3.3

1138 Words
“เป็นอะไร ทำหน้าเหมือนอาหารไม่ย่อย” บารเมษฐ์เหลือบตามองร่างบางที่เบาะนั่งข้างคนขับ พวกเขาเพิ่งจะออกมาจากคฤหาสน์ของคุณสิรดาได้ราวๆ สิบนาที การที่อีกฝ่ายดูสงบปากสงบคำมากกว่าปกติทำให้บารเมษฐ์อดรู้สึกแปลกใจไม่ได้ “ขนมเค้กอร่อยมาก หวานก็เลยกินไปเยอะเลยค่ะ แหะๆ” แสนหวานหัวเราะกลบเกลื่อน ยอมรับว่าขนมเค้กอร่อยมากจริงๆ ทว่าหลังจากที่คุณสิรดาฝากฝังให้เป็นแม่สื่อให้รินรดีหลานสาวคนสวยของอีกฝ่าย แสนหวานก็กลืนเค้กไม่ลงคออีกเลย “ทีหลังก็ระมัดระวังเรื่องการกินหน่อย ผมขี้เกียจหาเลขาฯ ใหม่” แสนหวานรู้สึกแปลกใจอยู่นิดหน่อยกับน้ำเสียงที่ดูเข้มงวดกว่าปกติ แต่ถึงกระนั้นหญิงสาวก็รีบตอบออกไปอย่างแข็งขัน “หวานทราบแล้วค่ะ” หลังจากนั้นภายในห้องโดยสารก็ตกอยู่ในความเงียบ จนกระทั่งตอนที่บารเมษฐ์ขับผ่านทางสี่แยก มีรถกระบะสีดำขับตามมา ทีแรกเขาก็ไม่ได้ติดใจอะไร คิดว่าเป็นผู้ใช้ถนนตามปกติ ทว่าพอเขาเลี้ยวเข้าซอยรถคันดังกล่าวก็ยังขับตาม พอเขาเลี้ยวออกจากซอยรถคันนั้นก็เลี้ยวตามอีก มันดูจะบังเอิญเกินไปหน่อย คิ้วดกหนาที่พาดเหนือดวงตาเรียวรีขมวดมุ่น ใบหน้าหล่อเหลาเต็มไปด้วยความเคร่งเครียด ทำเอาคนไม่รู้อิโหน่อิเหน่อย่างแสนหวานงุนงง “คุณเมษฐ์อยากขับรถเล่นหรือคะ” เพราะเห็นบารเมษฐ์ขับรถเข้าซอยนั้นออกซอยนี้ แสนหวานก็อดสงสัยไม่ได้ “อืม” บารเมษฐ์เอ่ยเสียงเรียบ ปรับสีหน้าที่เคร่งเครียดให้ผ่อนคลายลงเล็กน้อยเพราะไม่อยากให้แสนหวานตื่นตระหนก และยังคงรักษาระดับความเร็วในการขับรถเอาไว้ เขาเองก็อยากรู้เหมือนกันว่าพวกที่ตามเขามามีจุดประสงค์อะไรกันแน่ ขับมาได้สักระยะบารเมษฐ์ก็จงใจชะลอความเร็วลง พอเขาทำแบบนั้นรถคันที่ตามหลังมาก็ชะลอความเร็วลงเช่นกัน ดวงตาคู่คมมองภาพเหตุการณ์ผ่านกระจกมองหลังก็ต้องขมวดคิ้วแน่น ใบหน้าหล่อเหลาเต็มไปด้วยความครุ่นคิด หากคนในรถคันนั้นจงใจจะทำร้ายเขา ในขณะที่เขาลดความเร็วลงพวกมันควรจะเร่งความเร็วขึ้นมาตีขนาบข้างและคงลงมือทำอะไรสักอย่างไปแล้ว ทว่าพอเขาชะลอความเร็ว คนในรถคันนั้นที่เขาเองก็ไม่ทราบว่ามากันกี่คนกันแน่ก็ชะลอความเร็วลงเช่นกัน และนั่นก็ยิ่งทำให้บารเมษฐ์หงุดหงิดเพราะไม่รู้จุดประสงค์ของอีกฝ่าย “คุณเมษฐ์เป็นอะไรหรือเปล่าคะ ทำไมหน้าเครียดเชียว” หลังจากที่อีกฝ่ายตอบรับคำถามที่ว่าอยากขับรถเล่น แสนหวานก็ลอบสังเกตบารเมษฐ์อยู่บ่อยครั้ง และก็ได้เห็นว่าในตอนนี้อีกฝ่ายมีใบหน้าที่เคร่งเครียดจนน่ากังวล “คืนนี้นอนคอนโดฯ ผมก่อนแล้วกัน” บารเมษฐ์ไม่ตอบในสิ่งที่แสนหวานถามออกไปก่อนหน้า แต่กลับพูดในสิ่งที่ทำให้แสนหวานต้องตกใจจนหน้าตาตื่น หญิงสาวเอ่ยเสียงตะกุกตะกัก “ทะทำไมคะ” “อพาร์ตเมนต์คุณอยู่ไกล อีกอย่างตอนนี้ก็ดึกมากแล้ว