1.1

954 Words
บทที่ 1 กริ๊งงงง… เสียงนาฬิกาปลุกที่ตั้งอยู่ที่โต๊ะเล็กข้างเตียงเรียกให้เปลือกตาสีอ่อนที่ปิดสนิทเปิดขึ้น แสนหวานหอบหายใจจนตัวโยนราวกับว่าก่อนหน้าเพิ่งผ่านการวิ่งมาสักสิบกิโลเมตร มือเรียวยังคงกุมอยู่ที่หน้าอกตอนที่ผุดตัวลุกขึ้นนั่ง ลมหายใจที่กระชั้นถี่ในตอนแรกค่อยๆ กลับมาเป็นปกติ มือเรียวยกขึ้นลูบใบหน้าราวกับต้องการเรียกสติให้กลับคืนมาเมื่อภาพในความฝันชัดเจนจนทำให้หน้าร้อนผ่าว “บ้าบอที่สุด” นั่นคือประโยคแรกที่ออกมาจากริมฝีปากสีเรื่อ ก่อนที่ตากลมโตจะเบิกโพลงเมื่อเหลือบไปเห็นเวลาบนนาฬิกาแขวนผนังทรงกลมอย่างเต็มตา เพราะบ่งบอกว่าเธอกำลังจะไปทำงานสาย แสนหวานกระโดดลงจากเตียง เท้าถึงพื้นห้องได้ก็ขยับรัวๆ มุ่งหน้าเข้าห้องน้ำอย่างไม่คิดชีวิต “สถานีต่อไปสุขุมวิท” ทันทีที่ได้ยินเสียงประกาศถึงจุดหมายปลายทางแสนหวานก็ลุกจากเบาะนั่ง ขยับเท้ามาใกล้ประตูเตรียมความพร้อมที่จะก้าวออกจากรถไฟฟ้า โชคดีที่อพาร์ตเมนต์ของแสนหวานอยู่ห่างจากบีเอสมอลล์เพียงแค่สองสถานี ทำให้แสนหวานไม่ต้องตื่นแต่เช้าตรู่ แค่อาจจะต้องทนเบียดเสียดกับประชากรชาวออฟฟิศคนอื่นๆ มากหน่อยก็เท่านั้นเอง ก้าวออกจากรถไฟฟ้าได้แสนหวานก็สับเท้ารัวๆ มุ่งหน้าไปยังบีเอสมอลล์ที่อยู่ห่างจากสถานีรถไฟฟ้าเพียงสามร้อยเมตรทันที บีเอสมอลล์เป็นห้างสรรพสินค้าชั้นนำของประเทศที่บริหารโดยบีเอสกรุ๊ป และเจ้าของกิจการก็คือคนในตระกูลศุภกิจหิรัญ บารเมษฐ์เป็นทายาทรุ่นที่สามที่เข้ามาบริหารบีเอสกรุ๊ป โดยเขาถือหุ้นอยู่ที่หกสิบห้าเปอร์เซ็นต์ บีเอสมอลล์มีมากกว่ายี่สิบสาขาทั่วประเทศ และสาขาใหญ่ก็คือสาขาสุขุมวิท แสนหวานถึงโต๊ะทำงานก่อนเวลาเข้างานสิบห้านาทีไม่ขาดไม่เกิน จัดการเก็บกระเป๋าสะพายใส่ลิ้นชักโต๊ะแล้วลงมือเปิดแล็ปท็อปรุ่นล่าสุดทันที ติ๊ง… เสียงสัญญาณดังมาจากลิฟต์ทำให้แสนหวานผุดลุกขึ้นยืนด้วยท่าทางกระตือรือร้นหลังจากที่เพิ่งจะนั่งได้ไม่ถึงห้านาที คนที่กำลังเดินออกมาจากลิฟต์คือบารเมษฐ์กับวรุฬที่ปรึกษาของเขา “สวัสดีค่ะคุณเมษฐ์ คุณวรุฬ” แสนหวานกล่าวทักทายทั้งคู่เฉกเช่นทุกวัน แต่มีบางอย่างในวันนี้ที่ดูแปลกไปนั่นก็คือแสนหวานไม่กล้าสบสายตาบารเมษฐ์ เรียกได้ว่าแทบไม่กล้ามองหน้าอีกฝ่ายเลยด้วยซ้ำ ทั้งนี้ทั้งนั้นล้วนเป็นเพราะความฝันบ้าบอเมื่อคืน เหตุการณ์จริงมันจบก็ตรงนี้เธอพาบารเมษฐ์ไปส่งที่ห้อง แล้วเขาก็เดินเข้าห้องนอนไปเอง