหน่าย แม้ว่าเธอจะย้ายเข้ามาอยู่ในเมืองกรุงแต่ก็ไม่พ้นอาหารพื้นบ้าน มีแต่ผักผลไม้แทบจะไม่มีเนื้อสัตว์บำรุงแคลเซียมร่างกาย
ในเมือง
ผับ Aaaa
ชายหนุ่มกอดคอกันเมาแอ๋สามคน เดินโซซัดโซเซมายังลานจอดรถ เนื่องด้วยฤทธิ์ของแอลกอฮอล์ทำให้พูดคุยกันไม่ค่อยรู้เรื่อง
"วันนี้โคตรสุดเหวี่ยงเลย" วายุพูดพลางหันไปหาเพื่อนสนิทที่หยิบกุญแจรถขึ้นมาอย่างทุลักทุเล "มึงเจอกุญแจหรือยังไอ้เตชิน กูอยากกลับแล้วเนี่ย"
"กูก็กำลังคิดอยู่ว่ามันอันไหน ตาลายฉิบหาย" เตชินตอบ
"เราสองคนอาการหนักไม่เท่ามันหรอก"
"ใคร..."
สองหนุ่มหันหน้าไปทางเดียวอย่างพร้อมเพรียงกัน เพื่อนสนิทอีกคนกำลังยืนขาปั้นเป๋หัวฟัดหัวเหวี่ยง ถอดเข็มขัดหนังสีดำราคาแพง
"มึงทำอะไรไอ้คอส" วายุถาม
"มึงตาบอดหรือไงกูยืนเยี่ยวอยู่เนี่ย"
"ที่กูถามเพราะมึงเยี่ยวรดศาลอยู่?! ไม่เห็นหรือไง เขาเอาดอกไม้ธูปเทียนมาไหว้กัน คืนนี้ผีหักคอมึงแน่"
"มาเถอะ เป็นตัวผู้กูจะต่อยให้ลืมบ้านเลขที่ เป็นตัวเมียกูจะจับเอาไม่ให้ไปผุดไปเกิด เหอะ! ผีไม่มีในโลกมึงจำไว้นะ วิทยาศาสตร์เท่านั้นที่มีจริง" คำพูดจาของคอสกวนประสาทเป็นนิสัยสันดานที่แก้ไม่หาย
ผู้ชายหน้าตาดี เจ้าเล่ห์ สูงราว 188 ผิวขาว ซึ่งนับถือศาสนาคริสต์ตั้งแต่กำเนิด ชื่อคอส ก็มาจาก cross ที่แปลว่าไม้กางเขน
ซึ่งไม้กางเขนเป็นสัญลักษณ์ของพระเจ้า