HIT Bar
“น้องรินรู้เรื่องที่ค่ายหนังใหญ่จากเกาหลีจะมาลงทุนทำหนังที่ไทยหรือเปล่า?” ฝันมองข้อความที่ทางต้นสังกัดใหญ่ตัวเองส่งมาก่อนจะถามหญิงสาวที่นั่งดื่มอยู่ข้าง ๆ
“ไม่ค่ะ รินเพิ่งได้ยินจากพี่ฝันเลย” รินตอบพร้อมกับยิ้มอ่อนให้ ความจริงเธอสังกัดที่เธออยู่มันก็แค่บริษัทขนาดเล็ก ที่เพิ่งเปิดตัวได้ไม่นาน มีดีหน่อยคือได้เธอมาเป็นดาราในสังกัด
“พี่ว่าน้องรินควรไปนะ บทเหมาะกับน้องรินมาก...เอางี้เดี๋ยวพี่ส่งบทตัวละครหลักให้แต่อย่าไปบอกใครนะว่าเป็นพี่ที่บอก”
“ได้เลยค่ะ พี่ฝันก็รู้รินไม่ใช่พวกปากสว่าง”
“นั่นสิ ถ้ารินเป็นคนแบบนั้น พี่คงไม่คบด้วยนานขนาดนี้” ฝันยิ้มอย่างอ่อนโยน นอกจากซอลแล้วก็มีรินนี่แหละที่เธอรู้สึกเอ็นดูและคบหาด้วยในวงการ แต่ถึงแบบนั้นทั้งคู่ก็ไม่ได้สนิทกันแม้แต่นิดเดียว อาจจะเพราะด้วยทั้งคู่มีนิสัยที่ต่างกันอย่างสุดขั้วเหมือนสีขาวกับสีดำหรือกลางวันกับกลางคืนเลยก็ว่าได้
ครืด~ ครืด~
“พี่ฝันเดี๋ยวรินขอรับสายก่อนนะคะ” รินเห็นชื่อของเพื่อนสนิทบนหน้าจอโทรศัพท์ก็ได้แต่ถอนหายใจยาว วันนี้หลังจากแยกกันเป็นครั้งที่ 3 แล้วนะที่ยัยเพื่อนคนนี้โทรหาเธอ
“ว่าไง แกมีอะไรกับฉันอีก?”
(ยัยรินยังไม่กลับอีกเหรอ?)
“ยัง...ฉันยังดื่มอยู่กลับพี่ฝัน”
(กลับได้แล้วตอนนี้มันกี่โมงกี่ยามแล้ว พรุ่งนี้แกมีงานนะ อีกอย่างขับรถตอนกลางคืนมันอันตราย)
“โอ๊ยยยย ฉันรู้แล้วน่ายัยน้ำ ย้ำอยู่นั่นแหละ ถ้าดื่มแล้วรู้สึกเมาสัญญาจะเรียกแท็กซี่โอเคไหม?”
รินเริ่มหงุดหงิดหลังจากที่คนปลายสาย เน้นย้ำเรื่องเมาแล้วขับกับเธออยู่นานสองนานก่อนจะตัดสายไป น่านน้ำที่รู้ว่าเธอไม่ได้กลับคอนโดก็โทรศัพท์มาหา แต่พอรู้ว่าเธอมาดื่มโดยไม่บอกก็โวยวายยกใหญ่
“ผู้จัดการเหรอน้องริน?”
“ใช่ค่ะพี่ฝัน คงจะเป็นห่วงเพราะพรุ่งนี้มีงานต่อไม่อยากให้อยู่ดึก...ถ้าไม่เสียมารยาทรินขอกลับเลยได้หรือเปล่าคะ?” รินมองเวลาบนนาฬิกาข้อมือตัวเอง ผ่านมาหนึ่งชั่วโมงแล้วที่เธอนั่งดื่มอยู่ที่นี่ เพราะอย่างนั้นควรกลับอย่างที่น่านน้ำบอกได้แล้ว
“ได้สิ จอดรถไว้ที่นี่ไหม? เดี๋ยวพี่เรียกแท็กซี่ให้”
“ไม่เป็นไรค่ะ รินไม่ค่อยได้ดื่มขับรถกลับไหว อีกอย่างนี่เพิ่งจะ 4 ทุ่มเอง”
“จะดีเหรอ? พี่ว่า...”
“ไม่เป็นไรค่ะพี่ฝัน ไว้รินถึงคอนโดจะส่งข้อความหานะคะ”
รินลุกออกจากเก้าอี้แล้วบอกลารุ่นพี่อีกครั้ง ก่อนจะเดินกลับมาที่รถ เธอดื่มไปไม่ถึง 5 แก้วเลยด้วยซ้ำ เพราะงั้นเลยคิดว่าตัวเองไม่น่าจะมีปัญหาเรื่องขับรถเท่าไหร่
แต่พอหลังจากขับรถออกมาได้สักพักเธอก็เห็นว่ามีด่านตำรวจตั้งอยู่ ขืนฝืนขับเข้าไปตอนนี้คงโดนเป่าแอลกอฮอล์แน่ และคงไม่พ้นเป็นข่าวหน้าหนึ่ง
พอมีข่าวแบบนี้ทุกคนเริ่มแบนเธอจากวงการหนักกว่าเดิม เพราะงั้นไม่ควรพาตัวเองไปอยู่ในจุดที่เป็นข่าว
คิดได้แบบนั้นแล้วเธอก็หักพวงมาลัยรถตรงมาอีกทางที่เป็นสะพานข้ามแม่น้ำ แม้จะวนไกลหน่อยแต่เธอก็รู้สึกสบายใจ
นานแค่ไหนแล้วนะที่ไม่ได้ผ่านทางนี้ คิดถึงจัง ช่วงที่เธอยังไม่ซื้อคอนโดแล้วพักอยู่ที่บ้านกับยายก็ผ่านทางนี้ประจำ แสงไฟตรงสะพานที่สะท้อนกับพื้นผิวน้ำจนเกิดแสงระยิบระยับทำให้เธออดใจมองไม่ได้ จนลืมสังเกตว่ากำลังมีรถคันใหญ่พุ่งมาหารถของตัวเองด้วยความเร็ว
ปรี๊น~ปรี๊นนนน~
แสงไฟรถยนต์จากถนนอีกฝั่งก็เปิดไฟสูงสาดมาที่ตาของเธอทำให้พร่ามัวไปหมด เธอพยายามประคองพวงมาลัยรถให้มั่นคงมากที่สุด จนกระทั่งรถคันใหญ่ที่เสียหลักคันนั้นพุ่งตรงมาหาเธอด้วยความเร็ว
“กรี๊ดดดด~”
ปัง!! ตู้มม!! ซ่า~
ในที่สุดรถคันเล็กก็ถูกรถบรรทุกชนอย่างแรง จนไปกระแทกกับราวสะพานที่กำลังมีการซ่อมแซมเพราะผุพังเลยทำให้รถรินพลัดตกสะพานตกลงแม่น้ำใหญ่
รินตอนนี้แทบจะไม่ได้สติ เธอรู้สึกเพียงแค่ว่าตัวเองทรมานจากการจมน้ำมากเหลือเกิน
มากจนไม่มีแม้แต่แรงจะตะเกียกตะกายช่วยเหลือตัวเอง
[ถ้าสวรรค์มีอยู่จริง ขอให้ฉันได้โอกาสมีชีวิตรอดอีกสักครั้งไม่ได้เหรอ?]
โรงพยาบาลสุธารารัตน์ (ห้องฉุกเฉิน)
รถเข็นเปลนอนผู้ป่วยสองคัน คันหนึ่งถูกเข็นเข้าไปในห้องฉุกเฉิน อีกหนึ่งคันถูกเข็นพาไปที่ห้องดับจิตเพื่อรอญาติมารับร่างไร้วิญญาณกลับไปทำพิธี
“คนไข้ชื่อ นางสาวศิรินันท์ วัลพิทักษ์วงศ์ษา อายุ 25 ปี ถูกยิงจากทางด้านหลัง อยู่ในอาการโคม่าเพราะเสียเลือดมากครับ” ผู้ช่วยหมออ่านชาร์ตที่ได้รับรายงานในมือให้หมอที่อยู่เวรฟังอย่างละเอียด แต่จู่ ๆ ก็มีเสียงแทรกของใครบางคนดังขึ้น
“เตรียมการผ่าตัดให้หมอดนัยเป็นคนจัดการ” ถึงแม้น้ำเสียงของคนที่พูดจะฟังเรียบเฉย แต่ทุกคนที่เป็นหมอต่างพากันรู้ทันทีว่าคนไข้ฉุกเฉินคนนี้คงจะสำคัญมาก
“ครับ” หมอผู้ช่วยตอบรับ
เขารู้ดีว่าไม่ง่ายเลยที่รอยส์ หรืออดิเทพ ศิลาวรรณรัตน์ ลูกชายเจ้าของโรงพยาบาลและกำลังจะขึ้นเป็นผู้อำนวยการของโรงพยาบาลอีกไม่กี่เดือนข้างหน้าจะสนใจเคสคนไข้แบบนี้ เพราะงั้นเขาเลยรีบแจ้งเรื่องไปหาหมอที่เก่งที่สุดของโรงพยาบาลทันที
พรึ่บ!!
แพทย์ที่ทำการผ่าตัดและผู้ช่วยแพทย์ที่มีหน้าที่ต่างยืนล้อมรอบร่างของคนไข้ เสียงเตือนของคลื่นความถี่หัวใจก็ดังขึ้นเป็นระยะ
หมอมองใบหน้าที่ซีดเผือดตรงหน้าก่อนจะสูดหายใจเข้าลึก ๆ แล้วเริ่มลงมือทำการรักษาเพื่อต่อชีวิตคนไข้ทันที ส่วนคนที่เป็นคนสั่งให้จัดการเคสด่วนครั้งนี้ก็นั่งมองการผ่าตัดผ่านห้องกระจกอย่างเงียบ ๆ
[ไม่ได้เจอกันนานเลยนะ ไม่คิดว่าฉันต้องมาเจอเธอด้วยสภาพแบบนี้ ถึงแม้ฉันจะไม่ชอบเธอ แต่ฉันขอสัญญาว่าฉันจะต้องต่อลมหายใจให้เธอให้ได้...ซอล! เธอจะต้องไม่ตาย!!]
“ขอมีด” เสียงทุ้มบอกกับทีมให้ส่งอุปกรณ์ตามที่ตัวเองจะใช้ตามลำดับขั้นตอนอย่างชำนาญ
หลังจากนั้น ภายในห้องผ่าตัดคุณหมอทุกคนก็พยายามช่วยคนไข้อย่างสุดกำลัง เหมือนกับชายหนุ่มอีกคนที่กำลังนั่งลุ้นการผ่าตัดครั้งนี้ หวังว่าเธอจะลืมตาขึ้นมาอีกครั้งในโลกใบนี้ เขาช่วยเธอได้เพียงแค่นี้จริง ๆ