เธอไม่ได้เข้าไปในห้องนอนของเขาเสียหน่อย หลังจากนั้นเธอก็กลับห้องและก็ดันมาฝันเพี้ยนๆ แบบนั้น และมันก็ทำให้เธอไม่กล้ามองหน้าเขาตรงๆ “คุณเป็นอะไร” แสนหวานที่กำลังส่งยิ้มให้วรุฬถึงกับชะงักไป เรียกได้ว่าชะงักกึกราวกับมีใครสักคนกดรีโมตสั่งหยุดทุกการเคลื่อนไหว แพขนตางอนกระพริบถี่ เลี่ยงการสบสายตาตอนที่ตอบออกไป “ไม่ได้เป็นอะไรค่ะคุณเมษฐ์ หวานสบายดี ทุกอย่างโอเคค่ะ” “งั้นมองหน้าผมซิ” ดวงตากลมโตเบิกกว้าง แต่เพราะภาพในความฝันผุดขึ้นมาในหัวอย่างปัจจุบันทันด่วน แสนหวานหน้าม้านเกินกว่าจะกล้าหาญสบสายตาอีกฝ่ายจึงได้แต่ตอบเสียงอ้อมแอ้ม “แหมมมคุณเมษฐ์ ให้หวานมองหน้าแบบนั้น หวานก็เขินเป็นเหมือนกันนะคะ” แสนหวานแกล้งหัวเราะกลบเกลื่อน แต่คนอย่างบารเมษฐ์ไม่คิดจะผ่อนปรนอะไรทั้งนั้น เขาเอ่ยย้ำด้วยเสียงที่เข้มงวดมากกว่าตอนแรก “แสนหวาน มองหน้าผม” เสียงที่เข้มงวดทำเอาวรุฬที่อยู่ในเหตุการณ์ก้าวเท้าถอยหลังห่างออกไปจากทั้งคู่อย่างอัตโนมัติ เขาประเมินดูแล้วว่าตอนนี้สถานการณ์ค่อนข้างกดดัน ดังนั้นเขาควรถอยห่างออกไปก่อน และปล่อยให้แสนหวานถูกบารเมษฐ์มองด้วยสายตาบีบบังคับเพียงลำพัง “มองแล้วค่ะ มองแล้ว” สุดท้ายแสนหวานจำต้องแสร้งทำเป็นใจกล้าทั้งที่อุณหภูมิบนใบหน้าพุ่งขึ้นสูงจนแทบจะทะลุปรอท เธอรู้จักนิสัยของบารเมษฐ์ดี เขาคิดว่าตัวเองเป็นศูนย์กลางของจักรวาล หากไม่ได้ตามที่ต้องการก็ไม่มีทางลดราวาศอกอย่างแน่นอน “ก็แค่นั้น” เมื่อสมใจปรารถนาบารเมษฐ์ก็ก้าวขาเข้าไปในห้อง วรุฬรีบตามไปติดๆ แต่ก่อนที่จะก้าวเข้าห้องทำงานของบารเมษฐ์ เขาหยุดเท้าตรงหน้าแสนหวาน “ปลอดภัยดีนะครับ” “ไม่ช่วยกันเลยนะคะ” แสนหวานแสร้งทำหน้ามุ่ยใส่วรุฬอย่างตัดพ้อที่อีกฝ่ายไม่ยอมช่วยเหลือกัน แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นหญิงสาวก็เข้าใจได้ คำว่าท่านประธานปากร้ายและวางตัวเองเอาไว้เป็นศูนย์กลางของจักรวาลของบารเมษฐ์ไม่ใช่ได้มาเพราะว่าโชคช่วยจริงๆ “รู้รักษาตัวรอดเป็นยอดดีครับ” วรุฬจบบทสนทนาด้วยประโยคดังกล่าวก่อนจะเดินหายเข้าไปในห้องทำงานของบารเมษฐ์ แสนหวานมองค้อนอีกฝ่ายไล่หลังอย่างไม่จริงจังก่อนจะขยับเก้าอี้แล้วนั่งลง หยิบไอแพดขึ้นมาเช็คตารางงานของบารเมษฐ์ในวันนี้ เพราะอีกสิบห้านาทีเธอต้องเข้าไปแจ้งรายละเอียดให้อีกฝ่ายทราบ
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD