“ขอบคุณมากนะคะคุณแพรวที่ให้หวานยืมใช้พื้นที่แต่งตัว”
นอกจากจะเปลี่ยนเสื้อผ้าในห้องลองชุดแล้วแสนหวานก็ใช้พื้นที่ของห้องเสื้อในการแต่งหน้าไปพร้อมกัน ในกระเป๋ามหัศจรรย์ของแสนหวานมีเครื่องสำอางพร้อมสรรพ เพราะในฐานะเลขาฯ ของท่านประธานบีเอสมอลล์รูปลักษณ์เป็นสิ่งสำคัญ ดังนั้นแสนหวานจึงต้องเตรียมพร้อมอยู่เสมอ แต่งหน้าแต่งตัวเรียบร้อยแสนหวานก็ออกจากห้องเสื้อแพรวตรงดิ่งไปที่ลานจอดรถผู้บริหาร
แสนหวานมาถึงที่ลานจอดรถก่อนเวลานัดหมายราวสิบห้านาที พอถึงเวลาสิบแปดนาฬิกาตรงไม่ขาดไม่เกิน รถของบารเมษฐ์ก็มาจอดตรงหน้าหญิงสาว ก่อนที่กระจกฝั่งซ้ายจะลดลง
“ขึ้นมาสิ”
แสนหวานรีบเปิดประตูขึ้นไปนั่งด้วยท่าทางกระตือรือร้น ปิดประตูเสร็จก็ดึงเข็มขัดนิรภัยมาคาด บารเมษฐ์กวาดสายตามองชุดที่หญิงสาวสวมใส่ เขาไม่ได้เอ่ยอะไรออกมา แต่แววตาฉายชัดว่าพึงพอใจชุดราตรีสีฟ้าน้ำทะเลที่แสนหวานสวมใส่ พอเห็นว่าแสนหวานนั่งเรียบร้อย เขาก็ขับรถออกไป
“เป็นไงคะ ชุดนี้ใช่ได้ใช่ไหมคะ หวานไม่ดูแปลกใช่ไหม”
เห็นท่านประธานไม่ยอมพูดอะไรแสนหวานก็รู้สึกว่าความมั่นใจที่มีเต็มร้อยถูกลดทอนลง ตากลมโตจับจ้องเสี้ยวใบหน้าหล่อเหลาของคนที่กำลังทำหน้าที่ขับรถอย่างรอคอยคำตอบ
“ไม่แปลก”
เท่านั้นละแสนหวานเลยยิ้มออกมาได้ คำว่าไม่แปลกของบารเมษฐ์หญิงสาวถือว่าเป็นคำชม เพราะถ้าจะให้เขามาชมว่าเธอดูสวยยามที่สวมใส่ชุดนี้หรือในยามอื่นๆ นั่นต้องเป็นบารเมษฐ์ตัวปลอมหรือไม่ก็เป็นบารเมษฐ์เวอร์ชั่นที่สมองได้รับการกระทบกระเทือนอย่างไม่ต้องสงสัย แบบนี้แหละเป็นตัวเขาที่สุดแล้ว
“ผมไม่ได้ชมว่าคุณสวย แค่บอกว่าไม่แปลก ทำไมต้องยิ้มหน้าบานขนาดนั้น”
บารเมษฐ์บอกเสียงเรียบพลางตบไฟเลี้ยวเพื่อมุ่งหน้าไปยังเส้นทางที่จะไปงานเลี้ยงวันเกิดของลูกค้า คนที่ยิ้มหน้าบานในตอนแรกอย่างแสนหวานก็หุบยิ้มฉับ เธออุตส่าห์พยายามคิดในแง่ดีแล้วแท้ๆ แต่บารเมษฐ์ดันมาตัดกำลังใจกัน ผู้ชายคนนี้ทำให้เธอต้องกลายเป็นคนที่ต้องคิดบวกจริงๆ อันดับแรกคืออยากบวกกับเขาก่อนเลย
“ทำหน้ายักษ์ใส่ผมทำไม”
บารเมษฐ์ชำเลืองมองด้วยสีหน้าเรียบนิ่ง ทว่าหากแสนหวานทันสังเกตสักนิดเธอจะเห็นว่านัยน์ตาคู่คมดูพริบพราวแต่ก็เพียงชั่วเสี้ยวนาทีก่อนจะหายไป รวมถึงรอยยิ้มจางๆ ที่มุมปากของเขานั่นก็ด้วย
“หน้ายักษ์ที่ไหนกันคะ หวานทำหน้าสวยต่างหาก”
“คุณพกความมั่นใจมาจากไหนเยอะแยะกันแสนหวาน”
แสนหวานไม่ได้หูฝาด เธอได้ยินเสียงบารเมษฐ์กลั้วหัวเราะในลำคอ ถึงแม้จะกินช่วงเวลาไม่นานแต่มันก็มากพอที่ทำให้แสนหวานกลายเป็นเลขาฯ หน้ายักษ์ขึ้นมาจริงๆ
“คุณเมษฐ์พูดจาบั่นทอนกำลังใจสตรีตัวเล็กๆ อย่างหวานแบบนี้ไม่น่ารักเลยนะคะ”
“ผมก็ไม่เคยบอกว่าตัวเองน่ารักอยู่แล้ว”
“คุณเมษฐ์!”
แสนหวานเผลอขึ้นเสียงใส่อีกฝ่ายอย่างลืมตัว ชั่วพริบตาพอรู้ว่าตัวเองเผลอทำอะไรลงไปก็รีบตั้งสติ แล้วขอโทษขอโพยอีกฝ่ายด้วยเหตุผลที่ว่าเธอยังไม่พร้อมเป็นคนว่างงานในตอนนี้
“ขอโทษที่เสียงดังค่ะ หวานก็แค่…”
“แค่อยากด่าผม”
“คุณเมษฐ์ก็พูดเกินไป ใครจะกล้าด่าเจ้านายที่ใจดี๊ใจดีอย่างคุณเมษฐ์กันล่ะคะ”
“คุณเอาตัวรอดเก่งกว่าที่ผมคิดนะแสนหวาน”
แสนหวานทำเพียงยิ้มรับคำชมนั้นตาแป๋ว ทั้งที่ในใจมีคำเป็นหมื่นล้านคำที่อยากจะตอบโต้กลับไป แต่ก็ช่างเถอะ ให้บทสนทนาระหว่างเธอกับบารเมษฐ์จบลงในแบบที่เขาชมเธอน่ะดีแล้ว ถึงแม้ว่าในคำชื่นชมนั้นจะดูคล้ายเหน็บแนมเธออยู่หน่อยๆ ก็เถอะ
“ขอบคุณมากๆ เลยนะคะคุณบารเมษฐ์ที่อุตส่าห์มา”
“ด้วยความยินดีครับ” บารเมษฐ์ยิ้มพลางส่งกล่องของขวัญที่แสนหวานเป็นคนเตรียมมาให้สิรดาเจ้าของคลินิกสิรดาบิ้วตี้ “ของขวัญครับ”
“ขอบคุณมากค่ะ ลำบากแย่เลย”
“ไม่ลำบากอะไรเลยครับ”
บารเมษฐ์รับคำด้วยรอยยิ้มบางๆ แสนหวานที่ยืนข้างเขาเองก็กำลังยิ้มเฉกเช่นเดียวกัน แต่ต่างกันก็ตรงที่หญิงสาวยิ้มเต็มใบหน้า
“ขอให้คุณสิรดามีความสุขมากๆ นะคะ หวานขอให้กิจการของคุณสิรดาเจริญรุ่งเรืองรายได้ร้อยล้านพันล้าน และอย่าลืมใช้พื้นที่ของบีเอสมอลล์ในการขยายกิจการนะคะ”
“ขอบใจจ้ะหนูแสนหวาน” คุณสิรดายิ้ม “เลขาฯ คุณบารเมษฐ์นี่ขายของเก่งดีนะคะ”
“ครับ”
บารเมษฐ์รับคำ เขาชำเลืองสายตามองแสนหวานที่กำลังส่งยิ้มกว้างไปให้คุณสิรดาโดยไม่รู้ว่าถูกสายตาคู่หนึ่งลอบมอง ครู่เดียวเขาก็ดึงสายตากลับมาที่เจ้าของงานวันเกิดอีกครั้ง
“นี่ถ้าไม่ทราบมาก่อนว่าหนูแสนหวานเป็นเลขาฯ ของคุณบารเมษฐ์ ฉันคงคิดว่าประธานบีเอสมอลล์พาภรรยาออกงานแล้วนะคะ แต่งตัวเข้ากันเชียว”
“ไม่ใช่แบบนั้นหรอกค่ะ” แสนหวานโบกมือปฏิเสธเป็นพัลวัน “คุณเมษฐ์แค่อยากให้หวานใส่ชุดสีคล้ายๆ กัน หวานจะได้ไม่ดูแปลก”
“อ๋ออออ เป็นอย่างนี้นี่เอง”
แสนหวานไม่แน่ใจว่าการรับคำพลางพยักหน้ารับของคุณสิรดาจะเป็นการเข้าใจจริงๆ หรือว่าเชื่อครึ่งไม่เชื่อครึ่ง แต่หากให้เธอเดาแสนหวานคิดว่าน่าจะเป็นอย่างหลังเสียมากกว่า
“คืออย่างนี้นะคะ”
“ไปกันเถอะ คุณสิรดาต้องรับแขกคนอื่นอีก”
แสนหวานยังไม่ทันได้อธิบายให้คุณสิรดาเข้าใจอย่างแจ่มแจ้งบารเมษฐ์ก็ตัดบท แต่ก็เป็นจริงอย่างที่เขาว่าเพราะมีแขกเหรื่อกำลังทยอยเข้ามาในงาน
“ตามสบายเลยนะคะคุณเมษฐ์ ต้องการอะไรก็บอกคนของฉันได้เลยนะคะไม่ต้องเกรงใจ”
“ขอบคุณมากครับ” บารเมษฐ์ยิ้มสุภาพให้คุณสิรดาก่อนจะหันไปบอกแสนหวาน “ไปกันเถอะ”
“แต่ว่า…”
“แสนหวาน”
น้ำเสียงที่เข้มขึ้นทำให้แสนหวานหน้ายู่ แต่ก็ไม่กล้าขัดคนที่กำลังตีหน้ายักษ์ใส่ สุดท้ายก็จำต้องก้าวเท้าตามร่างสูงที่เริ่มขยับเท้าเข้าไปด้านในงานอย่างเลี่ยงไม่ได้