อีกไม่ถึงสิบนาทีก็จะถึงคอนโดฯ ผมแล้ว” ถึงแม้รถยนต์ที่ขับตามพวกเขามาดูเหมือนว่าไม่ได้จะทำอันตรายอะไร เพราะหากตั้งใจมาทำร้ายก็คงตีรถคู่ขึ้นขนาบข้างแล้วลงมือตั้งแต่ที่เขาจงใจชะลอความเร็ว แต่บารเมษฐ์ก็ไม่อาจวางใจได้ ปลอดภัยไว้ก่อนน่าจะดีที่สุด “คุณเมษฐ์…ไม่ได้คิดจะทำอะไรหวานหรอกใช่ไหมคะ” แสนหวานมองบารเมษฐ์ด้วยท่าทางหวาดระแวง แขนเรียวทั้งสองข้างยกขึ้นกอดตัวเองเอาไว้แน่น ร่างเล็กเบียดตัวเข้าหาประตูราวกับต้องการเว้นระยะห่างจากเขาให้มากที่สุด และมองมาที่บารเมษฐ์ราวกับอีกฝ่ายเป็นบุคคลอันตราย “คุณจบเอกมโนโทจินตนามาหรือไงแสนหวาน เลอะเทอะ” บารเมษฐ์ถึงกับส่ายหน้าแถมด้วยการถอนหายใจด้วยสีหน้าอิดหนาระอาใจเป็นการสำทับว่าแสนหวานมีจินตนาการที่สุดโต่งเกินไป “แหมมมม ใครจะไปรู้ล่ะคะ อยู่ดีๆ คุณเมษฐ์ก็อยากขับรถเล่น แถมจู่ๆ ก็ชวนไปนอนคอนโดฯ อีก จะไม่ให้หวานคิดเลอะเทอะได้ยังไงกันล่ะคะ” “ผมไม่ได้ชวน แค่บอกว่าคืนนี้ให้นอนที่คอนโดฯ ของผมก่อน” เรียวปากอิ่มที่ปิดสนิทในตอนแรกเผยอน้อยๆ ตากลมโตมองเสี้ยวหน้าของคนที่กำลังตั้งใจขับรถ พยายามคิดวิเคราะห์ประโยคที่เพิ่งออกมาจากริมฝีปากหยักได้รูปอย่างละเอียด ‘ที่คุณเมษฐ์พูดไม่ใช่การเชิญชวน แต่เป็นแค่ประโยคคำสั่งแล้วเราก็ต้องทำตามอย่างนั้นเหรอ’ “งั้นหวานขอปฏิเสธค่ะ หวานอยากกลับห้องของหวาน” แสนหวานเริ่มจะหงุดหงิดขึ้นมาหน่อยๆ กับความเอาตัวเองเป็นศูนย์กลางจักรวาลของบารเมษฐ์ เธอจะไม่ยอมอ่อนข้อให้อีกฝ่ายเด็ดขาด ตอนนี้ไม่ใช่เวลาในเวลางาน เพราะฉะนั้นแสนหวานถือว่าเธอกับบารเมษฐ์มีความเท่าเทียมกัน “ทำไม กลัวผมทำอะไรคุณหรือไง” ไม่บ่อยครั้งนักที่แสนหวานจะมีโอกาสได้เห็นรอยยิ้มแสนเจ้าเล่ห์บนใบหน้าของบารเมษฐ์ และเพราะแบบนั้นแสนหวานก็รู้สึกว่าใจเต้นแรงขึ้นมาอย่างช่วยไม่ได้ และรู้สึกหวั่นใจก็เกิดขึ้นในคราวเดียวกัน “ทำไมหวานต้องกลัวด้วยล่ะคะ” แสนหวานแสร้งเชิดหน้าขึ้นตอบ พยายามข่มความรู้สึกแปลกๆ กับสายตาคมกริบเมื่อครู่ถึงแม้ว่าตอนนี้เขาจะหันไปมองถนนเบื้องหน้าเรียบร้อยแล้วก็ตาม ทว่าสุดท้ายก็ไร้เสียงตอบกลับจากอีกฝ่าย ชั่วพริบตาดวงตากลมโตดำขลับต้องเบิกกว้างเพราะเพิ่งทันได้เห็นว่าตอนนี้บารเมษฐ์ขับรถเข้ามาใต้ตึกคอนโดฯ ของเขาเรียบร้อยแล้ว ความเร็วรถค่อยๆ ลดลงและเข้าจอดยังที่จอดประจำตามเลขป้ายทะเบียนที่ระบุเอาไว้แล้วเขาก็ก้าวลงจากรถ มือเรียวคว้าสายเข็มขัดนิรภัยเอาไว้แน่นตอนที่บารเมษฐ์เดินอ้อมมาฝั่งที่เธอนั่ง มือหนาดึงประตูให้เปิดกว้างพลางโน้มตัวเข้ามาในตัวรถ ระยะห่างระหว่างกันก็ลดน้อยถอยลงจนแสนหวานเผลอกลั้นหายใจกับคำพูดที่ทำให้หัวใจของเธอต้องเต้นแรงราวจังหวะรัวกลองรบ “ถ้าไม่กลัวก็ลงมา”
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD