บทที่ 1 นางเอกและนางร้าย
*** คุณเคยคิดไหมว่าวันหนึ่งถ้าตายตัวเองจะไปไหน คงไม่มีใครคิดถึงเรื่องนั้นเพราะทุกคนต่างอยากมีชีวิตอยู่ต่อไปนานแสนนาน เช่นเดียวกันเธอก็คิดแบบนั้น แต่เมื่อวันหนึ่งต้องถึงวันเปลี่ยนแปลงเธอก็ต้องยอมรับมันให้ได้***
กองถ่ายละคร พิษรักร้าย
บรรยากาศภายในห้องใหญ่ดูตึงเครียดเมื่อร่างบางของคนที่ดูเย่อหยิ่งเดินเข้ามา เสียงหัวเราะและเสียงทีวีที่ดังค่อย ๆ ลดความดังลงเมื่อเห็นดวงตาของเธอเปล่งประกายไปด้วยความโกรธและความเจ็บปวด วนิดาภรรยาที่ถูกต้องตามกฎหมายแม้เธอจะมาทีหลังโดยการจับคู่ของผู้ใหญ่ทั้งสองฝ่าย แต่ยังไงตอนนี้เธอก็คือเมียที่ถูกต้อง ส่วนผู้หญิงอีกคนที่ยืนทำตัวสั่นอยู่ตรงนั้นคือผู้หญิงที่สามีเธอรัก เมื่อหญิงสาวคนนั้นมองมาที่เธอ แววตาที่เต็มไปด้วยความหวาดกลัวของคนที่เป็นเมียเก็บไม่ได้ทำให้เธอสงสารเลยสักนิด
วนิดาก้าวเท้าเข้าไปใกล้พลอยด้วยท่าทางคุกคามอย่างเห็นได้ชัด
“ทำไมเธอถึงอยู่ที่นี่!?” น้ำเสียงของวนิดามีความโกรธแสดงออกมาอย่างชัดเจน ขณะที่สองมือกำเข้าหากันแน่นเตรียมพร้อมสำหรับการกระทำที่รุนแรง
“คะ...คุณนิดาอย่าเข้าใจผิดนะคะ คือพี่เอกไม่สบายแล้ว...” พลอยพยายามที่จะอธิบายความบริสุทธิ์ใจของตัวเอง
“แล้วอะไร! แล้วแกก็เลยถือโอกาสเข้ามาในพื้นที่ของฉันเหรอฮะ ฉันบอกแกหลายครั้งแล้วใช่ไหม ที่ฉันยอมทนให้แกอยู่ทุกวันนี้เพราะเอกเขาสัญญาว่าจะให้คนอย่างแกอยู่ที่ของตัวเองไม่มาวุ่นวายกับฉัน ฉันถึงไม่ทำอะไรแกจนถึงทุกวันนี้...แล้วนี่แกโผล่มาทำไม!!?”
นอกจากจะไม่รอฟังในสิ่งที่อีกฝ่ายพูดแล้ว เธอพุ่งตัวไปข้างหน้ากระชากผมสวยจนอีกฝ่ายต้องแหงนหน้าขึ้นเพราะความเจ็บปวด
มือเล็กพนมเข้าหากันหวังให้วนิดาเห็นใจ แต่กลับไม่เป็นแบบนั้น เพราะมือของวนิดาตบหน้าของเธออย่างแรง เสียงตบดังไปทั่วห้อง จนทำให้บุคคลที่สามที่เป็นต้นเหตุของเรื่องนี้เดินมาได้ยิน
“ทำบ้าอะไรของเธอนิดา!!?”
เสียงตะคอกของชายผู้เป็นสามีทำให้วนิดายิ่งเดือดดาลมากกว่าเดิม แต่เธอก็ทำอะไรไม่ได้เพราะท่าทีที่สามีปกป้องหญิงสาวอีกคนมันทำให้เธอเจ็บแทบจะกระอักเลือดตาย
เธอเลือกที่จะสูดหายใจเข้าลึก ๆ พร้อมกับน้ำตาที่ไหลออกมาอย่างไม่รู้ตัว
ส่วนพลอยก็ไม่ต่างกัน เธอไม่ได้อยากให้มันเป็นแบบนี้ เธอกับลูกรู้ดีว่าที่ของตัวเองมันอยู่ตรงไหน ไม่เคยมีเลยสักครั้งที่คิดอยากเข้ามาแทนที่ของวนิดา
แม้หลายครั้งเธอจะน้อยใจในโชคชะตาทั้งที่เธอมาก่อนกลับได้เป็นแค่เมียในความลับ น้ำตาใสก็ไหลอาบแก้มทั้งเจ็บร่างกายและเจ็บใจในโชคชะตา ชายคนรักก็ได้แค่เพียงดึงเธอมากอดเพื่อปลอบโยน
“คัตตตต!!”
