ทฤษฎีหยุดรัก ที่ 5 : ลูกของพ่อ

1096 Words
“เหรอ...” เสียงที่ตอบกลับของแม่นั้นรับรู้ได้ทันทีว่าไม่เชื่อในสิ่งที่เขาพูดเลย สายตาของแม่จ้องมาเป็นการกดดันให้ยอมรับสารภาพความจริงโดยไม่ต้องเอ่ยออกมาเป็นคำพูด ‘แม่’ ที่แม้แต่พ่อยังต้องยกธงขาวยอมแพ้ ทั้งสองคนไม่เคยมีเรื่องทะเลาะกันเลยตั้งแต่ที่เขากับมาร์ตินจำความได้เรื่องราวที่พ่อกับแม่เจอกันได้นั้นยังสร้างความสงสัยให้คนเป็นลูกมาจนตอนนี้ เขากับมาร์ตินแอบถามมาจากป้า ๆ แม่บ้านที่อยู่กันมานานเล่าให้ฟังว่า แม่เป็นรองประธานบริษัทนำเข้ารถ ส่วนบ้านพ่อทำธุรกิจเกี่ยวกับส่งออกอาหารและมีอะไรหลายอย่างมาก แต่ทั้งหมดไม่มีส่วนไหนเกี่ยวข้องกับบริษัทแม่เลย ครั้งแรกแม่เป็นฝ่ายเข้ามาอยู่ในบ้านโดยทั้งสองมีเรื่องเกี่ยวกับสัญญาอะไรบางอย่าง ฟังดูพ่อก็น่าจะเหนือแม่ทุกทางแต่ทำไมพ่อกลับกลัวแม่ทุกทางขนาดนี้ก็ไม่รู้เหมือนกัน จะยอมแม่แค่คนเดียวเท่านั้นมาตลอด รักแม่มากแบบที่สุดจนตอนนี้ก็ยังดูไม่จืดจางไป ไม่มีเรื่องผู้หญิงหรือมีข่าวตามหน้าสังคมที่ไม่ดีเลย แสดงออกชัดมาตั้งแต่ยังไม่มีลูกว่ากลัวเมียมากแค่ไหน ขนาดพ่อยังยอมแล้วลูกจะกล้าหรือไง... “ทำเสียงเหมือนไม่เชื่อ” ลองหยั่งเชิงอีกนิดเผื่อจะกลับใจเชื่อสิ่งที่ลูกพูด “ใช่แล้ว ไม่เชื่อ” สิ่งที่คิดกับความเป็นจริงตรงกันข้ามสุด ๆ “ไม่ได้ไปหาผู้หญิงที่ไหนเลยครับ จะเข้าร้านสักแป๊บหนึ่งวันนี้มีคนเหมาต้องไปดูแลให้ดีที่สุด” ดูแลให้ดีที่สุดงั้นเหรอ ยังคิดว่าน่าจะขับรถชนสักหน่อยมายืนเกะกะขวางทางทำไม “แค่นี้? นึกว่ามีแฟนซะอีก” “อยากให้มีเหรอ” “คนรักกัน คนจะมีแฟนใครจะไปห้ามได้ แค่จะย้ำว่าต้องป้องกันด้วยจะดีมาก ถ้าไม่คิดจะป้องกันหรืออ้างว่าหาของป้องกันยาก เดี๋ยวให้พ่อคุณแอสตันทำโรงงานผลิตถุงยางด้วย” ช่างเป็นคำพูดประชดประชันที่ดักทางลูกไปในเวลาเดียวกันซะจริง ๆ “พอแล้ว ขี้เกียจดูแลเหนื่อยยกให้ไอ้มาร์หมดเลย” พูดจบก็โอบเอวพาแม่เดินเข้าไปในบ้าน ดูเหมือนว่าพ่อจะยังไม่กลับมา มาร์ตินวันนี้เลิกเรียนก็เย็นหรืออาจจะไปตามใครที่ไหนอีกก็เรื่องของมันเลย เพราะเขาก็มีอะไรที่ต้องไปจัดการเหมือนกัน “แล้วยังมีปัญหากับเขียนฝันอยู่หรือเปล่า” คำถามของแม่ทำแอสตันต้องตั้งสติให้ดี อย่าไปเผลอสบตาเดี๋ยวจะเจอการหลอกถาม “ไม่ค่อยได้เจอกัน” “อยู่มหาลัยเดียวกัน มีเรื่องกันมาสามปี พอเข้าปีที่สี่ไม่มีเลย” แม่เอียงคอมองอย่างไม่อยากจะเชื่อสักเท่าไร ทั้งที่ผ่านมาเขาไม่ได้มีเรื่องกับเขียนฝันต่อหน้าผู้ใหญ่เลยสักครั้ง แต่เพราะพวกคนในมหาวิทยาลัยมีคนที่เป็นลูกหลานสายอาชีพต่าง ๆ เยอะแยะไปหมด เลยถูกพูดถึงออกไปเป็นวงกว้างตามกัน “ไม่ค่อยได้เจอ” เขายังคงยืนยันคำตอบเดิมด้วยความหนักแน่น “ไม่ค่อยได้เจอหรือเขาไม่เข้ามาหาเรื่องด้วย แบบว่าไม่อยากเข้าใกล้ลูกชายแม่แล้วอะไรแบบนี้” แม่พูดอย่างยังไม่เลิกสงสัย สีหน้าแววตาเต็มไปด้วยความข้องใจให้กับเรื่องของเรา “ไม่เข้ามาหาเรื่องอะไร เขียนฝันมาเหมาผับคืนนี้นี่แหละเลยต้องไปจัดกะ....” ด้วยความปากไวดันเผลอหลุดปากพูดออกไปจนได้ ดวงตาสีน้ำตาลค่อย ๆ หันไปสบตากับแม่ตัวเองที่ยิ้มมุมปากมองหน้าเขาอยู่เช่นเดียวกัน “ (ยิ้มมุมปาก) ” “แค่ไปดูเฉย ๆ ไม่ได้จะมีเรื่องอะไร” เขาพูดอย่างใจเย็น ทำให้แม่เชื่อสิ่งที่ตัวเองพูดพร้อมพาเดินเข้าไปในบ้าน “เอาเถอะ โต ๆ กันแล้ว” แม่คงเหนื่อยจะพูดแล้วมั้งเพราะยังไงสุดท้ายต้องรอให้เราเรียนจบ แล้วแยกย้ายไปแบบไม่ต้องเจอกันเลยนั่นแหละทุกอย่างมันถึงจะสงบลงได้เอง “แค่ไปดูร้าน ในฐานะที่เขียนฝันเหมาทั้งหมดตั้งกี่แสนเจ้าของก็ต้องไปดูหน่อย” “คนดี ดูแลดีที่หนึ่งทำอะไรให้ดีจริง ๆ เหมือนหน้าตาหน่อยค่ะคุณแอส จีบ ๆ เขียนฝันเขาไปซะจะได้จบ” “แม่พูดอะไร ดูนี่...ขนลุกเลยดูสิ” ถึงกับต้องยกแขนตัวเองให้แม่ได้เห็น ขนลุกจริง ๆ ไม่ได้แกล้งเพราะมันบังคับไม่ได้อยู่แล้ว คำพูดแม่ทำเอาหายใจหายคอไม่ทั่วท้องอีกด้วย (เขียนฝัน) ณ บ้านปริยากรสกุล เวลา 19.45 น. ตึก ตึก ตึก “สวยมั้ย ~” เสียงฝีเท้าดังตามจังหวะการเคลื่อนไหวรวดเร็วของร่างบางในชุดเสื้อครอปคล้องคอสีชมพู กางเกงยีนเอวสูงขายาวทรงกระบอกเล็ก สร้อยคอรูปใบโคลเวอร์ทำให้เพิ่มความน่ารักยิ่งเข้าไปอีก ผมยาวสีน้ำตาลปล่อยสยายตรงทิ้งตัวพลิ้วไหวตามแรงหมุนตัว แล้วกลับมาโพสต์ท่าต่อหน้าพ่อกับพันดาวที่กำลังนั่งดูหนังกันอยู่ “สวยก็ได้ ไม่ยม ไม่อ่อม” คำชมของน้องสาวทำฉันจ้องเขม็งเหมือนเป็นการคาดโทษเอาไว้ก่อน วันไหนกลับบ้านพร้อมกันจะปล่อยให้วิ่งตามรถซะให้เข็ดเลย “พรุ่งนี้กลับบ้านเองเลยนะไม่รับกลับ” ดวงตากลมโตมองค้อนใส่พันดาว “เจ้อย่าวีนดิ ทิ้งน้องได้ไงคนไม่ดี” จะเจ็บดีไหมเนี่ยกับคำด่าของน้องสาวตัวเอง “พ่อขาหนูสวยมั้ย” ถามพันดาวน่าจะไม่ได้ความ ถามผู้สนับสนุนหลักของฉันดีกว่า “สวยค่ะ ลูกสาวของพ่อสวยที่สุดในโลก ~” สมกับที่พ่อเป็นนักธุรกิจด้านอสังหาริมทรัพย์ สายตากว้างไกลแหลมคมมาก ๆ “เริ่ด ~” ความมั่นใจท่วมหัวเพียงได้รับคำชมจากพ่อ นาทีนี้ใครก็เอาฉันไม่ลงบอกเลย! “ยิ้มหน้าบานเลยแค่พ่อชม พี่เขียนแต่งสวยไปหาแฟนแหละพ่อ” พรึ่บ! สิ้นเสียงพันดาวฉันก็หันขวับไปจ้องหน้าน้องตัวเองเขม็ง ส่วนพ่อกลับจ้องหน้าฉันด้วยความตกใจกับสิ่งที่ได้ยิน ซึ่งเป็นจังหวะเดียวกันที่แม่เดินเข้ามาพร้อมถาดผลไม้ในมือพอดี จังหวะนรกสุด ๆ เลยนะแบบนี้เนี่ย!
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD