ชนบท
หมู่บ้านหนองขี้เหล็ก
ใกล้เมืองไร้แสงสีไม่มีแม้ห้างสรรพสินค้า ชาวบ้านอยู่กันตามยถากรรม ส่วนมากทำอาชีพเกษตรกรปลูกข้าวไถ่นา บ้างก็มีส่วนผลไม้ ผู้คนอยู่กันอย่างรักใคร่
ท้ายหมู่บ้าน
"เย้! ในที่สุดก็เรียนจบสักที" สาวน้อยโดดโลดเต้นดีใจ เนื่องจากวันนี้ได้เล่าเรียนมัธยมปลายในวันสุดท้าย
"เอ่อ ครูเขาให้เอ็งจบก็บุญแล้ว" ยายพูด
"ถึงหนูจะเรียนหนังสือไม่เก่ง แต่ก็ตั้งใจเรียนอยู่นะยาย อย่างน้อยก็ไม่ได้อันดับสุดท้าย"
"ยังมีหน้ามาภูมิใจอีกหรือไง! มึงเรียนยังไงอีเพลงพลอย ครองแชมป์รองสุดท้ายทุกปี"
เพลงพลอย สาวน้อยหน้ามน อายุสิบแปดปีบริบูรณ์ ใบหน้าสวยหยาดเยิ้มยิ่งกว่าน้ำผึ้งเดือนห้า ส่วนสูงเพียงร้อยห้าสิบเจ็ด ตัวเล็กน่ารัก อาศัยอยู่กับยายตั้งแต่เกิด พ่อประสบอุบัติเหตุเสียชีวิต ส่วนแม่ก็ตายด้วยโรคประจำตัวแทรกซ้อนหลังจากคลอดลูกคนเล็ก
ยาย ซึ่งเป็นแม่ของแม่ จึงต้องเลี้ยงดูหลานสาวสองคน เนื่องจากผู้เป็นสามีก็ล้มหายตายจากในวัยชราเมื่อไม่นานมานี้
ทุกอย่างลำบากลำเข็ญ
"อีกสองวันมีงานวัด หนูว่าจะขึ้นเวทีไปฉกชิงเงินรางวัล สองพันบาทเลยนะยาย" เพลงพลอยยิ้มดีใจ "พอได้เงินมาหนูจะเอาให้ยายหมดเลย"
"เพลงพลอย ตอนนี้เอ็งเรียนจบแล้ว ยายปรึกษากับยายสายตอนไปวัด มันส่งหลานไปเรียนที่เมืองกรุง พอเรียนจบ.ได้งานทำส่งเงินกลับมาบ้านทุกเดือน ยายก็เลยคิดว่าจะเอาบ้านหลังนี้ไปเข้าจำนองเพื่อส่งเอ็งไปเรียน"
"ไปเรียน?! ไหนเราคุยกันแล้วไงว่าหลังจากเรียนจบมอหก ยายจะให้หนูต่อยมวยเป็นอาชีพ เพื่อไปคว้าเอาเงินตามเวทีงานวัดทั้งจังหวัด"
"ยายก็แก่มากแล้วไม่รู้จะตายวันตายพรุ่ง อนาคตของเอ็งมันสำคัญกว่านะ อีกอย่าง..ไพลินก็ไม่ค่อยแข็งแรง ถ้าเอ็งเรียนจบมีงานการที่ดีทำจะได้ดูแลน้องด้วย"
ไพลิน หลานสาวคนเล็ก อายุสิบสองปี เป็นโรคหัวใจตั้งแต่กำเนิด แทบจะไม่ได้ไปเรียนหนังสือเพราะมักจะเป็นลมบ่อยครั้ง แต่อย่างน้อยเพลงพลอยก็คอยสอนน้องให้อ่านออกเขียนได้ตามความสามารถที่มีน้อยนิด ยังดีที่สองพี่น้องรักใคร่กลมเกลียวกันมาก
สมัยยังเล็ก เพลงพลอยชอบไปแอบมองค่ายมวยเล็กๆ จนถูกนำมาฝึกฝน จับพลัดจับถูได้ชกมวยตามงานวัดเพื่อชิงเงินรางวัล ถือเป็นอาชีพเสริมที่จุนเจือครอบครัว
หลายสัปดาห์ผ่านไป
ยายอ้อนวอนผู้ใหญ่บ้านให้เซ็นค้ำประกัน นำที่บ้านพักอาศัยสมบัติชิ้นสุดท้ายไปให้เสี่ยใหญ่ประจำหมู่บ้าน เพื่อจะนำเงินส่งเพลงพลอยเข้าเรียนมหาวิทยาลัย แต่เพราะแถวชนบทไม่มีข่าวสื่อสารออนไลน์ จึงทำให้คลาดเคลื่อนกับการสอบเข้า คุณครูประจำชั้นเห็นใจจึงขอทุนจากเพื่อนเก่า เพื่อให้เข้าเรียนมหาวิทยาลัยเอกชนโดยใช้ความสามารถในการชกมวยยื่นในนามสิทธิพิเศษ
"เฮ้อออ น่าจะได้เข้ามหาวิทยาลัยปกติ นี่อะไร..หนูต้องไปเรียนมหาวิทยาลัยเอกชนอะไรนั่น ค่าเทอมก็แพง" เพลงพลอยบ่นอุบอิบ "ไหนจะค่าที่พักอีก"
"ยายไปสอบถามยายสาแล้ว มันบอกว่าหลานสาวพักอยู่แถวนั้นมีหอราคาถูกมาก นี่..เป็นที่อยู่ ยายจดมาให้แล้ว"
"ไปอยู่ที่นู่นหนูต้องคิดถึงยายกับไพลินแน่"
"ไม่ต้องเป็นห่วงทางนี้ ตั้งใจเรียนก็พอ"
"จ้ะยาย งือออ~คิดถึง"
สาวน้อยออดอ้อนตามประสา นอนหนุนตักผู้เป็นยายอยู่ตรงเก้าอี้ไม้สานหน้าบ้าน ตอนนี้เป็นเวลาพลบค่ำ พระอาทิตย์เริ่มลับขอบฟ้า เพลงพลอยกระเด้งตัวลุกขึ้นมา ส่งคำถามบางอย่าง "หนูขอถามอะไรหน่อยสิยายจ๋า"
"ว่ามา"
"พ่อกับแม่ของหนูเจอกันยังไง"
"ทำไมจู่ๆ ถึงอยากรู้"
"ก็..อยากรู้เฉยๆ ยายบอกหน่อยนะ"
"อืมมม วันนั้นมีงานวัด เจ้าภาพถูกหวยจัดคณะหมอลำยิ่งใหญ่ แม่เอ็งขายผักเสร็จก็รีบอาบน้ำแต่งตัวไปดู แต่แล้ว..พวกนักเลงสองหมู่บ้านยกพวกถล่มตีกัน"
ดวงตาของเพลงพลอยเบิกโพลงตื่นเต้นทันทีที่ได้รับฟัง ยายเคี้ยวหมากลงบนถ้วยพร้อมหยิบผ้ามาเช็ดเล่าเรื่องราวต่อ "แม่เอ็งโดนตบจนล้ม มีผู้ชายคนหนึ่งรีบวิ่งมาอุ้มออกไปจากวงชุลมุนตีกันของพวกนักเลง"
"พ่อเท่จัง มาช่วยแม่ด้วย กริ๊ดดดดด"
"ไม่ใช่เว้ย คนที่ตบแม่มึงนั่นแหละพ่อมึง!!"
"อ้าววว..."
"เจออีกครั้งที่วัด เอาโบว์ที่มัดผมเพราะร่วงอยู่ตรงนั้นมาคืน บอกขอโทษไม่ได้ตั้งใจ จะตบนักเลงอีกหมู่บ้าน แต่ดันพลาดโดนแม่เอ็ง"
"นึกว่าหนังโรแมนติก ดึงไปหักมุมซะงั้น!"
เพลงพลอยทำหน้าเอือมแต่ก็เข้าใจได้ บางครั้งคนที่ดีกับคนที่รักมักจะไม่ใช่คนเดียวกัน
วันเวลาผ่านไปอย่างรวดเร็ว จนกระทั่งถึงเวลาต้องออกเดินทาง
"ดูแลยายด้วยนะไพลิน" เพลงพลอยลูบแก้มน้องสาวอย่างอ่อนโยน
"หนูคิดถึงพี่ ฮึกกก"
"ไว้จะกลับมาเยี่ยมนะ แล้วจะโทรหาบ่อยๆ"
"หนูรักพี่นะคะ"
"พี่ก็รักไพลินนะ"
สองพี่น้องกอดกันแน่นแฟ้น ยายพาหลานสาวเดินลัดเลาะป่ามายังถนนเส้นหลักเพื่อรอรถโดยสาร ทันทีที่รถมาเทียบ สาวน้อยก็ลากกระเป๋าพะรุงพะรังนั่งอยู่ด้านนอกโบกไม้โบกมือให้กับผู้อันที่รัก แทบจะกลั้นน้ำตาไม่ไหว แต่เพราะเป็นคนมีความอดทนมาก จึงพยายามฝืนยิ้มหวานเพื่อให้ทุกคนสบายใจ
รถแล่นไปยังสถานีขนส่งอย่างไว กระทั่งซื้อตั๋วแล้วเดินทางต่อไปยังเมืองกรุงที่ห่างไกล ชีวิตสาวน้อยจะเป็นยังไง เมื่อต้องดิ้นรนเพียงลำพัง...