เพล้ง!
ยามเช้าเวลา09.00น. เสียงดังจากชั้นล่างสะเทือนถึงคนที่กำลังนอนหลับ
บ้านหรูหราสองชั้นสีขาวใจกลางหมู่บ้านในเมือง ครอบครัวที่อยู่พร้อมหน้าแต่ไร้ซึ่งความสุข
"อะไรอีกเนี่ย!" กำลังฝันหวานต้องตื่นจากภวังค์ เสียงที่ช่วงนี้มักได้ยินบ่อยครั้ง "ทะเลาะกันอีกแล้วสินะ"
ฉันกระเด้งตัวจากฟูกหนานุ่มห้าฟุต ปกคลุมไปด้วยสีชมพูทั้งห้อง ผ้าห่มผ้าปูแม้กระทั่งโต๊ะคอมพิวเตอร์ที่อยู่ปลายเตียง
หลังจากลากสังขารเข้าห้องน้ำ จัดการธุระส่วนตัวเรียบร้อยจึงเดินลงมาชั้นล่าง
"ฮึกกก คุณมันเห็นแก่ตัว!!"
"ตัวเธอเองก็ไม่ต่างกัน ห่วงนักสังคมทางหน้าตาใช้ของเป็นแสนๆ มันต่างกันตรงไหน"
"แต่คุณเป็นหัวหน้าครอบครัวก็ควรรับผิดชอบทุกอย่างสิ"
"กูก็เหนื่อยเป็นนะ!"
เสียงสามีภรรยากำลังโต้เถียงกัน ขณะที่ลูกสาวคนเล็กเพิ่งเดินออกจากห้องหยุดอยู่ทางขึ้นบันได
"เส้นด้ายกลับขึ้นไป" เมื่อเห็นลูกสาวแม่รีบปาดเช็ดน้ำตาจ้องดุเขม็ง
"ทะเลาะกันทุกวันแบบนี้หนูอ่านหนังสือไม่รู้เรื่องหรอกค่ะ"
"ตื่นสายขนาดนี้ยังห่วงเรื่องอ่านหนังสืออีกเหรอ เป็นผู้หญิงควรจะตื่นให้เช้าหน่อย"
"ถ้าตื่นเช้าแล้วต้องมาเจออะไรแบบนี้ หนูตื่นสักตอนสองทุ่มดีกว่า"
น้ำเสียงไม่พอใจกลับเพิ่มไฟสุมให้ผู้เป็นพ่อ อารมณ์เดือดดาล
"ชอบนักพูดจาประชดประชัน เก่งแต่เรื่องแบบนี้" พ่อต่อว่าลูกสาวแต่กลับส่งสายตาเสียดเเทงให้ภรรยา "เหมือนแม่ไม่มีผิด"
"คุณพูดแบบนี้หมายความว่าไง!"
"ฟังภาษาคนไม่รู้เรื่องหรือไง"
"นี่คุณด่าฉันเหรอ"
คิ้วบางขมวดปมจับราวบันไดบีบแน่น ก่อนจะสะบัดหน้าวิ่งกลับขึ้นไปจนหยุดหน้าห้องเนื่องจากมีใครยืนขวาง
"ลงไปทำไม"
"พี่ไม่ได้ยินเหรอพ่อกับแม่.."
"ได้ยินสิแต่แล้วยังไง? เรื่องของผู้ใหญ่แกเป็นเด็กมีหน้าที่เรียนก็เรียนไป"
"ดูเหมือนจะไม่ทุกข์ร้อนเลยนะ แค่พ่อให้เงินซื้อกระเป๋าแบรนด์เนมก็คงพอใจพี่แล้ว"
ตึก
โต้มมม
ไหล่เล็กกระเเทกตัวพี่สาวจนปลิวก่อนจะปิดประตูกระทบเสียงดัง บ้านหลังนี้ประกอบไปด้วยพ่อแม่และลูกสาวสองคน
ลูกสาวคนโต ชื่อ ใยไหม อายุยี่สิบสาม สาวสวยสูงหุ่นดีเรียนคณะมนุษยศาสตร์ปีที่สาม
ลูกสาวคนเล็กชื่อ เส้นด้าย อายุสิบเก้า เรียนบริหารปีที่หนึ่ง สาวใบหน้าสวยเรียวสายตาเฉี่ยวคม ผิวขาวผมยาวตาโต
"บ้าเอ๊ย!"
ฉันสบถออกมาพร้อมซัดตัวนั่งบนเตียง ชีวิตที่ผ่านมาเป็นที่น่าอิจฉา ทั้งฐานะ และหน้าตาทางสังคมจัดได้ว่าใครก็รู้จักเเค่เอ่ยนามสกุล
แต่เมื่อสองปีที่ผ่านมาครอบครัวเราเป็นหนี้เนื่องจากบริษัทมีค่าใช้จ่ายเกินกำลัง ตั้งแต่นั้นพ่อกับแม่ก็กลายเป็นน้ำมันกับไฟ อยู่ใกล้กันทีไรเป็นระเบิดทุกครั้ง
หมับ
โทรศัพท์หรูสีทองเป็นเพียงสิ่งเดียวที่ยึดเหนี่ยวจิตใจรีบกดส่งข้อความหาเพื่อนสนิทเพียงคนเดียวเพื่อนัดแนะมาพบกันคืนนี้
ก๊อก ก๊อก
"ขอยืมเพาเวอร์แบงค์หน่อยสิ"
"ไม่ให้"
"ของฉันแบตเตอรี่หมดยืมแป๊บเดียว"
"บอกแล้วไงว่าไม่ให้!"
พี่สาวของฉันผู้ที่ชอบวุ่นวาย เราสองคนเป็นพี่น้องสายเลือดเดียวกัน แต่ใครก็มักจะพูดว่าหน้าตากับนิสัยต่างกัน พี่สาวค่อนข้างหยิ่งพูดน้อยเชิดจนเอ็นคอแทบจะตะคริวแดก ส่วนฉัน..เป็นพวกใจถึงโผงผาง
ผับ XYZ
ผับย่านกลางเมืองราคาเรียกได้ว่าต้องมีเงินถึงจะเที่ยวได้ บัตรVIPต้องต่อสัญญาทุกปี
"ทะเลาะกับใครมาอีกอีด้าย"
"เปล่าแค่เซ็ง"
"มึงจะเซ็งทุกวันไม่ได้นะ ตับกูทำงานหนักทุกวันเพราะมึงชวนเมาเนี่ย ฮ่าๆ"
"พ่อกับแม่ทะเลาะกันกูเบื่อ"
แก้วเหล้าสีขาวในมือฉันเย็นเฉียบ คืนนี้ฉันเรียก ฝน เพื่อนสนิทตั้งแต่สมัยอนุบาลมาปรับทุกข์ และมีแค่มันเท่านั้นที่รู้ว่าบ้านฉันกำลังเป็นหนี้
ตึก'
"นึกว่าใคร..เส้นดายที่พ่อแม่ไม่รักนี่เอง นั่งให้ดีๆ หน่อยสิ" น้ำเสียงของผู้เดินชนพูดแข็งกร้าว "ขายาวขนาดนี้ทำไมไม่เอาพาดบ่าตัวเองไว้เกะกะชะมัด"