ตอนที่ 3
เสือล่าเหยื่อ
เย็นวันนั้นหลังเลิกเรียน ทั่วทั้งมหาลัยมืดครึ้มมีลมพัดแรง เสียงฟ้าร้องดังครืนพร้อมกับสายฝนที่กระหน่ำลงมาอย่างไม่ทันตั้งตัว ขวัญข้าวยืนอยู่ใต้หลังคาหน้าคณะมองดูสภาพอากาศอย่างหงุดหงิด วันนี้เธอดันไม่ได้เอารถมาแถมเรียกรถก็ไม่ได้ เธอถอนหายใจยกโทรศัพท์ขึ้นมากดเรียกรถอีกครั้ง แต่ก็ไม่มีคันไหนว่างเหมือนเดิม
“ซวยชะมัด”
เธอบ่นกับตัวเองอย่างหงุดหงิด ก่อนจะสะดุ้งสุดตัวเมื่อมีเงาใครบางคนมายืนข้าง ๆ
“ติดฝนเหรอ”
เสียงทุ้มต่ำคุ้นหูทำให้ขวัญข้าวค่อย ๆ หันไปมอง ก่อนจะพบกับร่างสูงของราชันย์ที่ยืนล้วงกระเป๋าอยู่ข้าง ๆ ดวงตาคมฉายแววรู้อยู่แล้วว่าเธอกำลังเดือดร้อนทำให้ขวัญข้าวเบ้ปากอย่างไม่สบอารมณ์
“นายมายุ่งอะไรด้วย”
“หึ”
เขาหัวเราะเบา ๆ ก่อนจะพยักพเยิดไปทางบิ๊กไบค์คันใหญ่ที่จอดอยู่ไม่ไกล
“ซ้อนท้ายฉันไปสิเดี๋ยวไปส่ง”
“ฉันไม่ขึ้นรถคนแปลกหน้านะ”
“อะไรที่แปลว่าแปลกหน้า ได้ข่าวว่าเมื่อคืนเธอยังยั่วฉันอยู่เลยนะ”
“!!”
ขวัญข้าวกัดฟันแน่นก่อนจะมองฝนที่ไม่มีทีท่าว่าจะหยุดตกง่าย ๆ แล้วถอนหายใจ
“ไปก็ไป!”
หลังจากที่ทั้งสองตกลงกันได้แล้ว เธอก็ขึ้นมาซ้อนท้ายเขาแล้วจับเอวไว้ ราชันย์เอี้ยวตัวหยิบหมวกนิรภัยที่มีใบเดียวไปสวมให้เธอ ทำให้ลมเย็นตีเข้าหน้าราชันย์แรงขึ้นเรื่อย ๆ โดยมีเธอซ้อนท้ายอยู่ด้านหลัง ขวัญข้าวค่อย ๆ ขยับแขนเรียวไปโอบรอบเอวเขาไว้แน่นโดยอัตโนมัติเมื่อรถพุ่งทะยานฝ่าสายฝน
เสื้อเชิ้ตนักศึกษาของชายหนุ่มแนบไปกับแผ่นหลังเปียกชื้น ขณะที่ขวัญข้าวเองก็รู้สึกได้ว่าเสื้อตัวเองเริ่มแนบเนื้อเหมือนกัน ให้ตายสิ!
“นายขับเร็วไปปะ!”
เธอตะโกนแข่งกับเสียงฝนทั้งที่รู้ว่าราชันย์นั้นไม่น่าจะได้ยินชัดสักเท่าไหร่ แต่สิ้นสุดคำพูดของเธอเขากลับหัวเราะออกมาอย่างขบขัน
“กลัวเหรอ”
“กลัวบ้านนายสิ! ฉันเปียกหมดแล้ว!”
“ฉันก็เปียก”
ราชันย์เอียงหน้ามาตอบก่อนจะเร่งเครื่องอีกนิด แม้สายตาของเขาจะดีมากแต่เมื่อฝนตกหนักแบบนี้ก็ค่อนข้างมองทางลำบาก จะหยุดหลบฝนก็เกรงว่าจะหนาวกว่าเดิม
“ดูสิ ฉันเปียกกว่าเธออีกเห็นไหม”
ขวัญข้าวเบ้ปากด่าไอ้คนกวนตีนในใจ ก่อนจะซบหน้าลงกับแผ่นหลังเขาแน่นขึ้นเพราะลมมันแรงเกินไป ยังดีที่คอนโดเธอไม่ได้ไกลมหาลัยมากขี่รถเพียงไม่ถึงสามสิบนาทีก็ถึง
ขวัญข้าวตัวเปียกโชกขึ้นคอนโด เปิดประตูห้องเข้าไปก่อนจะโยนกระเป๋าลงกับโซฟาแล้วเดินเข้าห้องน้ำไปทันที
“รออยู่นี่เดี๋ยวหาเสื้อให้เปลี่ยน”
เธอพูดลวก ๆ พลางบิดน้ำออกจากปลายผมอยู่ในห้องน้ำ แต่เพียงแค่เธอเดินพ้นจากห้องน้ำไปเล็กน้อย เสียงหนัก ๆ ของประตูหน้าห้องได้ปิดลงทำให้เธอรู้สึกถึงแรงกดดันบางอย่าง ขวัญข้าวหันกลับไปและก็พบว่าราชันย์ยืนนิ่งอยู่ตรงนั้น ร่างกายของเขานั้นเปียกไปทั้งตัว เสื้อแนบไปกับกล้ามอกแน่น ๆ ผมเปียกชื้นยุ่ง ๆ นิดหน่อย
แต่สิ่งที่ทำให้เธอสะดุดที่สุดคือสายตาราชันย์ แม้ว่าเขาจะไม่ได้พูดอะไรเลยสักคำ แต่ดวงตาคมคู่นั้นกำลังจ้องมาอย่างหิวกระหายจนเธอรู้สึกได้ ขวัญข้าวรีบเม้มปากแน่นหันหลังจะเดินเข้าห้องน้ำ
“ข้าว”
เสียงทุ้มต่ำดังขึ้นทำให้เธอหยุดเท้าโดยอัตโนมัติ ไม่ใช่เพราะกลัวแต่เพราะมันอันตราย เสียงที่เรียกเธอในตอนนี้ไม่เหมือนทุกทีเลย เธอสูดหายใจเข้าลึก ๆ ก่อนจะหันกลับมาพร้อมรอยยิ้มกวน ๆ
“อะไร จะขอบคุณฉันที่ให้ที่หลบฝนเหรอ”
ราชันย์กระตุกยิ้มมุมปากแต่ไม่ได้ตอบอะไร เขาเพียงแค่เดินเข้ามาใกล้
หนึ่งก้าว..
สองก้าว..
ขวัญข้าวถอยหลังไปตามสัญชาตญาณ จนแผ่นหลังเธอชนเข้ากับผนังห้องน้ำพอดี
ชายหนุ่มโน้มตัวลงมาเล็กน้อย ใกล้จนขวัญข้าวต้องเงยหน้าขึ้นสบตา ดวงตาของเขามันดูพร้อมล่าเหยื่อตลอดเวลา มันดูอันตรายเกินไป
“ข้าว”
เขาเรียกเธออีกครั้ง คราวนี้เสียงแผ่วลงแต่กลับหนักแน่นกว่าเดิม ทำให้ขวัญข้าวต้องกลืนน้ำลายลงคออึกใหญ่
“อะไรของนาย”
ราชันย์เดินเข้ามาประชิดตัว แล้วก้มลงกระซิบข้างหูเธอด้วยน้ำเสียงแหบพร่า
“หนีอีกสิ”
เวรเอ๊ย!!! เสียงฝนยังคงโปรยปรายกระทบกระจกหลังคอนโด อากาศในห้องเย็นชื้นจากละอองฝนที่ติดตัวทั้งคู่ตอนเข้ามา แต่ความเงียบระหว่างพวกเขากลับร้อนระอุจนแทบลุกไหม้
ขวัญข้าวพยายามดิ้นรวบรวมแรงทั้งหมดเพื่อผลักเขาออก แต่ราชันย์กลับใช้เพียงแค่มือเดียวตรึงข้อมือเธอไว้เหนือศีรษะ ง่ายดายราวกับเธอไม่มีเรี่ยวแรงจะต่อต้าน
“ราชันย์ปล่อย”
ขวัญข้าวกัดฟันแน่น เสียงเธอสั่นพร่าอย่างห้ามไม่ได้ แต่คนตรงหน้าไม่ได้ทำตามคำขอของเธอแม้แต่น้อย เขาเพียงแค่โน้มตัวลงต่ำ ไล่สายตาจากใบหน้าของเธอไปยังลำคอที่แดงระเรื่อจากอากาศเย็น ก่อนจะแค่นหัวเราะต่ำ ๆ ในลำคอ
