สองต่อสอง

1215 Words
ระยะทางจากศาลากลางบ้านมาถึงบ้านของฉันนั้นไม่ไกลกันมาก ทำให้นั่งรถมาแป๊บเดียวก็ถึงที่หมาย แต่ฉันยังไม่อยากลงจากรถเลย ยังอยากดื่มด่ำกับความรู้สึกนี้ต่ออีกสักนิด “ถึงแล้วบัว” พี่ทิศหันมาบอกพร้อมกับดับรถ ฉันถึงได้งัวเงียขึ้นมาแล้วลงจากรถ ทว่าดันกะความสูงของรถผิดไปหน่อย ถึงได้ก้าวพลาดและล้มฟุบไปกับพื้น ซ้ำรอยแผลที่หัวเข่าจนเผลอร้องลั่น “บัว!” พี่ทิศรีบเตะขาตั้งรถแล้วพุ่งเข้ามาประคองฉัน “เป็นไงบ้าง” “เจ็บจ้ะ” ฉันเงยหน้าขึ้นทั้งน้ำตาคลอ เพราะแผลที่หัวเข่าถลอกซ้ำอีกรอบ “เฮ้ออ ไม่ระวังตัวเองเลย” เขาดุไม่จริงจัง ก่อนจะเงยหน้าขึ้นมองบ้านที่เงียบสนิท “พ่อแม่กลับมายัง” ฉันกวาดสายตามองรอบข้าง ไม่เห็นรถที่จอดอยู่ คาดว่าน่าจะยังไม่กลับมาจากงาน “น่าจะยังจ้ะ พะ พี่ทิศ จะทำอะไรจ๊ะ” ฉันเบิกตาโพลงพร้อมกับกอดคอเขาแน่น เพราะจู่ ๆ ก็ถูกอุ้มขึ้นอย่างง่ายดายจนตัวลอย “พาขึ้นห้องไง เราเดินไม่ไหวหรอก” เขาเอ่ยเสียงเรียบในขณะที่พาฉันเดินขึ้นบ้าน ความรู้สึกที่ใจเต้นระส่ำอย่างบ้าคลั่งเริ่มกลับเข้ามาอีกรอบแล้ว “ห้องไหน” “นี่จ้ะ” ฉันชี้มือบอก พร้อมกับล้วงกระเป๋าหยิบกุญแจห้องส่งให้ เขาถึงได้จัดการไขประตูอย่างรวดเร็วแล้วพาฉันเข้าไปนั่งลงบนเตียงนอน ตอนนี้ถึงได้เห็นว่าเลือดเริ่มซึมออกมาจนไหลหยดลงขา “ล้างน้ำดีไหม?” ฉันพยักหน้าเห็นด้วย ก่อนจะบอกให้เขาช่วยประคองไปที่ระเบียงด้านหลังห้องแล้วใช้น้ำจากขวดที่อยู่ในห้องล้างแผล เมื่อสะอาดแล้วถึงได้กลับเข้ามาในห้องอีกครั้ง “มีกล่องยาไหม?” “มีจ้ะ แต่เป็นสมุนไพรของพ่อ” ฉันชี้มือให้เขาดูถาดใส่ยาบนตู้เสื้อผ้า เขาก็รีบเดินไปหยิบทันที ทว่าดันหยิบเอากล่องไม้ที่ฉันหวงแหนมาแทน “นี่เหรอ” “ไม่ใช่จ้ะ!” ฉันร้องลั่นจนแทบจะสร่างเมา ทำเอาเขาตกใจไปด้วย “เอ่อ... ตะกร้าด้านข้างน่ะพี่ทิศ” “อ๋อ” เขาวางกล่องไม้ลงตามเดิม แล้วหยิบถาดยาของฉันออกมาดูอย่างพิจารณา คงไม่เคยเห็นอะไรแบบนี้ เพราะเขามียาสำเร็จรูปไว้ใช้ แต่บ้านฉันเน้นใช้สมุนไพรรักษาเอง ไม่ใช่ว่ามันรักษาหายหรือใช้ดีกว่ายาที่ซื้อตามร้านหรอกนะ แต่เป็นเพราะว่าไม่มีเงินซื้อต่างหาก ขั้นตอนทำแผลฉันขอทำเองเพราะกลัวพี่ทิศไม่ถนัด แต่เขาก็ยังไม่ยอมกลับ ยังคงยืนกอดอกจ้องมองดูฉันทำแผลจนเสร็จ “ฝ้ายเขาพูดอะไรหรือเปล่า ทำไมถึงคิดว่าพี่กับฝ้ายเป็นแฟนกัน” ฉันเงยหน้าขึ้นสบตาอีกฝ่ายอย่างประหม่า กลัวจะถูกมองว่าไปเซ้าซี้ถามอะไรพี่ฝ้าย “เปล่าจ้ะ” “รู้ไหม พี่สอบสวนผู้ต้องหามาไม่ต่ำกว่าร้อย และพี่ดูออกว่าตอนนี้บัวกำลังโกหก” คนร่างใหญ่ขยับมาใกล้ชิด พลางยกมือขึ้นจับเรียวแก้มฉันให้เงยขึ้นมาสบตา “ผู้ร้ายปากแข็งเหรอเนี่ย” เขายิ้มเจ้าเล่ห์ พร้อมกับยื่นหน้ามาใกล้ทำใจฉันสั่นไหวระรัว ราวกับจะกระเด็นออกมาด้านนอก “พะ พี่ฝ้ายเขาแค่บอกว่ารอพี่ทิศขอเป็นแฟนน่ะจ้ะ” “หึ” เขาแค่นหัวเราะ ก่อนจะคลายมือออกจากแก้มนิ่ม จากนั้นก็ย่อตัวลงนั่งต่อหน้าฉัน “แล้วบัวเชื่อไหม” ฉันไม่ได้ตอบในทันที เอาแต่เม้มริมฝีปากเอาไว้แน่น “คราวหลังอยากรู้ก็ถามพี่สิ ไปถามคนอื่นทำไม” “ขะ ขอโทษจ้ะ ต่อไปบัวจะไม่ยุ่งเรื่องพี่ทิศอีก” “พี่ไม่ได้หมายความว่าแบบนั้น” เขารีบแย้งขึ้นมาทันที ก่อนจะตบมือเข้าหน้าผากของตัวเอง “ยุ่งได้ พี่ไม่ว่า แต่ให้มาถามพี่เอง ถ้าคนอื่นตอบ ก็ไม่รู้จะตอบเรื่องจริงไหม ถ้ามาถามพี่ บัวก็จะได้ความจริงไง” “อ๋ออ” ฉันพยักหน้าเบา ๆ ก่อนที่เราทั้งคู่จะเงียบไป เพราะไม่รู้จะคุยอะไรกันต่อ “พี่ทิศขับรถกลับไหวไหมจ๊ะ” “ถ้าบอกว่าไม่ไหวจะให้นอนด้วยเหรอ” “...” ฉันนิ่งงันไปทันที เพราะคิดไม่ถึงว่าเขาจะตอบกลับมาแบบนี้ “เอ่อ... กะ ก็ได้จ้ะ เดี๋ยวบัวนอนพื้นเอง” “หึ ๆ” คนได้ฟังหลุดขำออกมาทันที จนฉันอดสงสัยไม่ได้ “พี่ทิศขำอะไรจ๊ะ” “ขำคนซื่อ นี่พี่อ่อยจนไม่รู้จะอ่อยยังไงแล้วนะ” อ่อยเหรอ? หมายถึง... “พี่ว่าพี่กลับดีกว่า พี่เมาหนักจริง ๆ คงไม่เหมาะที่จะอยู่กับเราสองต่อสอง” เขาลุกขึ้นยืนแล้วเตรียมจะถอยออกห่าง แต่ช้าไปกว่ามือเล็กที่คว้าแขนเขาเอาไว้ “พี่ทิศ! บัวมีอะไรอยากบอกจ้ะ” ฉันกลั้นใจเอ่ยเรียกชื่ออีกฝ่ายเสียงดังทั้งที่เอาแต่ก้มหน้ามองมือที่สั่นเทาของตัวเอง จริง ๆ ฉันควรปล่อยให้เขาเดินจากไปแล้วปล่อยให้เรื่องทุกอย่างมันจบตั้งแต่วันนี้ แต่หากให้มองอีกมุม คงไม่มีโอกาสไหนที่จะเหมาะเท่านี้แล้ว วันที่ฉันกล้าพอที่จะพูด เพราะฤทธิ์เหล้ามันทำให้ความละอายของฉันเบาบางลง ที่สำคัญ... ฉันจะได้คืนสร้อยให้กับเจ้าของสร้อยด้วย “ฉัน...” ความกดดันเริ่มครอบคลุมจนพูดไม่ออก แต่ได้มาขนาดนี้แล้วต้องยอมหลับตาปี๋แล้วกลั้นใจพูดออกไป “ฉันชอบพี่ทิศจ้ะ! ชอบมาเป็นสิบปีแล้ว ชะ ชอบตั้งแต่ตอนที่พี่ช่วยฉันจากการจมน้ำ แล้วชีวิตฉันก็ไม่เคยชอบใครเลยนอกจากพี่ และที่วันนี้ที่ฉันต้องบอกความจริง เพราะฉันรู้ว่าเรื่องของเราไปต่อไม่ได้แล้ว ฉันกำลังจะแต่ง... อุ๊บ!” ตาที่ปิดเอาไว้สนิทเบิกโพลงด้วยความตกใจ เพราะถูกอีกฝ่ายจับเรียวแก้มเชิดขึ้นแล้วโน้มลงมาจูบ เขาไม่เพียงแต่แตะสัมผัส แต่เขาสอดปลายลิ้นร้อนชื้นเข้ามาหยอกเย้าในโพรงปากของฉันอย่างดูดดื่ม จากที่ตัวเกร็งอยู่แล้ว ฉันก็ยิ่งเกร็งเข้าไปใหญ่จนแทบลืมวิธีหายใจด้วยซ้ำ “พี่บอกแล้วใช่ไหม ว่าเราไม่ควรอยู่ด้วยกันสองต่อสอง” เขาพูดหลังจากที่ผละจูบออก พลันยกมือขึ้นมาเกลี่ยที่ริมฝีปากอย่างบางเบา สายตาหยาดเยิ้มจ้องมองที่ริมฝีปากอย่างเสน่ห์หา ก่อนจะโน้มลงมาจูบซ้ำอีกรอบและดันตัวฉันลงช้า ๆ จนนอนนาบไปกับเตียง “บอกให้พี่หยุดได้นะ ตอนนี้พี่ยังยั้งตัวเองทัน” ฉันนิ่งงันอย่างชั่งใจ รู้ดีหมดว่าผิดชอบชั่วดีคืออะไร อยู่ที่จะเลือกทำ หรือไม่ทำเท่านั้นเอง...
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD