“เป็นอะไรครับเมย์ อารมณ์เสียแต่เช้าเชียว” แล้วชายหนุ่มคนหนึ่งก็ก้าวตามหลังเมย์ลดาเข้ามา ทันทีที่พิมพ์ดาวเห็นเขา เธอตะลึงในความหล่อราวเทพบุตรของเขาจนมิอาจวางตา กระนั้นแล้ว ในความหล่อ กลับมีความคุ้นเคยแฝงอยู่ เธอรู้สึกคุ้นหน้าเขาอย่างบอกไม่ถูก...ผู้ชายที่ถูกแนะนำว่าเป็นคู่รักของคนที่เพิ่งไล่เธอออกอย่างเลือดเย็น
“ไม่มีอะไรหรอกค่ะเล็ก เมย์แค่จัดระเบียบพนักงานนิดหน่อยค่ะ” แล้วเจ้าหล่อนก็เข้าควงแขนชายหนุ่มอย่างสนิทสนม “ตั้งแต่เล็กกลับมาจากอังกฤษ เรายังไม่ได้ดินเนอร์กันเลยนะคะ คืนนี้เป็นไงคะ”
“คืนนี้...?”
“หรือว่านัดสาวๆ ที่ไหนไว้แล้ว”
“ที่ไหนได้ล่ะครับ คุณพ่อท่านเล่นล็อคคิวผมยาวเป็นเดือน เพื่อเดินสายไปพบญาติกับหุ้นส่วนจนไม่มีเวลาสังสรรค์กับเพื่อนคนไหนเลย”
“แม้แต่เมย์ที่เป็นคู่หมั้นเหรอคะคุณคิมหันต์!”
กรี๊ด คุณคิมหันต์! พิมพ์ดาวยอมรับว่าสะดุดใจตั้งแต่ทีแรกว่าอาจเป็นเขา แต่เธอคิดว่าเขายังไม่กลับจากเมืองนอกน่ะสิ ทำไมบิดาไม่บอกอะไรเธอสักคำ ว่าศัตรูตัวร้ายของเธอกลับมาแล้ว
วินาทีนี้ เธอช็อคซีนีม่า แข้งขาแข็งเป็นหินจนขยับตัวแทบไม่ได้ หายใจติดขัดเหมือนหวัดลงคอ ท้องไส้ปั่นป่วน ขนลุกชูชัน เธอเป็นอะไรของเธอนะ ก็แค่อดีตเจ้านายตัวแสบที่ไม่ได้เจอหน้ากันมานานนับสิบปี ไม่ใช่ผีซะหน่อย
แม่เจ้า...เขาสูงขึ้นมาก หล่อขึ้นมาก แถมยังสมาร์ทสุดๆ เฮ๊ย...แต่สิ่งที่เหมือนเดิมคือรอยยิ้มและแววตาเจ้าเล่ห์นั่นไง
เธอจำมันได้...เธอจำแววตาที่ชอบมองอย่างดูถูกนั่นได้ขึ้นใจเลยล่ะ ทว่า ตัวเขาเองอาจจำเธอไม่ได้เลย เพราะสายตาของเขาที่มองมาทางเธอนั้น...ว่างเปล่าสุดๆ เหมือนเธอเป็นแค่อากาศธาตุหรือกลิ่นไม่พึงประสงค์เท่านั้น...ใจแป้วเล็กน้อยค่ะ!
ถอยค่ะ ต้องถอย ที่นี่ไม่ใช่ที่ของเธอ?
หญิงสาวเดินก้มหน้า ตัวลีบเหมือนโอลีฟออกจากห้องประชุมใหญ่ของสำนักงาน ก่อนจะถูกนิ้วชี้สวมแหวนเพชรชี้หน้าไล่อีกรอบ
“โชคดีที่เขาจำเราไม่ได้ ไม่อย่างนั้น เขาต้องเรียกเรา นังคนใช้ๆ จนเราต้องอับอายไปทั่ว” ถูกไล่ออกว่าอายแล้ว ถ้าหากถูกเรียกอย่างนั้นอีก เธอคงไม่รู้ว่าจะเอาหน้าไปไว้ที่ไหน “มีสายการบินอีกเยอะแยะที่จะรับฉัน สวยๆ แซ่บๆ อย่างฉัน ปล่อยให้หลุดมือไปได้ จบนอกซะเปล่ายัยเมย์เอ๊ย ตาไม่ถึง วิสัยทัศน์ไม่มี ไม่รู้จักให้โอกาสคน”
“เธอๆ” เสียงเรียกนั้นดังมาจากข้างหลัง เป็นเสียงของชายหนุ่ม เธอตกใจหน้าเสียและเซียวซีด หวังว่าเขาจะ... “เธอใช่คนใช้ที่บ้านฉันรึเปล่า???”
พิมพ์ดาวหยุดกึก ตัวสั่นงันงก ทุกคนในสำนักงานหันมาจ้องเธอเป็นตาเดียว เธอไม่ได้หันไปมองอดีตเจ้านายของเธอ แต่เธอรีบสาวเท้าอย่างเร็วราวกับกำลังแข่งเดินทน โดยไม่สบตากับใครแม้แต่คนเดียว
“นี่ ยัยคนใช้!!!”
ฮ่าๆ ถ้าเธอไม่ได้หูแว่ว เหมือนเธอได้ยินเสียงหัวเราะดังตามหลังเธอมา
“คนใช้เหรอ?”
“ใช่ คนใช้ที่บ้านผม”
ฮึ่ม! หญิงสาวสะกดความโกรธให้สงบ เดินออกจากตึกอย่างกับปิศาจที่ใกล้จะแปลงร่างเต็มที เธอโบกรถแท็กซี่ แล้วสั่งเสียงแข็ง
“ไปวัดที่ใกล้ที่สุดค่ะ” เจ้าหล่อนหน้านิ่ง แต่ครู่เดียวเท่านั้น น้ำตาก็ไหลพรากเป็นน้ำตกทีลอซู เธอปาดน้ำตาป้อยๆ ความรู้สึกในตอนนี้คือเสียใจและเกลียดตัวเองเหลือเกิน...เกลียดที่ตัวเองอ่อนแอ และเกลียดที่ตัวเองเคยเป็นคนใช้!!!