“ขัดขืนไปก็เท่านั้นข้าว”
น้ำเสียงเขาไม่ดังแต่กลับกดดันจนเธอแทบหายใจไม่ออก ขวัญข้าวสะบัดข้อมือหวังจะดึงกลับมา แต่ยิ่งขยับราชันย์ก็ยิ่งกระชับแรงที่จับแน่นขึ้นจนเธอไม่มีทางหนี
เธอเม้มริมฝีปากแน่นดวงตาสั่นไหวเล็กน้อย ไม่ใช่เพราะกลัว แต่เพราะเขาอันตรายเกินไป ราชันย์มองเธอนิ่ง ๆ ก่อนจะใช้มืออีกข้างไล้ผ่านแนวแขนที่เปียกชื้นไปตามเสื้อนักศึกษาบาง ๆ ของเธอ แค่ปลายนิ้วสัมผัสขวัญข้าวก็สะดุ้งอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน
“หึ ปั่นหัวฉันไว้เยอะไม่ใช่เหรอ ทีนี้เป็นไง”
ขวัญข้าวกัดริมฝีปากแน่นหันหน้าหนีไม่ยอมสบตาเขา แต่ราชันย์กลับโน้มลงมาใกล้อีกจนปลายจมูกเขาเฉียดข้างแก้มเธอ
“ข้าว”
เสียงทุ้มต่ำเอ่ยเรียกเธอช้า ๆ สัมผัสอุ่นร้อนแนบลงข้างลำคอของเธอเบา ๆ ไม่ได้เร่งเร้า แต่กดดันเสียจนเธอแทบลืมหายใจ ขวัญข้าวพยายามสะบัดตัวหนีแต่มือใหญ่กลับกดสะโพกเธอไว้แน่นไม่ให้ขยับออกห่าง
“อื้อ!”
เธอเผลอหลุดเสียงออกมาก่อนจะรู้ตัวแล้วรีบเม้มปากแน่นขึ้น ราชันย์ชะงักไปครู่หนึ่งแล้วกระตุกยิ้มมุมปากอย่างพึงพอใจ
“เมื่อกี้ครางเหรอ”
“บ้า! ฉันไม่ได้..”
“โกหก”
ราชันย์โน้มลงกระซิบเสียงต่ำข้างใบหูของเธอ ปลายจมูกไล้ผ่านเบา ๆ จงใจทำให้เธอเสียอาการ ขวัญข้าวกำลังสั่นเหมือนลูกนก ไม่ใช่การสั่นเพราะอากาศหนาว แต่เพราะอุณหภูมิร่างกายเธอมันกำลังพุ่งสูงจนแทบทนไม่ไหว! และที่เลวร้ายที่สุดคือเธอรู้สึกว่าเรี่ยวแรงของตัวเองเริ่มหายไปทีละนิดจนแทบยืนไม่อยู่
ราชันย์มองเธอที่เริ่มอ่อนระทวยอย่างพอใจ เขารู้ดีว่าเธอเริ่มจะต่อต้านเขาไม่ไหว ขวัญข้าวพยายามสะบัดหน้าหนี แต่ผู้ชายคนนี้ไม่ยอมปล่อยให้เธอได้หายใจ ริมฝีปากร้อนจัดบดขยี้ลงมาบนปากเธออย่างรุนแรง ไม่มีการอ่อนโยนมีแต่ความเร่าร้อนดิบเถื่อน ราวกับต้องการลงโทษที่เธอกล้าเล่นกับไฟ
“อื้อ!”
ขวัญข้าวพยายามดิ้นแต่ยิ่งดิ้นก็ยิ่งถูกกดแนบชิดกับผนัง ร่างกายของเธอสั่นไหวอย่างห้ามไม่ได้ เธอพยายามใช้มือดันอกเขาออกแต่ราชันย์กลับไม่สะทกสะท้านเลยสักนิด เธอเปลี่ยนเป็นกำหมัดแล้วฟาดลงบนบ่ากว้าง แต่เขากลับไม่แม้แต่จะผละออก กลับกันเขากลับยิ่งบดริมฝีปากลงมาหนักขึ้นกว่าเดิม รุนแรงขึ้น ดุดันขึ้น จนเธอแทบหายใจไม่ทัน
ขวัญข้าวกัดฟันแน่น ใช้แรงเฮือกสุดท้ายจิกเล็บลงบนต้นแขนเขาสุดแรงจนได้กลิ่นคาวเลือดอ่อน ๆ แต่แทนที่ราชันย์จะเจ็บเขากลับหัวเราะต่ำ ๆ ในลำคอราวกับมันเป็นเรื่องสนุก
“กัดเก่งนักนะ”
เสียงทุ้มต่ำกระซิบแหบพร่าข้างริมฝีปากเธอ
“ดี! แบบนี้ต้องสั่งสอน”