EP.2
Priaw talk.
5 ปีผ่านไป
"เปรี้ยว! ผัดผักรวมโต๊ะสี่ได้แล้ว!"
"จ้าป้า~" ฉันขานรับเสียงดังพร้อมกับรีบเดินเข้าไปในครัว เพื่อไปเอากับข้าวมาเสิร์ฟให้ลูกค้าที่นั่งรออยู่
"พี่เปรี้ยว โต๊ะหนึ่งคิดเงินจ้ะ"
"ได้จ้า รอสักครู่นะคะ"
ฉันขานรับและรีบเดินเอากับข้าวไปเสิร์ฟให้โต๊ะสี่ แล้วเดินไปที่โต๊ะหนึ่ง ก่อนจะล้วงเอาเครื่องคิดเลขออกมาจากกระเป๋าผ้ากันเปื้อน และเริ่มคิดเงินให้ลูกค้า
พอเสร็จแล้วก็เดินไปรับออร์เดอร์โต๊ะอื่นๆ ต่อ พร้อมกับเก็บจานที่ลูกค้ากินเสร็จไปไว้ล้างในครัว
ฉันทำแบบนั้นวนไปเรื่อยๆ จนกระทั่งร้านปิด...
"วันนี้ลูกค้าเยอะ เหนื่อยหน่อยนะเปรี้ยว" ป้าสมใจเจ้าของร้านอาหารตามสั่งที่ฉันทำงาน เดินมาพูดคุยกับฉันที่กำลังเก็บของอยู่
"เยอะก็ดีแล้วจ๊ะป้า เปรี้ยวจะได้มีงานทำ ฮ่าๆๆ" ฉันหัวเราะออกมาอย่างอารมณ์ดี เห็นร้านป้าขายดีฉันก็ดีใจด้วย
"นี่เอ็งเป็นคนหรือเป็นควายกันแน่วะ ทำถึงได้ถึกขนาดนี้ ข้าล่ะโคตรอยากให้อีมิ้นขยันเหมือนเอ็งบ้าง รายนั้นเลิกเรียนมาก็เข้าแต่หน้าคอม ข้าก็หมดคำจะพูด" ป้าสมใจพูดพร้อมกับส่ายหน้าเอือมระอาให้กับลูกสาวคนเล็กของตัวเอง ส่วนลูกสาวคนโตป้าแกส่งไปเรียนที่มหาลัยต่างจังหวัด นานๆ ทีจะได้กลับบ้าน
"ฮ่าๆๆ บ้านรวยก็ต้องอยู่สบายๆ สิป้า จะทำงานทำไมจริงมั้ยจ๊ะ"
"รวยกับผีน่ะสิ แต่ละวันแม่มันเหนื่อยขนาดไหนมันเคยรู้บ้างไหม"
"เอาน่าป้า มิ้นมันยังเด็กอยู่ อีกหน่อยก็คงจะคิดได้และมาช่วยป้าเองนั่นแหละ"
"ถ้าถึงวันนั้นข้าจะกราบงามๆ เลยคอยดู อะ นี่ค่าจ้างเอ็งวันนี้ ป้าให้ติปด้วยนิดนึง ค่าขยัน" บ่นลูกสาวตัวเองจบ ป้าสมใจก็ยื่นเงินให้ฉัน
ส่วนฉันนะเหรอ พอรู้ว่าได้ทิปด้วยก็ยิ้มกริ่มขึ้นมาเลยจ้ะ ต้องแบบนี้สิ ไม่เสียแรงที่ยอมเหนื่อยจริงๆ
"ขอบคุณจ้ะป้า"
"แหม หน้าบานเลยนะเอ็ง"
"เดี๋ยวนี้เงินมันหายาก ป้าไม่รู้เหรอ" ฉันพูดพร้อมกับรีบเก็บเงินเข้ากระเป๋าตังค์ตัวเอง ก่อนจะเก็บมันเข้าไปในกระเป๋าเป้อีกที
"แล้วนี้เอ็งจะไปทำงานต่อเหรอ" ป้าสมใจถามขึ้นอีกครั้งเมื่อเห็นฉันยกกระเป๋าเป้ขึ้นมาสะพาย
"ใช่จ้ะ"
"ทำงานหนักขนาดนี้ เอ็งเอาเวลาไหนไปนอน ไม่เหนื่อยบ้างเหรอ"
เหนื่อยสิ เหนื่อยมากๆ เวลานอนก็แทบจะไม่มี แต่ทำไงได้อะ ฉันไม่ได้เกิดมาโชคดีเหมือนใครหลายๆ คนนี่นา เฮ้อ พูดแล้วก็เศร้า
"ไม่เหนื่อยจ้ะป้า ยิ่งทำงานยิ่งได้เงิน ฉันว่ามันสนุกดีออก" ซะเมื่อไหร่ล่ะ! แต่ฉันก็ได้แต่ส่ายหน้าและยิ้มตอบป้าสมใจไป
"เอ็งนี่มัน...จริงๆ เลย" ป้าสมใจส่ายหน้าเอือมๆ ฉันก้มมองนาฬิกาข้อมือราคาถูกของตัวเอง ก่อนจะเงยหน้าขึ้นไปเอ่ยลาป้าสมใจ
"เปรี้ยวไปก่อนนะป้า จะสายแล้ว"
"ไปๆ ไปดีมาดีล่ะ" ป้าสมใจโบกมือไล่ พร้อมกับฉันที่ยกมือไหว้ลาท่าน ก่อนจะรีบเดินไปที่ป้ายรถเมล์ที่อยู่ไม่ไกลจากร้านอาหารของป้าสมใจ
พอเดินมาถึงป้ายโชคดีที่รถมาพอดี ฉันเลยได้ขึ้นรถเลยโดยที่ไม่ต้องรอให้เสียเวลา
Rrrrrrrrrrrrrrrrr~ Rrrrrrrrrrrrr~
ขึ้นรถเมล์มาได้สักพักเสียงสมาร์ตโฟนรุ่นดึกดำบรรพ์คู่ใจของฉันก็ดังขึ้น ทำให้ฉันรีบเปิดกระเป๋าเป้และรีบลนลานหามันทันที เพราะเสียงมันดังมาก อีกทั้งยังอยู่บนรถเมล์อีก มันดังรบกวนคนอื่นเขา
-เหมย-
"ฮัลโหลว่าไง" พอรู้ว่าใครเป็นคนโทรเข้ามา ฉันก็กดรับสายเลยทันที
[มึงอยู่ไหนแล้วเปรี้ยว ทำไมยังมาไม่ถึงอีก] น้ำเสียงรนๆ ของมันทำให้ฉันขมวดคิ้วเข้าหากันอย่างสงสัย เหมยมันเป็นเพื่อนฉันเอง ทั้งเป็นเพื่อนที่มหาลัยและเพื่อนที่ทำงานของฉันด้วย
"กูอยู่บนรถเมล์ กำลังไป มีอะไรหรือเปล่า พอดีวันนี้เลิกจากร้านป้าสมใจช้า"
[เออ เร็วๆ เลย รีบมาเลยนะมึง]
"มีอะไรหรือเปล่าวะ ทำไมดูซีเรียสขนาดนั้น" ฉันขมวดคิ้วถามกลับ เพราะนี่ก็ยังไม่ถึงเวลาทำงานด้วยซ้ำ และคำนวณเวลาเดินทางแล้วยังไงฉันก็ไปทันแน่ๆ ถึงมันจะเฉียดฉิวก็เถอะ
[วันนี้นายเข้าร้านน่ะสิ ผู้จัดการเลยให้เรารีบมาเตรียมตัว]
"คุณเจ้าขุนอะนะ ?"
[ก็เออน่ะสิ!]
คุณเจ้าขุนที่ฉันพูดถึงคือเจ้าของผับที่ฉันกำลังจะไปทำงาน เท่าที่ฉันรู้ก็คือท่านรับช่วงต่อจากคุณลุงของท่านอีกที เพราะคุณลุงของท่านมีลูกสาวจึงไม่อยากให้ดูแลผับเลยยกให้หลานชายดูแลแทน
ฉันก็ไม่รู้ว่ามันจะจริงแค่ไหนหรอก เพราะฉันก็ฟังพวกพี่ๆ กับเพื่อนที่ทำงานด้วยกันมาอีกที แบบได้ยินผ่านๆ อีกอย่างฉันก็เพิ่งมาทำงานที่นี่ เลยไม่รู้เรื่องอะไรสักเท่าไหร่
"เออๆ อีกประมาณ 20 นาทีกูน่าจะถึง"
[เร็วๆ เลยนะมึง มึงก็รู้ว่าผู้จัดการคนนี้เป็นยังไง] ทั้งจู้จี้จุกจิก เจ้ากี้เจ้าการ เห็นหน้าทีไรเป็นต้องวิ่งหลบ
"เออๆ ถ้ากูถึงช้า เดี๋ยวกูแอบเข้า"
"อืม เดี๋ยวกูไปแต่งตัวก่อน"
จากนั้นเหมยก็วางสายไป ฉันเก็บสมาร์ตโฟนเข้ากระเป๋าตามเดิม ก่อนจะเอนหัวพิงกระจกรถและพักสายตา
หลายๆ คนอาจจะไม่ชอบการเดินทางในเมืองหลวงที่แสนจะแออัด แต่ฉันชอบนะ เพราะยิ่งใช้เวลาเดินทางนานแค่ไหน ฉันก็ยิ่งได้พักนานเท่านั้น ทุกวันนี้การพักผ่อนบนรถระหว่างเดินทางไปทำงานหรือไปเรียน มันกลายเป็นเรื่องปกติของฉันไปแล้ว
ฉันพักสายตาได้ไม่นาน กระเป๋ารถเมล์ก็เดินมาสะกิดแล้วบอกว่าถึงที่ที่ฉันจะลงแล้ว เอาจริงๆ ฉันไม่ได้รู้จักกับกระเป๋ารถเมล์เป็นการส่วนตัวหรอก แต่เป็นเพราะช่วงแรกที่ฉันเข้าทำงานที่นี่ ฉันเผลอหลับจนนั่งเลยป้ายอยู่หลายครั้ง ทำให้ช่วงหลังๆ มานี้พี่กระเป๋ารถเมล์ก็จะเดินมาสะกิดฉันเป็นประจำ
"ขอบคุณนะพี่ อะ นี่ขนมฉันให้" ฉันลุกขึ้นและเอ่ยขอบคุณพร้อมกับยื่นขนมที่ฉันแอบจิ๊กมาจากร้านป้าสมใจให้พี่กระเป๋ารถเมล์เป็นการตอบแทน จากนั้นฉันก็เดินไปยืนที่หน้าประตูเพื่อเตรียมลงรถ
หลังจากลงรถฉันก็เดินตรงไปที่ผับที่ฉันทำงานเลยทันที ดีนะที่ผับมันอยู่ติดกับป้ายรถเมล์พอดี ไม่งั้นคงได้เสียค่าวินอีกแน่ๆ แล้วค่าวินนี่ไม่ต้องพูดถึงเลย ถึงมันจะแค่ 10-20 บาท แต่ถ้านั่งทุกวันนะ รวมแล้วก็หมดไปเยอะมากๆ เลยล่ะ
"เหมย! เวลาอยู่กับลูกค้าทำหน้าให้มันดีๆ ด้วย ทำหน้าที่ตัวเองให้ดี! อย่าให้โดนตำหนิได้ เข้าใจไหม!"
กึก!
ฉันชะงักเท้าตัวเองที่กำลังเดินทันที เมื่อได้ยินเสียผู้จัดการจอมจู้จี้กำลังกำชับงานอยู่ และท่าทางและน้ำเสียงตึงเครียดที่ฉันได้ยิน ทำให้ฉันคิดได้ว่า ถ้าฉันเข้าไปตอนนี้ฉันต้องโดนแน่ๆ เพราะไม่ว่าอะไรนิดๆ หน่อยๆ ฉันก็โดนประจำอยู่แล้ว
และพอคิดได้แบบนั้น ฉันก็ก้าวถอยหลังกลับมา ก่อนจะแอบย่องเข้าไปเปลี่ยนชุดและแต่งตัวในห้องน้ำหลังร้านแทน
ผ่านไปสักพักใหญ่ๆ พอแต่งตัวแต่งหน้า ทำอะไรเสร็จเรียบร้อย ฉันก็เปิดประตูห้องน้ำออกไป ก็เจอกับ...
ผ่าง!!
"ผะ...ผู้จัดการ"
"ไง น้องเปรี้ยวสุดสวย หลบหน้าพี่เหรอจ๊ะ" ผู้จัดการยืนกอดอกพร้อมกับส่งรอยยิ้มอาบยาพิษมาให้ฉันที่ยืนนิ่งหน้าซีดอยู่ ก่อนจะตั้งสติแล้วรีบยกมือขึ้นไหว้
"สะ...สวัสดีค่ะผู้จัดการ"
รอบยิ้มก่อนหน้านั้นค่อยๆ เลือนหายไป ก่อนจะปั้นหน้ายักษ์มองฉันแทน
"หลบหน้าฉันทำไม !?"
"ปะ...เปล่าๆ ฉันไม่ได้หลบหน้าผู้จัดการเลยนะคะ" ฉันรีบส่ายหน้าโบกมือปฏิเสธ
"แต่ฉันเห็น! เธอมาถึงตอนที่ฉันกำลังกำชับงานคนอื่นอยู่ แต่เธอก็ไม่เดินเข้าไป แล้วแอบมาอยู่ในนี้แทน!"
นี่เขาเห็นเหรอเนี่ย
"เธอลืมเหรอเปรี้ยวว่าผับเรากระจกมันเยอะ"
จริงด้วย! ให้ตายสินังเปรี้ยว ทำไมถึงได้โง่ขนาดนี้นะ พอถูกจับได้ ฉันก็ได้แต่ส่งยิ้มแห้งๆ ไปให้ ก่อนจะแก้ตัวอีกครั้ง
"แหะๆ พอดีเปรี้ยวท้องเสียค่ะ เลยต้องรีบมาเข้าห้องน้ำไง" แต่มันก็ไม่ได้ผล เพราะท่านผู้จัดการไม่เชื่อฉันเลยแม้แต่นิดเดียว
"ไม่ต้องมาแก้ตัว รีบๆ เอาของไปเก็บแล้วไปทำหน้าที่ตัวเองได้แล้ว ส่วนเรื่องที่เธอมาช้าและหลบหน้าฉันวันนี้ ฉันจะคิดบัญชีกับเธอทีหลัง"
"ค่ะ..." ฉันก้มหน้าอย่างยอมจำนน ก่อนจะเดินเลี่ยงออกมา แต่ก็ต้องหยุดเดินและหันกลับไป เมื่อผู้จัดการพูดขึ้นอีกครั้ง
"อ้อ! และถ้าวันนี้เธอทำพลาดแม้แต่นิดเดียว ฉันไม่เอาเธอไว้แน่!"
"!!"