ห้องน้ำ
ลลินยืนมือสั่นระริกทั้งมืออีกข้างหนึ่งยกขึ้นทาบอก ดวงตาสวยเบิกกว้างด้วยความตะลึงอย่างไม่อยากจะเชื่อสายตาตัวเอง ก่อนที่หยาดน้ำตาจะเอ่อระเรื่อขึ้นมาบนขอบเปลือกตาเมื่อเธอพบว่าที่ตรวจครรภ์ในมือได้แสดงเส้นสีแดงขึ้นสองขีดอย่างชัดเจน
“ลูกแม่…”
นี่คงเป็นของขวัญชิ้นที่พิเศษที่สุดเท่าที่ผู้หญิงคนหนึ่งอย่างลลินเคยมีมา เธอไม่เคยฝันเลยว่าในตอนนี้เธอจะได้เป็นแม่คนแล้วจริงๆ …
สองฝ่าเท้าจึงรีบก้าวเดินฉับๆ ออกจากห้องน้ำตรงมาหยิบโทรศัพท์ที่วางอยู่ตรงหัวเตียงขึ้นมากดโทรออกไปยังหมายเลขของผู้เป็นสามีในทันที
สามี (กวิน)
ตู๊ด ตู๊ด ตู๊ด
ลลินตื่นเต้นจนหัวไหล่เกร็ง ริมฝีปากสวยเม้มขึ้นเรื่อยๆ ทั้งในมือยังคงกำที่ตรวจครรภ์เอาไว้แน่นขณะรอสายผู้เป็นสามีอย่างใจจดใจจ่อจนจิตใจแทบจะไม่อยู่กับร่องกับรอยเพราะอยากให้เขานั้นรับสายเธอเร็วๆ
(ฮัลโหล ว่าไงครับที่รัก)
ทันทีที่ได้ยินน้ำเสียงที่คุ้นเคยของสามี ดวงตาสวยก็เบิกกว้างหัวใจเต้นแรงระรัว ภายในใจนั้นเปี่ยมไปด้วยความตื่นเต้นที่อยากจะบอกเรื่องน่ายินดีนี้ให้คนเป็นสามีได้รับรู้จะแย่อยู่แล้ว
“คุณอยู่ไหนคะตอนนี้”
(อ๋อ ผมอยู่บ้านม๊าครับพอดีแวะมาเอาของ คุณมีอะไรหรือเปล่า)
“ดีเลยค่ะ พอดีลินมีเรื่องอยากจะบอกคุณกับม๊าอยู่พอดีเลย”
(เรื่องอะไรครับ?) ปลายเสียงเอ่ยถามด้วยความสงสัย
“ที่รักคะ เรากำลังจะมีลูกด้วยกันแล้วนะคะ คุณดีใจไหม” ลลินพูดน้ำเสียงสั่นอย่างตื่นเต้นก่อนที่หยาดน้ำตาของความตื้นตันใจจะเอ่อคลอและไหลลงอาบแก้มนวลทั้งสองข้างในเวลาต่อมา
ในที่สุด การรอคอยก็สิ้นสุดลงเสียทีหลังจากที่ลลินรอคอยและปรารถนามาโดยตลอดหวังว่าสักวันว่าเธอกับสามีจะสร้างครอบครัวที่อบอุ่นด้วยกัน และอยู่กันแบบพร้อมหน้าพร้อมตาสามคน พ่อแม่ ลูก...
(วะ ว่าไงนะ คุณท้องงั้นเหรอ!) ปลายสายอุทานออกมาเสียงดังราวกับว่าตกตะลึงเป็นอย่างมากกับสิ่งที่ได้ยิน
“ใช่ค่ะ ลินเพิ่งตรวจเมื่อกี้ พอรู้ว่าท้องลินก็รีบโทรมาบอกข่าวดีนี้กับคุณเลย คุณดีใจไหมเจ้าตัวน้อยที่เราทั้งสองพยายามกันมาตลอดได้มาอยู่กับเราจริงๆ แล้วนะคะ” น้ำเสียงเธอยังคงสั่นเครือท่ามกลางน้ำตาที่ไหลลงมาไม่ขาดสาย
(นี่คุณคงจะไม่แกล้งผมหรอกใช่ไหม!) เขาถามย้ำอีกครั้งจนแน่ใจ
“ลินจะแกล้งคุณให้ดีใจเล่นทำไมกันละคะ”
(ผมไม่อยากจะเชื่อเลยว่าจะมีข่าวดีแบบนี้ นี่ผมกำลังจะเป็นพ่อคนแล้วเหรอเนี่ย!) น้ำเสียงปลายสายฟังดูดีอกดีใจเป็นอย่างมาก
“ลินก็เหมือนกันค่ะ ลินดีใจมากจริงๆ ดีใจจนบอกไม่ถูกเลย”
(ม๊ารีบมานี่เร็ว ลลินท้องแล้วม๊า) ดูเหมือนว่าปลายสายจะตื่นเต้นมากจนรีบวิ่งไปบอกคนเป็นแม่ในทันที
(ห๊ะ ว่าไงนะลลินท้องเหรอ!) หญิงวัยกลางคนซึ่งเป็นแม่สามีของเธออุทานเสียงด้วยความตกตะลึงขึ้นอีกคน เมื่อรับรู้ว่าลูกสะใภ้กำลังตั้งครรภ์หลานคนแรกแล้ว
(ใช่ครับม๊า)
(ไอ้หยา! นี่มันเป็นเรื่องที่น่ายินดีมากเลยจริงๆ นี่ม๊าจะได้เป็นย่าแล้วเหรอ รอช้าอะไรอยู่ล่ะม๊าต้องรีบไปเตรียมของฝากกับยาบำรุงให้หลานในท้องสักหน่อย แล้วเดี๋ยวลื้อพาม๊าไปหาลูกสะใภ้นะ)
(ได้ครับม๊า คุณได้ยินแล้วใช่ไหมที่รัก เดี๋ยวผมจะพาม๊าจะไปหาคุณนะ)
“ค่ะที่รัก ขอบคุณนะคะม๊า” เธอเอ่ยขอบคุณแม่สามีทั้งที่ยังคงรู้สึกดีใจและตื่นเต้นไม่หาย
(งั้นแค่นี้ก่อนนะครับ เดี๋ยวผมจะรีบไปช่วยม๊าเตรียมของก่อน แล้วเราค่อยเจอกันที่บ้านนะ)
“ได้ค่ะที่รัก ขับรถดีๆ นะคะ”
(ครับที่รัก)
“บายค่ะ”
หลังจากพูดจบ สายโทรศัพท์ได้ถูกตัดทิ้งไปในทันที ปล่อยให้ลลินตกอยู่ในบรรยากาศที่เงียบงันอีกครั้ง มือเรียวเล็กของเธอได้ค่อยๆ ยกสูงขึ้นมาวางบนหน้าท้องบางที่ในตอนนี้กำลังมีอีกหนึ่งชีวิตน้อยๆ ฝังตัวอยู่ข้างในอย่างทะนุถนอม
กระแสความอบอุ่นไหลวนเข้ามาในใจลลิน ทำให้ใบหน้าเรียวเล็กของเธอแดงเรื่อ ริมฝีปากอมยิ้มกริ่มอย่างรู้สึกไม่ค่อยจะเคยชินกับตัวเองในตอนนี้เลยสักนิดหลังจากที่รู้ว่าตัวเองนั้นกำลังจะเป็นแม่คนในอนาคตแล้ว
“แม่จะดูแลและทะนุถนอมหนูให้ดีที่สุดเลยนะเจ้าตัวน้อย เมื่อหนูโตแล้วหนูต้องเป็นเด็กดีของพ่อกับแม่นะลูกนะ…” ลลินเอ่ยในลูกน้อยในท้องทั้งน้ำตาแห่งความตื้นตันพร้อมยกมือขึ้นลูบหน้าท้องตนเองเบาๆ
เธอรู้สึกว่าตนเองนั้นโชคดีมากกว่าสิ่งอื่นใดที่ได้สามีและแม่สามีที่ดีกับเธอมากขนาดนี้ เพราะนี่เป็นสิ่งที่ผู้หญิงในฐานะลูกสะใภ้หลายๆ คนนั้นใฝ่ฝันว่าจะมีแม่สามีคอยซัพพอร์ตและเห็นเธอเป็นดั่งลูกสาวคนหนึ่งของเขา
หลายชั่วโมงต่อมา
ร่างหญิงวัยกลางคนที่เพิ่งเดินทางมาถึงได้ถือของฝากเต็มไม้เต็มมือรีบเดินเข้ามาโดยมีกวินคนเป็นลูกชายคอยเดินหิ้วของตามหลังมาติดๆ
“สวัสดีค่ะม๊า มาค่ะเดี๋ยวหนูช่วยถือ”
ลลินทำหน้าที่เป็นลูกสะใภ้ที่ดีรีบเดินออกไปช่วยถือของฝากจากแม่สามี แต่ทว่าเธอกลับถูกท่านห้ามปรามเอาไว้
“ไม่ต้องๆ ลื้อกำลังท้องกำลังไส้ เดี๋ยวม๊าถือเอง”
“ไม่เป็นไรหรอกค่ะม๊า ของแค่นี้เองหนูช่วยถือดีกว่า”
“ไอ้หยา ไม่ต้องเลยเดี๋ยวม๊าถือเอง ไปๆ ลื้อเข้าบ้านเถอะ ไปนั่งให้สบายๆ” แม่สามีไม่พอใจเล็กน้อยเมื่อลลินที่กำลังท้องอ่อนๆ พยายามที่จะถือของหนักๆ
“ไม่เป็นไรครับเดี๋ยวผมกับม๊าถือเองนะ คุณไปนั่งพักให้สบายๆ เถอะ”กวินพูดอย่างเห็นด้วยกับแม่ของเขาอีกคน
เมื่อเห็นทั้งสองยืนกรานที่จะไม่ให้เธอช่วย ลลินถึงกับคลี่ริมฝีปากเป็นรอยยิ้มบางๆ ยอมตามใจพวกเขาอย่างช่วยไม่ได้ก่อนจะเอ่ยตอบรับอย่างเชื่อฟัง
“ก็ได้ค่ะ”
“งั้นเราเข้าไปด้านในกันเถอะ”
“ไปกันค่ะ”
พูดจบลลินที่มีนิสัยชอบเกรงอกเกรงใจ ในฐานะลูกสะใภ้แล้วจะให้เธออยู่เฉยๆ โดยไม่ทำอะไรเลยได้อย่างไร ดังนั้นเธอจึงรีบเดินปรี่เข้าไปยังห้องครัวในทันทีเพื่อเตรียมน้ำเย็นๆ และของกินเล่นมาต้อนรับพวกเขา
ห้องรับแขก
“ดื่มน้ำเย็นๆ ก่อนค่ะม๊า” ลลินเอ่ยพูดขึ้นขณะเดินถือถาดรองแก้วน้ำและของว่างมาเสิร์ฟให้ทั้งสองที่โต๊ะ
“ลื้อนี่จริงๆ เลยจะให้ม๊าพูดอีกกี่ครั้งกี่หนว่าไม่ต้องทำ ยิ่งลื้อกำลังท้องอ่อนๆ แบบนี้จะเดินเยอะไม่ได้นะ หากเผลอเดินสะดุดล้มเข้าจะทำยังไง”
“เอ่อ…คือว่าหนู…”
แม่สามีพูดตำหนิอย่างไม่พอใจเล็กน้อยอีกครั้ง เมื่อเห็นว่าลลินยังคงดื้อรั้นไม่ยอมฟัง ทำให้เธอถึงกับสีหน้าสลดไปชั่วครู่จนกวินต้องพูดขัดจังหวะขึ้นเพื่อให้แม่ของเขาใจเย็น
“ม๊าอย่าดุลลินเลยนะครับ เธอแค่อยากจะช่วยเอง”
“ก็ม๊าเป็นห่วงลูกสะใภ้กับหลานในท้องนี่ มีหลานคนแรกทั้งทีต้องดูแลเป็นพิเศษหน่อย มาๆ มานั่งตรงนี้เร็วเข้า”
“เอ่อ…ได้ค่ะม๊า”
แม่สามีพูดพร้อมกวักมือเรียกให้ลลินไปนั่งข้างๆ ตรงโซฟาใหญ่ เมื่อเห็นดังนั้นเธอจึงพยักหน้าหงึกหงักแล้วรีบวางถาดของว่างลงบนโต๊ะก่อนจะเดินไปนั่งตามคำสั่ง
“ไหนมาให้ดูหน่อยสิ หลานรักของย่า”
ลลินนั่งลงบนโซฟาใหญ่ข้างกายแม่สามี ก่อนที่ท่านจะก้มมองต่ำลงมาที่หน้าท้องเธอพร้อมยกฝ่ามือขึ้นมาลูบอย่างแผ่วเบาแสดงถึงความรักใคร่เอ็นดู โดยมีสายตาของคนเป็นลูกชายอย่างกวินนั่งมองพร้อมกับรอยยิ้มบนใบหน้าที่ดูอิ่มเอมใจ
ความรักของแม่สามีที่มอบให้กับลูกสะใภ้อย่างเธอตอนนี้นั้นทำให้ลลินรู้สึกอบอุ่นและตื้นตันไปถึงก้นบึ้งหัวใจจนไม่สามารถบรรยายออกมาเป็นคำพูดได้เลย
“แข็งแรงๆ นะหลานย่า”
“นี่ขนาดหลานยังไม่คลอดก็เห่อใหญ่เลยนะม๊า ฮ๊ะๆ ” กวินพูดกระเช้าเย้าแหย่ผูเป็นแม่ตนเองพร้อมรอยยิ้ม
“หลานคนแรกจะไม่ให้เห่อได้ยังไง อาลลินลื้อต้องดูแลสุขภาพตัวเองให้ดีๆ ทานอาหารที่มีประโยชน์เยอะๆ แล้วอย่าทำงานหนักเด็ดขาดเชียวนะ”
“ค่ะม๊า หนูจะทำตามที่ม๊าบอกค่ะ” ลลินพยักหน้ารับอย่างเชื่อฟัง
“ดีๆ เอ้อจริงเกือบลืมไปเลย”
หญิงวัยกลางคนอุทานเสียงขึ้นมาราวกับว่าเพิ่งนึกอะไรขึ้นได้ ทำให้เธออดไม่ได้ถามที่จะเอ่ยถาม
“มีอะไรเหรอคะม๊า?”
“กวินรีบไปเอามาให้เร็วเข้า” หญิงวัยกลางคนไม่ตอบคำถามเธอ แต่กลับหันไปเอ่ยเร่งรัดให้คนเป็นลูกชายอย่างกวินรีบไปนำของบางอย่างที่กำลังเอ่ยถึง ซึ่งตัวลลินเองก็ทำได้แค่นั่งนิ่งอย่างสงสัยในใจว่าสิ่งนั้นคืออะไร
“อ๋อ ได้ครับม๊า รอแป๊บ เดี๋ยวผมไปเอามาให้”
“อย่าช้าล่ะ เดี๋ยวก็เย็นกันหมดพอดี”
ว่าจบร่างสูงของกวินก็หยัดตัวลุกขึ้นออกจากโซฟา ก่อนจะรีบสาวเท้าออกจากห้องรับแขกไป และไม่เพียงกี่วินาทีเขาก็ได้เดินกลับเข้ามาพร้อมกับตะกร้าหวายหูหิ้วใบเล็กซึ่งมีภาชนะอาหารใส่อยู่ในนั้น
“ได้มาแล้วครับ” กวินเอ่ยพร้อมยื่นตะกร้าหวายในมือใบนั้นให้กับแม่ของเขาโดยมีสายตาของลลินจับจ้องมองสิ่งนั้นอย่างสงสัย
“นี่คืออะไรเหรอคะ กลิ่นหอมจัง” เธอถามย้ำขึ้นอีกครั้งเมื่อได้กลิ่นของเครื่องเทศที่ลอยฟุ้งออกมาจากกล่องใส่อาหารใบนั้น
“ม๊าต้มซุปไก่ดำใส่เห็ดหอมกับสมุนไพรจีนสำหรับบำรุงครรภ์มาให้ลื้อนะ ก่อนจะมาที่นี่ม๊ารีบให้กวินรีบไปซื้อไก่ที่ตลาดมาทำให้ลื้อเองกับมือเลยนะ”
“ม๊าตั้งใจทำขนาดนี้ ผมบอกเลยว่าอร่อยมากแน่นอน คุณลองชิมดูสิครับ”
“ลองทานดูสิยังร้อนๆ อยู่เลย” แม่สามีเอ่ยตอบพร้อมเปิดกล่องซุปที่ทำมาฝากแล้วยื่นส่งให้เธอ
“ขอบคุณนะคะ ลำบากม๊าแย่เลย” ในใจของลลินตอนนี้รู้สึกตื้นตันใจทั้งรู้สึกเกรงใจแม่สามีอยู่ไม่น้อยที่ต้องลำบากทำอะไรแบบนี้เพื่อเธอ
“ไม่เป็นไรหรอกนะ ลองชิมดูถ้าอร่อยก็ทานเยอะๆ เลยนะ”
“ค่ะ” เมื่อเห็นว่าแม่สามีอุตส่าห์ตั้งใจทำมาให้เธอถึงขนาดนี้ ลลินจึงยื่นมือรับกล่องซุปมาแล้วหยิบช้อนตักชิมน้ำซุปร้อนๆ ซดเข้าปากไปโดยไม่ลังเล
ทันทีที่รสชาติของน้ำซุปสัมผัสลิ้ม ดวงตาสวยเบิกกว้างขึ้นเล็กน้อยอย่างตะตกลึงในความอร่อยของรสชาติน้ำซุปที่แม่สามีตั้งใจทำให้เธอมากเลยจริงๆ
“เป็นไงอร่อยไหม”
“หืม อร่อยมากเลยค่ะม๊า เป็นครั้งแรกเลยค่ะที่หนูทานอะไรแบบนี้นะเนี่ย”
“คุณก็รู้อยู่ว่าฝีมือม๊าอร่อยไม่มีใครเทียบ คุณทานเยอะๆ เลยจะได้บำรุงลูกของเรา”
“ลื้อรีบทานให้หมดนะ เดี๋ยวพอมันเย็นแล้วจะอร่อยแล้ว”
“ถ้างั้นหนูขออนุญาตไม่เกรงใจแล้วนะคะ”
ว่าจบลลินก็อดไม่ได้ต่อไปที่จะตักซุปเข้าปากกินด้วยความเอร็ดอร่อยต่อหน้าแม่สามีและสามีของเธอ
วันนี้บรรยากาศภายในบ้านดูคึกคักเป็นพิเศษหลังจากที่นานแล้วไม่ได้มาอยู่กันพร้อมหน้าพร้อมตากันแบบนี้ เมื่อลลินกินซุปเสร็จแล้ว เธอจึงชักชวนทั้งสองร่วมโต๊ะทานอาหารและพูดคุยด้วยกันในหลายๆ เรื่องกันอย่างถูกคอ
ความเลวของหลัวชั่วกำลังจะบังเกิด ฝากกดติดตาม
คอมเม้นเป็นกำลังใจกันนะคะ