เสียงดังของผู้กำกับการแสดงดังขึ้นหลังจากที่นักแสดงในฉากถ่ายทอดบทบาทของตัวละครผ่านความรู้สึกของตัวเองผ่านแล้ว หลังจากนั้นนักแสดงหลักทุกคนก็ได้เริ่มรับการดูแลจากคนในกองถ่าย
“ริน! ซอลขอโทษนะที่ทำให้ต้องถ่ายหลายเทคเลย”
ซอล หรือ ศิรินันท์ วัลพิทักษ์วงศ์ษา นางเอกแนวหน้าของเมืองไทยที่ได้รับบทพลอยนางเอกของเรื่องพิษรักร้ายในเวลานี้ เดินมาขอโทษนางร้ายในเรื่องอย่าง ริน หรือ รินดา เวียงผาสุข นางร้ายของเรื่อง ที่ได้รับฉายานางร้ายหน้าสวยด้วยความเกรงใจ ส่วนคนที่ถูกขอโทษแบบรินก็ได้แต่ถอนหายใจยาว
เธอไม่ชอบผู้หญิงตรงหน้าเลยจริง ๆ ถึงแม้ว่าอีกฝ่ายจะดีแสนดีก็ตาม
“ไม่เป็นไร คนที่เจ็บตัวก็ไม่ใช่ฉันอยู่แล้วถ้าเป็นฉากนี้อย่างมากฉันก็แค่เจ็บมือ แต่ก็นะ วันหลังเธอก็ช่วยทำตัวมีสติในการทำงานหน่อย คำว่ามืออาชีพน่ะ เข้าใจหรือเปล่า?”
พอพูดจบรินก็ปลีกตัวเดินออกจากตรงนั้นทันทีเพราะคิวถ่ายของเธอหมดแล้ว
เธอไม่ถูกชะตากับผู้หญิงคนนี้เลยจริง ๆ เหมือนเป็นนางเอกตลอดเวลา บอบบางจนดูไร้เรี่ยวแรงและดูแสนดีจนเกินไป
แต่เพราะต้องไปออกรายการบันเทิงที่นัดสัมภาษณ์เธอไว้ต่อเลยต้องมานั่งแต่งหน้าทำผมใหม่
เพล้ง!!
ขวดเครื่องแต่งหน้าราคาแพงถูกปาลงบนพื้นด้วยความโมโห ใบหน้าสวยที่เต็มไปด้วยความโกรธของนางร้ายเบอร์หนึ่งของประเทศ มองช่างแต่งหน้าและช่างทำผม ที่นั่งตัวสั่นอยู่บนโซฟา
“พวกเธอตั้งใจใช่ไหม รู้ไหมการที่ทำแบบนี้มันอาจจะทำให้เธอทั้งสองคนตกงานได้ทันทีเลยนะ ไม่สิติดคุกได้เลยต่างหาก”
รินพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงกดดัน หลังจากที่พยายามสงบสติอารมณ์ที่พลุ่งพล่านของตัวเองมาเป็นเวลานาน
...ทำไมเธอถึงเป็นแบบนี้นะเหรอ?
เพราะหลายนาทีก่อนหน้า แม่สาวช่างหน้าช่างผมสองคนของกองถ่ายพากันวางแผนที่จะแกล้งเธอ ด้วยการนำผงขมิ้นที่เธอแพ้ขั้นรุนแรงมาเทใส่ลงบนครีมบำรุงผิวของเธอน่ะสิ
“พวกเราขอโทษจริง ๆ นะคะ คือพวกเราแค่อินกับละครเมื่อคืน”
“อินกับละคร!!” คนที่ได้รับคำตอบแบบนั้นกลับคืนมาถึงกับโมโห เหตุผลที่เธอเกือบตายเป็นเพราะละครหลังข่าวที่เธอได้รับบทนางร้ายงั้นเหรอ
“ขอโทษนะคะคุณริน อย่าเอาเรื่องพวกเราเลย เราสองคนมีพ่อแม่กับลูกต้องคอยดูแล ถ้าถูกไล่ออกตอนนี้คงพากันอดตายกันทั้งครอบครัว”
“มีแค่พวกเธอเท่านั้นเหรอที่ลำบาก รู้ไหมว่าฉันสามารถแจ้งความจับพวกเธอข้อหาพยายามฆ่าได้เลยนะ ฉันมีใบรับรองจากแพทย์ว่าแพ้ขมิ้นขั้นรุนแรง ถ้าเกิดฉันกับผู้จัดการไม่ได้กลิ่นแล้วเผลอใช้มันขึ้นมาจริง ๆ ฉันตายได้เลยนะ ถึงเวลานั้นจริงพวกเธอรับผิดชอบไหวไหม?”
“คือ...”
“รินไม่ต้องเสียเวลาคุยหรอก ฉันว่าจับส่งตำรวจเลยดีกว่า” น่านน้ำผู้จัดการสาวและยังเป็นเพื่อนสนิทของนางร้ายที่เธอดูแลอยู่พูดด้วยน้ำเสียงโกรธเคืองไม่แพ้กัน
“เดี๋ยวก่อนน้ำ!”
แต่ยังไม่ทันที่น่านน้ำจะหยิบโทรศัพท์ออกมา รินก็รีบห้ามไว้ก่อน ทำให้คนที่ถูกห้ามถึงกับขมวดคิ้วเข้าหากันอย่างสงสัย
อย่าบอกนะว่าเพื่อนคนนี้ของเธอจะไม่เอาเรื่อง มันไม่ใช่นิสัยของอีกฝ่ายเลยสักนิด
“มีอะไร?”
“ปล่อยไปเถอะ”
“ห๊ะ!! บ้าไปแล้วเหรอไง!! ยัยพวกนี้คิดจะฆ่าแกเลยนะ จะปล่อยพวกมันไปทำไม?”
ตอนนี้น่านน้ำโกรธยัยสองคนที่ก่อเรื่องและโกรธเพื่อนของตัวเองมาก จะยังเอาชีวิตของตัวเองไปแขวนบนเส้นด้ายกับคนพวกนี้อีกทำไม มันไม่ใช่นิสัยของเธอเลยสักนิด
“แต่ฉันยังไม่ตายไง แต่ถ้าเราแจ้งความขึ้นมาอาจจะมีคนตายจริง ๆ ก็ได้”
“โอ๊ยยยย!! งั้นตามใจแกแล้วกัน ส่วนพวกเธอสองคนออกไปซะ ถ้าเห็นว่ามาป้วนเปี้ยนใกล้รินอีก ฉันไม่ยอมง่าย ๆ แน่”
“ขอบคุณค่ะ ขอบคุณมาก ๆ นะคะ”
พอเห็นว่าดาราสาวไม่เอาเรื่องแล้วทั้งสองคนก็รีบวิ่งออกจากห้องพักส่วนตัวทันทีเพราะกลัวว่าถ้าขืนอยู่นานคู่กรณีจะเปลี่ยนใจ
“ฉันไม่เข้าใจแกเลย ทำไมยังยอมให้คนพวกนั้น ถ้าวันดีคืนดีพวกนั้นมันบ้าทำเรื่องพวกนี้อีกล่ะ?”
“เอาน่ะ ตอนนี้มันยังไม่มีอะไร แต่ถ้าฉันแจ้งจับพวกเธออาจจะมีคนตายจริง ๆ ก็ได้”
”อย่าบอกนะ ว่าอยากเล่นบทนางเอกกับเขาบ้าง แต่อย่าเลยถ้าแกเป็นนางเอกเหมือนยัยซอลผู้แสนดี ฉันจะลาออกจากการเป็นผู้จัดการแกทันที”
คำพูดของเพื่อนทำเอารินถึงกับอดขำไม่ได้ เธอเนี่ยนะนางเอก ไม่ว่าจะในจอหรือนอกจอเธอก็เป็นนางร้ายในสายตาคนอื่นอยู่แล้ว
“เอาเถอะ! ปล่อยไปทำบุญทำทานบ้างเผื่อวันหนึ่งฉันเกิดตาย สวรรค์จะเห็นความดีครั้งนี้แล้วให้ฉันเกิดใหม่...มา ๆ แต่งหน้าให้ฉันหน่อย ขืนออกไปให้สัมภาษณ์ช้า เดี๋ยวก็เขียนข่าวว่าให้ฉันเป็นคนชอบสายอีก”
“ยังไม่ชินกับข่าวพวกนี้อีกเหรอ ล่าสุดแกก็ถูกโยงว่าเป็นมือที่สามระหว่างศิวากับแม่นางเอกซอลอะไรนั่นหนิ แต่ว่านะ ไหนบอกว่าไม่ได้ชอบศิวา แล้วทำไมแกยังไปเดตกับเขาอีก?”
น่านน้ำอดที่จะบ่นคนในปกครองตัวเองไม่ได้ นึกถึงเรื่องนี้ทีไรเธอจะเป็นบ้าแล้ว โดนทั้งเจ้านายด่า โดนทั้งนักข่าวคอยตามจี้เรื่องข่าวที่เกิดขึ้น อีกหน่อยเธอคงจะเป็นบ้าจริง ๆ
“เดตอะไรกันล่ะ วันนั้นฉันแค่พายายไปตรวจสุขภาพ แต่ดันไปเจอศิวาที่โรงพยาบาลระหว่างรอยายตรวจ แล้วเขาออกปากว่าอยากเลี้ยงกาแฟฉันสักแก้วจะให้ปฏิเสธก็ยังไงอยู่”
“จริงหรือเปล่า ไม่ใช่ว่าแกรักเขาแล้วอยากใช้โอกาสนี้ใกล้ชิดกันเหรอ?”
พอได้ยินคำว่ารักรินถึงกับถอนหายใจยาว เธอพูดได้เต็มปากเลยว่าตัวเองไม่ได้รู้สึกรักพ่อดาราหนุ่มคนนั้นเลยสักนิด ไม่ใช่สเปกเลย
อีกอย่าง เธอไม่อยากคบกับคนในวงการเดียวกันหรอกนะเพราะขี้เกียจมีข่าวเลิกราเหมือนคู่อื่น
“ไม่มีทาง! ฉันขอพูดอย่างเต็มปากเลยว่าตัวเองไม่รู้สึกพิศวาสอะไรเลยสักนิด”
“จ้า ๆ วันแถลงข่าวก็พูดแบบนี้แล้วกันนะ”
หลังจากนั้นก็มีทีมงานมาเรียกรินไปเข้าฉาก ทุกอย่างผ่านไปด้วยดี ยกเว้นสายตาของทีมงานที่มองเธออย่างไม่พอใจอยู่ตลอด
“คัต!! เอาล่ะเลิกกองได้ ขอบคุณนักแสดงทุกท่านด้วยนะครับ”
เสียงสัญญาณจากผู้กำกับมือทองทำให้ทีมงานต่างพากันโห่ร้องอย่างดีใจ เพราะฉากนี้ถ่ายทำเกือบหนึ่งชั่วโมงเต็มเพราะเป็นฉากที่ถูกเพิ่มคิวอย่างกะทันหัน ทำให้ทั้งนักแสดงและทีมงานต่างพากันกดดันกันหมด
“น้องรินไปดื่มกับพวกพี่ไหม?”
รินหันไปมองคนที่มาชวน เธอเป็นรุ่นพี่นักแสดงในค่ายเดียวกันกับเธอ อีกฝ่ายเป็นคนที่เฟรนด์ลีมาก ไม่ค่อยถือตัวหรือเห็นคนอื่นเป็นคู่แข่งตลอดเวลา เธอเลยสบายใจที่จะคบหาด้วย
“ได้สิคะพี่ฝัน รินกำลังเหนื่อย ๆ อยากดื่มพอดี แต่ว่าเราจะไปดื่มที่ไหนกันดีคะ?”
“งั้นไปดื่มที่บาร์คอนโดพี่แล้วกัน ที่นั่นปลอดภัยจากนักข่าว” ฝันพูดอย่างเข้าใจหญิงสาว ตอนนี้รุ่นน้องเธอคนนี้เจอข่าวฉาวรุมเร้าแทบทุกด้านจากนักข่าว คงจะไม่ค่อยอยากไปที่พลุกพล่านเท่าไหร่
“ดีเลยค่ะ รินไม่อยากเจอนักข่าวพอดี”
“โอเคงั้นเดี๋ยวพี่ส่งโลเคชันให้นะ”
“ได้เลยค่ะ”