วันต่อมา…
เจเจเดินเข้ามาในห้องเรียน กำลังจะนั่งลงบนเก้าอี้ของตัวเอง ทันใดนั้นเสียงเรียกของแทนไท เพื่อนสนิทของเขาก็ดังขึ้น ทำให้ต้องหยุดก้าวและหันไปมอง
“ไอเจ ไปคณะนิติเป็นเพื่อนกูหน่อยดิ” แทนไทเรียกเสียงเรียบ แต่เต็มไปด้วยความจริงจัง ราวกับเป็นคำสั่งที่ไม่มีข้อแม้
“ไปทำไมว่ะ” ไทเกอร์ถามขึ้น น้ำเสียงติดตลก แต่แฝงด้วยความอยากรู้อยากเห็น
“กระทืบคน” แทนไทตอบอย่างตรงไปตรงมา คำตอบนั้นทำให้ทุกคนในห้องเงียบลงชั่วขณะ ความตึงเครียดลอยอยู่รอบตัว
“แต่เช้าเนี่ยนะ” เจเจย่นคิ้ว พร้อมส่งสายตาไม่พอใจ
“เออดิ คันส้นตีนตั้งแต่เมื่อวานละ” แทนไทเสริม พร้อมยักไหล่อย่างไม่ใส่ใจ
หมอกที่ยืนอยู่ใกล้ ๆ มองตามสถานการณ์ ก่อนเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงสงสัย “มีเรื่อง?”
“เออ แจมบอกว่ามันชื่อซัน เรียกนิติ มีเมียอยู่แล้ว แต่ดันมาหลอกน้องกู” แทนไทตอบ พลางจ้องตาเจเจเหมือนต้องการย้ำความจริงจังของเรื่องนี้
เจเจพยักหน้าเบา ๆ ก่อนเอ่ยด้วยน้ำเสียงเรียบเย็น “อ่อ…โดนผู้ชายหลอก เลยเสียใจไปนั่งแดกเหล้าที่พัทยาคนเดียว”
แทนไทมองหน้าเขาเล็กน้อย ก่อนตอบด้วยน้ำเสียงเรียบแต่แฝงความหนักแน่น “เออ ก็อย่างที่มึงเห็นนั่นแหละ”
กองทัพมองด้วยสายตาครุ่นคิด ก่อนเอ่ยช้า ๆ “น้องมึงดูทรงแล้วไม่น่าจะโดนหลอกง่าย ๆ นะ”
“ใครบอก ไอแจมมันโง่ เก่งก็แค่ตอนไถ่เงินกูเท่านั้นแหละ” แทนไทตอบ พลางยักไหล่ ราวกับปล่อยให้ความวุ่นวายเล็ก ๆ ของน้องสาวผ่านไป แต่ความหวงยังซ่อนอยู่ลึก ๆ ในแววตา
ไทเกอร์พูดขึ้นด้วยน้ำเสียงติดตลกปนท้าทาย “จะไปเลยป่ะวะ กูอยากเห็นหน้ามันเต็ม ๆ ว่าใครกล้ามากระตุกหนวดมึงขนาดนี้”
หลังเสียงพูดจบลง ไทเกอร์ แทนไท เจเจ กองทัพ และหมอกก็พร้อมใจกันลุกจากเก้าอี้ เดินเรียงแถวออกจากห้องเรียนด้วยก้าวมั่นคง
บรรยากาศเต็มไปด้วยความตั้งใจและความตึงเครียด พวกเขามุ่งหน้าไปยังลิฟต์เพื่อลงไปยังชั้นล่าง ก่อนจะตรงไปยังตึกคณะนิติศาสตร์ เหมือนทุกก้าวเดินมีจุดหมายเดียว: เผชิญหน้ากับผู้ชายคนนั้น
——
- แจม -
เสียงพูดคุยเจื้อยแจ้วของนักศึกษาหลายคนดังก้องไปทั่ว ทั้งหัวเราะ เสียงแซว และเสียงกระทบกระเทือนของกระเป๋านักเรียน
ฉันกำลังนั่งปั่นรายงานด้วยสมาธิสูง แต่ทันใดนั้น เสียงเรียกจิกหัวฉันก็ดังขึ้น “อีแจมมมมมม!”
นุ่นวิ่งเข้ามาพร้อมกับหน้าแดงหอบ ๆ แล้วเอื้อมมือมาเขย่าที่แขนฉันแรง ๆ
“อะไรของมึง! กูกำลังรีบปั่นรายงานอยู่!” ฉันตอบเสียงตึง พลางถอนหายใจเมื่อถูกรบกวนความตั้งใจ
“พี่แทนไทไลน์มาบอกกูว่า…” นุ่นพูดติดขัด หายใจแรง ๆ ราวกับเพิ่งวิ่งมาจากที่ไกล
“ว่า…ว่าอะไร?” ฉันเอ่ยตามอย่างใจจดใจจ่อ
“พี่แทนไทกำลังจะไปตึกนิติ เขาบอกว่าจะไปหาคนที่ชื่อซันอ่ะ”
เสียงหอบเหนื่อยของนุ่นสอดคล้องกับน้ำเสียงตื่นเต้น ทำเอาฉันชะงักไปเล็กน้อย
“ห๊ะ!” ฉันอุทานออกมาอย่างตกใจ
“โอ๊ย อีเหี้ย! กูตกใจหมด แล้วคนที่ชื่อซันนี่ใครวะ พี่แทนแม่งไม่ยอมบอกกู กูเลยวิ่งมาถามมึงเนี่ย ต่อมเสือกกูทำงานแต่เช้าเลย!” นุ่นพูดพลางเอามือกุมหน้าอก หอบหายใจแรงๆ ราวกับเพิ่งวิ่งมาจากอีกซีกหนึ่งของมหาวิทยาลัย
ฉันมองนุ่นด้วยสายตาเหนื่อยใจ แต่ก็อดไม่ได้ที่จะรีบจัดของลงในกระเป๋าผ้าสะพายข้าง พลางถอนหายใจ
“วันนี้มึงพูดมากจังว่ะ อีนุ่น” ฉันพูด พลางย่อตัวลงดึงโน้ตบุ๊กและแฟ้มรายงานเข้าไปในกระเป๋า แล้วเตรียมตัววิ่งออกจากตรงนั้น
นุ่นยังไม่ยอมปล่อย “แล้วมึงจะไปไหน? จะไปตึกนิติเหรอ?” เธอถามเสียงตื่นเต้น พร้อมกับก้าวเข้ามาใกล้ เพื่อให้แน่ใจว่าฉันฟังคำตอบครบทุกคำ
ฉันกัดริมฝีปาก รีบเช็คกระเป๋าอีกครั้ง ก่อนจะพยักหน้าเล็กน้อย เตรียมก้าวเท้าออกไปโดยไม่รอให้เธอห้าม
ฉันรีบก้าวเท้าออกจากโต๊ะไปอย่างเร็ว เสียงรองเท้าสะบัดกับพื้นกระทบกันเป็นจังหวะดังก้องไปทั่วทางเดิน นักศึกษาที่เดินสวนมาก็หันมามองบ้างแต่ไม่สนใจมากนัก
หัวใจเต้นแรงขึ้นทุกครั้งที่คิดถึงภาพพี่แทนไทและคนชื่อซัน พยายามกลั้นลมหายใจ แล้วก้าวต่อไปอย่างรวดเร็ว ผ่านลิฟต์ลงมาที่ชั้นล่างของคณะ
เมื่อลงมาถึง ฉันรีบเดินตัดผ่านสนามกลาง มุ่งไปที่ตึกนิติศาสตร์ เสียงพูดคุยเจื้อยแจ้วของนักศึกษารอบตัวผสมกับเสียงลม ทำให้ความตึงเครียดในใจฉันยิ่งเพิ่มขึ้นไปอีก
พอถึงตึกนิติ ฉันชะงักเล็กน้อยมองไปรอบ ๆ เพื่อหาตัวพี่แทนไทและใครก็ตามที่ชื่อซัน ก่อนจะค่อย ๆ ก้าวเข้าไปใกล้ด้วยความระมัดระวัง แต่ก็ไม่อาจปิดบังความกังวลในใจได้
ฉันชะงักกึกเมื่อได้ยินเสียงนั้น ลมหายใจแทบค้างในอก มือทั้งสองข้างกำแน่นด้วยความโกรธและตกใจ
“ก็น้องมึงมันโง่เอง กูหลอกว่าแม่กูป่วย แล้วกูต้องไปทำงานกลางคืน น้องมึงก็ขอเลขบัญชีกูแล้วโอนมาให้ละ”
เสียงนั้น…พี่ซัน คนเลวคนนั้น ฉันจำได้ชัดเจน ความโมโหและความไม่พอใจพุ่งขึ้นมาผสมกับความสะเทือนใจจนแทบยืนไม่อยู่
“มึงว่าไงนะ ไอเหี้ย!” เสียงพี่แทนไทตะโกนสวนกลับ ดุดันจนคนรอบข้างต้องหันมามอง
“กูโครตเสียดายเลยว่ะ ถ้าเมียกูไม่จับได้ซะก่อน…ป่านนี้น้องมึงเสร็จกูไปแล้ว…” เสียงของพี่ซันยังไม่ทันจบประโยค
ผัวะ!
พี่เจเจไม่รอช้า มือใหญ่กระชากตัวพี่ซันก่อนจะต่อยเข้ากลางหน้าอย่างแรง เสียงดังสะท้านไปทั่วบริเวณ
นักศึกษาที่ยืนอยู่ต่างถอยหลังด้วยความตกใจ ความโกรธและแรงปะทะทำให้บรรยากาศตึงเครียดขึ้นทันที
พี่ซันเซถอยหลังไปสองก้าว มือแตะหน้าที่เจ็บปวด น้ำตาคลอเล็กน้อยจากแรงต่อย แต่สายตายังเต็มไปด้วยความโกรธ
“มึง…มึงกล้าต่อยกูเหรอ!” เขาส่งเสียงกร้าว พยายามตั้งท่าจะสวนกลับ
พี่เจเจยืนตัวตรง ดวงตาคมเย็นเฉียบจับจ้องเขา ไม่มีทีท่าจะถอย มือข้างหนึ่งกำแน่น ราวกับพร้อมจะลงแรงซ้ำทันที
“กูว่ากูจะไม่ยุ่งแล้วนะ” เสียงทุ้มต่ำแต่หนักแน่น
“แล้วมึงเสือกเหี้ยอะไรด้วยว่ะ ไอค*ยเอ่ย!” พี่ซันสวนกลับด้วยความโกรธจัด
“เพราะมึงพูดจาไม่ให้เกียรติผู้หญิงไง” เจเจตอบเสียงเรียบ ก่อนจะยกเท้าถีบเข้าที่หน้าท้องของพี่ซันอีกครั้ง ทำให้เขาสะดุ้งและถอยหลังไปเล็กน้อย
เมื่อเห็นเหตุการณ์บานปลาย ฉันรีบวิ่งเข้าไปใกล้พี่แทนไท พร้อมตะโกนด้วยเสียงตื่น
“พี่แทน! พี่ทำบ้าอะไรเนี่ย ไปหาเรื่องเขาทำไม!” ฉันตะโกนเสียงสั่น
พี่แทนไทหันมามองฉันเพียงชั่วครู่ สายตาเขาแฝงความโกรธ แต่ก็หยุดชะงักเมื่อเจอความหนักแน่นในน้ำเสียงของฉัน
“ก็บอกแล้วไง…ว่ามัน…พี่จะจัดการให้” เขาตอบเสียงทุ้มต่ำ
“พอแล้ว! ไม่ต้องไปยุ่งกับเขาแล้ว!” ฉันพูดหนักแน่น พร้อมยกมือดึงเขาให้อยู่ห่างจากพี่ซัน ความตึงเครียดเริ่มคลายลงบ้าง แต่บรรยากาศยังคงร้อนระอุอยู่รอบตัว
“พี่แทน ไปรังแกเขาทำไมเนี่ย!” เสียงของนุ่นดังขึ้นตามหลังฉัน
“อ้าว เธอ มาทำไม ไหนบอกว่าจะรีบไปเรียนแล้วไง” พี่แทนตอบด้วยน้ำเสียงเรียบ ๆ แต่แฝงความสงสัย
“ถ้าไม่มานี่ นุ่นจะได้เห็นพี่เป็นอันธพาลแบบนี้ไหม” นุ่นสวนกลับ พลางยกมือดึงแขนพี่แทนไทออกมาให้ห่างจากสถานการณ์
ฉันยืนมองด้วยความโล่งใจในใจ “มึงทำดีมากเลยนะ นุ่น…เพื่อนรักของฉัน” ฉันพูดเบา ๆ ก่อนจะหันไปจ้องพี่ซันที่พี่เจเจยืนอยู่ใกล้ ๆ ดวงตาของฉันแหลมคม เปล่งประกายความเยือกเย็นและความไม่พอใจ
ฉันกัดฟันแน่นก่อนจะเอ่ยต่อด้วยเสียงนิ่ง แต่เต็มไปด้วยความเข้มข้น “แจมขอให้แม่พี่…ป่วยตายไปเร็ว ๆ อย่างที่พี่พูดนะคะ ไอสันดานหมา…”
สายตาของฉันหยุดอยู่ที่พี่ซัน ดวงตาเต็มไปด้วยความเจ็บปวดผสมความโกรธ “เศษเงินของแจมมันไม่ได้ทำให้พี่รวยขึ้นหรอกค่ะ คนจนแบบพี่ ที่ใช้ผู้หญิงเป็นเครื่องมือแบบนี้ ไม่มีวันเจริญหรอกค่ะ…”
ฉันเงยหน้าขึ้นอีกครั้ง มองเขาเต็ม ๆ ตา “และเรื่องความรัก…ยิ่งแล้วใหญ่ หน้าตาของพี่ก็ธรรมดา ๆ ที่แจมยอมคุยกับพี่ก็เพราะสงสารค่ะ”
“ฉันก้าวเข้ามาอีกก้าว มองพี่ซันด้วยสายตาเย็นยะเยือก แต่เต็มไปด้วยความเด็ดขาด
“หลังจากนี้…เขาสองคนเลิกยุ่งวุ่นวายต่อกันนะคะ” ฉันเน้นเสียงแต่ละคำอย่างชัดเจน
“แล้วก็เลิกทำตัวสันดานแบบนี้ด้วยค่ะ”
คำพูดของฉันชัดเจน เยือกเย็น แต่เต็มไปด้วยความหนักแน่น ขณะเดียวกันพี่ซันก็มองฉันด้วยสายตาสะดุ้งเล็กน้อย
ส่วนพี่เจเจยังยืนมองด้วยสายตาเหมือนกำลังชื่นชมความกล้าของฉันอยู่ด้านข้าง