บทนำ
บทนำ
ปริ้นนนน....
ตุบ!
“อ๊ายยย ขับรถอะไรของแกเนี่ย”
เสียงกรีดร้องของเด็กสาวในชุดนักศึกษาดังลั่นจนทำให้คนที่อยู่บริเวณนั้นหันมามองคนที่ล้มลงกับพื้น ใบหน้าหวานรูปไข่แสดงอาการตกใจออกมาอย่างเปิดเผยเมื่อเธอกำลังจะข้ามถนนแต่ดันถูกรถสปอร์ตคันหรูบีบแตรเสียงดังลั่นจนเธอตกใจทั้งที่มีสัญญาณไฟสีเขียวให้ผู้คนสามารถข้ามถนนได้แล้ว
เอี๊ยดดด
ในจังหวะเดียวกันกับที่หญิงสาวตะโกนด่า เสียงของล้อยางเสียดสีกับพื้นถนนส่งเสียงดังลั่น รถสปอร์ตคันหรูสีดำจอดนิ่งสนิทห่างออกไปไม่ไกลจากจุดที่มีคนล้มลง
สายตาคมกริบปรายตามองกระจกมองหลังทำให้เห็นหญิงสาวตัวเล็กในชุดนักศึกษาที่หันมองมาทางรถด้วยอารมณ์โกรธเคือง ปากเล็กๆกำลังขมุบขมิบคล้ายกับด่าทอ
มือหนาเปิดประตูลงจากรถสปอร์ตคันหรูคู่ใจในจังหวะต่อมา เท้าแกร่งที่สวมรองเท้าหนังสีดำเงาวับแตะพื้นด้วยท่าทางมั่นใจก่อนจะเดินตรงไปหาเด็กสาวที่กำลังลุกขึ้นยืนอยู่ไม่ไกล ต่อให้เด็กผู้หญิงคนนั้นจะมีท่าทางไม่พอใจแต่ใบหน้าคมคายยังเรียบนิ่งไร้ความรู้สึก ไม่ได้สะทกสะท้านกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นก่อนหน้านี้แม้แต่นิดเดียว
ตึก ตึก
“เจโฮปเพื่อนของโรมันงั้นเหรอ?” ขนมผิงพึมพำกับตัวเองเมื่อเห็นชายหนุ่มร่างสูงเดินใกล้เข้ามาเรื่อย ๆ เธอพึ่งรู้จักผู้ชายคนนี้ได้ไม่กี่วันก่อนหน้านี้ เป็นการเจอแบบไม่สนิท แค่รู้จักว่าเขาคือเพื่อนแก๊งเดียวกับคนรู้จักของเพื่อนสาวคนสนิทเธอ
ไม่เคยคุย ไม่เคยสุงสิง แค่เจอหน้ากันตอนที่มาเยี่ยมเพื่อนสาวคนสนิทเท่านั้น มองจากรูปลักษณ์ภายนอกไม่น่าเป็นมิตรเลยสักนิด และสีหน้าแววตาเรียบนิ่งเหมือนกันทั้งแก๊งเธอเลยไม่คิดจะพูดคุยด้วย
แต่ก็ยังดีที่รู้ว่าตัวเองผิด จอดรถและลงมาขอโทษ
เธอได้แต่คิดในใจเป็นจังหวะเดียวกันกับผู้ชายร่างสูงประมาณหนึ่งร้อยแปดสิบเซ็นติเมตรมายืนอยู่ตรงหน้า แต่ด้วยที่เขาสูงกว่าเธอเวลามองใบหน้าคมคายต้องเงยหน้ามอง
เป็นแวมไพร์ทั้งแก๊งเลยเหรอไง ขาวจนเห็นเส้นเลือดแถมยังหน้านิ่งอีก ยิ่งใกล้ยิ่งขนลุก นัยส์ตาสีเทาหม่นคู่นั้นดูไร้ความรู้สึกและเย็นยะเยือกจนเสียวสันหลัง
“ไอ้โรมันพาพริกหวานออกจากโรงพยาบาลแล้ว” น้ำเสียงเรียบนิ่งเอ่ยบอกหญิงสาวตัวเล็กก่อนจะหมุนตัวเดินไปยังรถสปอร์ตคันหรูตามเดิม เป็นการเจอแบบไม่คาดคิด แต่ในเมื่อเจอแล้วก็บอกเธอซะเลยจะได้จบ ไหนๆก็รับปากกับเพื่อนสนิทแล้วว่าจะจัดการทางนี้เอง
“คะ? ว่าไงนะ พริกหวานออกจากโรงพยาบาลแล้วเหรอคะ แล้วไปอยู่ไหนคะ?” ขนมผิงถามออกมาด้วยน้ำเสียงตะกุกตะกัก อึ้งไปชั่วขณะเมื่อได้ยินเสียงเข้มเอ่ยบอกเธอเพราะคิดว่าเขาจะลงมาขอโทษที่ขับรถเกือบชนเธอ แต่ความจริงไม่ใช่แบบนั้นเลยเขาไม่คิดจะขอโทษด้วยซ้ำ แถมยังมาพูดประโยคห้วน ๆ ทำให้เธอตั้งรับไม่ทันเกี่ยวกับเพื่อนสาวคนสนิท
กว่าจะได้สติ ร่างสูงก็เดินเกือบจะถึงรถแล้ว ทำให้เท้าเรียวเล็กรีบวิ่งเข้าไปหาเพื่อไขข้อข้องใจเรื่องเพื่อนสาวคนสนิท และมีอารมณ์โมโหที่เขาไม่รู้จักขอโทษเธอ ใบหน้าหวานบึ้งตึงบ่งบอกว่าอารมณ์เธอไม่ดีในสิ่งที่เขากำลังทำอยู่ตอนนี้
“นี่คุณ หยุดก่อนค่ะ ฉันมีเรื่องจะคุยด้วย”
“คุณเจโฮป ฉันบอกให้หยุดไงคะ!”
“เฮ้ คุณฟังภาษาไทยไม่ออกเหรอหรือว่าคุณหูตึง คุณควรขอโทษที่ขับรถเกือบชนฉันนะคะ ไม่มีตามองสัญญาณไฟคนข้ามทางม้าลายเหรอไง”
มือที่กำลังจะเปิดประตูรถสปอร์ตคันหรูชะงักเมื่อได้ยินคำพูดของเธอจนทำให้ใบหน้าคมคายเงยมองหญิงสาวตัวเล็กที่วิ่งกระหืดกระหอบเข้ามาอยู่ประจันหน้า
“ก็ไม่ได้หูตึงนิ ตาก็ไม่น่าบอด” ขนมผิงพูดด้วยน้ำเสียงเหนื่อยหอบ และมองใบหน้าคมคายที่หันมาจ้องหน้าเธอตอบ แต่ด้วยสายตาคมที่น่ากลัวนั้นทำให้เธอเสียวสันหลังวาบอีกครั้ง
สายตาคมจับจ้องหญิงสาวในชุดมหา'ลัย
“ฉันไม่ใช่เพื่อนเล่นเธอ เธอไม่มีสิทธิ์มาออกคำสั่งกับฉัน!”
“ก็คุณไม่รอตอบคำถามฉันก่อนนิ่คะ ฉันต้องการรู้ว่าพริกหวานไปไหน เพื่อนของฉันไม่สบายอยู่นะคะ ห่างหมอแบบนี้มันอันตราย อีกอย่างคุณก็ขับรถจะชนฉันควรขอโทษค่ะไม่ใช่ทำมึนไม่รู้เรื่อง”
ขนมผิงพูดร่ายยาวแต่คนตรงหน้ายังทำหน้านิ่งเฉยไร้ความรู้สึกอีกทั้งยังหันกลับไปตั้งท่าจะเปิดประตูรถสปอร์ตคันหรู
ปึก
ปัง
มือหนาง้างที่เปิดเพื่อเปิดประตูแต่กลับเป็นจังหวะเดียวกันที่มือเรียวเล็กดันประตูปิด
ใบหน้าคมคายหันมาทางหญิงสาวตัวเล็กอีกครั้ง สายตาคมเต็มไปด้วยความหงุดหงิดอย่างเปิดเผย จ้องลึกไปในดวงตากลมโตคู่นั้น บ่งบอกถึงความรำคาญที่เด็กคนนี้กำลังทำอยู่ตอนนี้
หมับ
“อ๊ะ” ขนมผิงอุทานออกมาด้วยความตกใจเมื่อถูกฝ่ามือหนาบีบเข้าที่ลำคอระหง นิ้วมือทั้งห้าเริ่มลงน้ำหนักขึ้นเรื่อย ๆ เธอไม่รู้ว่าเขาทำแบบนี้ทำไม มือเรียวเล็กรีบจับเข้าที่มือหนาของเขาเพื่อแกะมันออก แต่เหมือนเขาจะลงน้ำหนักจงใจทำให้เธอขาดลมหายใจตายตรงนี้
เจโฮปไม่สนใจสายตาของผู้คนที่ยืนอยู่แถวนี้เลยสักนิด
“ขี้ขลาดตาขาวแบบเธออย่ามาทำอวดเก่งกับฉัน” เพียงแค่เห็นแววตาสั่นระริกในตอนแรกที่เขาเดินเข้าไปใกล้ก็รู้ได้ทันทีว่าเด็กคนนี้ขี้ขลาดแต่อยากเก่ง
พรึบ
ปึก!
“โอ๊ยยยย”
บรื้นนนนน
หญิงสาวร่างเล็กลงไปนั่งกองกับพื้นเมื่อถูกเหวี่ยงเต็มแรงจนทรงตัวไม่อยู่ และเจ้าของการกระทำก็ขึ้นรถไปอย่างหน้าตาเฉย ดวงตากลมโตได้แต่มองรถสปอร์ตคันหรูที่เร่งเครื่องขับออกไปต่อหน้าต่อตา
“ไอ้คนบ้า ไอ้คนเถื่อน ชาตินี้หรือชาติไหนขออย่าได้เจอกันอีกเลย” กว่าจะอ้าปากด่าได้รถคันนั้นก็ไปไกลจนสุดลูกหูลูกตา มือเรียวเล็กลูบลำคอระหงที่ถูกบีบ ใบหน้าหวานเหยเกกับความเจ็บที่ตกค้างยังจำน้ำหนักมือนั้นได้ดี