ตอนที่ 1 : หงุดหงิด
ผู้คนมากมายมองเห็นเหตุการณ์แต่ไม่มีใครเข้ามาช่วย บางคนคิดว่าผัวเมียทะเลาะกันเพราะดูเหมือนรู้จักกัน แต่บางคนก็แอบสงสารเด็กสาวในชุดนักศึกษา แต่ด้วยบุคลิกที่น่าเกรงขามและน่ากลัวของชายหนุ่มร่างสูงจนไม่มีใครกล้าเข้ามายุ่ง ทุกคนได้สัมผัสสายตาเกรี้ยวกราดและรู้สึกถึงรังสีอำมหิตที่แผ่ซ่านรอบตัวของชายหนุ่มคนนั้น
ขนมผิงดันตัวเองลุกขึ้นแต่แล้วใบหน้าหวานเหยเกเมื่อรู้สึกเจ็บแป๊บไปทั่วทั้งตัวโดยเฉพาะบริเวณสะโพกที่กระแทกกับพื้นปูนเต็มแรง จนต้องค่อยๆกัดฟันฝืนร่างกายให้กลับมายืนเต็มความสูง กระโปรงทรงเอสีดำเลอะไปด้วยฝุ่นและคราบสีขาวทำให้เธอใช้มือเรียวเล็กปัดออกอย่างลวกๆ
เมื่อได้สติทำให้เธอหยิบโทรศัพท์เครื่องหรูออกจากกระเป๋าเพื่อต่อสายหาเพื่อนสาวคนสนิททันที
‘หมายเลขที่ท่านเรียกไม่สามารถติดต่อได้ขณะนี้....’
“เอ้า ติดต่อไม่ได้อีก...” ขนมผิงสบถออกมาเมื่อติดต่อปลายสายไม่ได้ แต่ก็นึกขึ้นได้ว่าโทรศัพท์ของเพื่อนมีปัญหาตั้งแต่เกิดอุบัติเหตุ
“สมองกลับแล้วขนมผิงเอ๊ย เจอคนบ้าจนลืมไปซะทุกอย่าง แล้วแบบนี้จะติดต่อพริกหวานยังไง เบอร์ผู้ชายที่ชื่อโรมันก็ไม่มี แล้วเพื่อนฉันหายไปไหนก็ไม่รู้”
ขนมผิงต่อสายหาคนรู้จักอีกครั้งเมื่อนึกถึงแค่คนเดียวที่รู้เรื่องราวทั้งหมดพอๆกับเธอ ใบหน้าหวานเต็มไปด้วยความกังวลและรู้สึกไม่สบายใจ
(ว่าไงขนมผิง) ใช้เวลาไม่นานปลายสายกดรับและพูดทักทายอย่างเป็นกันเอง
“พี่นักรบได้เจอพริกหวานหรือยังคะ” ขนมผิงรีบถามทันที เพราะรุ่นพี่คนนี้เป็นอีกคนที่พริกหวานไว้ใจและจำได้ในช่วงที่ความทรงจำยังกลับมาไม่เต็มร้อย
(ก็ไหนเราบอกว่าจะไปเยี่ยมพริกหวานไง พี่ติดทำโปรเจคตั้งใจจะปลีกตัวไปหาเย็นนี้)
“ตอนแรกก็ใช่ค่ะ แต่คนไข้ไม่อยู่ให้เยี่ยม”
(พริกหวานไปไหน เกิดอะไรขึ้นอีก) ปลายสายถามด้วยน้ำเสียงตกใจ
“ผิงก็ไม่รู้ค่ะว่าเกิดอะไรขึ้น พอดีเจอคนบ้า...เอ่อ เจอผู้ชายที่ชื่อเจโฮปเพื่อนของคุณโรมันเขาบอกผิงมาแบบนี้ อีกอย่างยังไม่ทันที่ผิงจะได้เข้าไปที่โรงพยาบาลดันเกิดอุบัติเหตุซะก่อน”
(พี่ก็เป็นห่วงพริกหวานเหมือนกัน เดี๋ยวพี่หาข้อมูลก่อนถ้าได้เรื่องยังไงเดี๋ยวพี่ติดต่อเรากลับไป...)
ตู้ด ตู้ด...
ปลายสายตัดไปทันทีบ่งบอกถึงความใจร้อนและเป็นห่วงคนที่หายไป แต่ทำให้คนที่เป็นต้นสายถึงกับหน้าเจื่อน และรู้สึกห่อเหี่ยว มองหน้าจอโทรศัพท์เครื่องหรูที่สว่างวาบถึงแม้จะไม่มีเบอร์ของคนปลายสายแล้ว แววตาผิดหวังแสดงออกมาอย่างชัดเจน
“ไม่สิ จะรู้สึกแบบนี้ไม่ได้ พี่นักรบก็ต้องเป็นห่วงพริกหวานสิ ถูกต้องแล้ว”
ขนมผิงพูดไปพร้อมกับมองสภาพตัวเอง เหมือนกับว่าพี่นักรบไม่ได้สนใจประโยคหลังที่เธอบอกเลย
แต่แล้วใบหน้าหวานสะบัดไปมาเบาๆเพื่อไล่ความคิดพวกนี้ออกจากหัว และย้ำเตือนตัวเอง
...เธอคิดกับพี่นักรบแค่รุ่นพี่เท่านั้น พี่นักรบชอบพริกหวาน ต่อให้ตอนนี้พริกหวานมีคนดูแลแล้วแต่เธอไม่มีทางสานความสัมพันธ์กับรุ่นพี่เด็ดขาด รู้ดีว่าพี่นักรบรู้สึกกับเธอแค่น้องสาว ถ้าเกิดบอกไปตามความรู้สึกพี่นักรบคงตีตัวออกห่างเพื่อไม่ให้เธอคิดเกินเลย
ดวงตากลมโตทอดสายตามองออกไปอย่างไร้จุดมุ่งหมาย มันเป็นความรู้สึกที่ไม่ควรเกิดขึ้น และไม่รู้ว่าเกิดขึ้นตอนไหน
การเป็นสะพานเชื่อมให้เพื่อนกับรุ่นพี่ดันเผลอรู้สึกซะเอง
“แล้วฉันจะรู้ได้ไงว่าแกอยู่ไหน ฉันควรเชื่อใจผู้ชายคนนั้นที่บอกว่าเป็นผัวแกใช่ไหม” ขนมผิงพึมพำกับตัวเอง ตอนนี้เธอมืดแปดด้านกับการตามหาเพื่อนสาวคนสนิท
“ทางเลือกเดียวที่จะรู้ได้...” ขนมผิงเว้นช่วงคำและหันไปทางที่รถสปอร์ตคันหรูขับเคลื่อนออกไปตั้งนานแล้ว มีทางเดียวที่เธอจะรู้ได้ว่าเพื่อนเธออยู่ไหนคือเขา คนที่เธอไม่อยากเจอทั้งชาตินี้และชาติหน้า
แต่ว่าเธอจะไปเจอเขาได้จากที่ไหน ไม่มีข้อมูลอะไรเกี่ยวกับผู้ชายคนนั้น แม้แต่แฟนเพื่อนก็เพิ่งมารู้จักตอนเพื่อนประสบอุบัติเหตุ
ณ โรงพยาบาลเอกชน
“ทางเราไม่ทราบเลยค่ะ ทันทีที่คนไข้ออกจากโรงพยาบาลถือว่าอยู่ในความดูแลของญาติ ทางโรงพยาบาลไม่รู้เลยว่าคนไข้ไปไหน”
เสียงของเจ้าหน้าที่ประชาสัมพันธ์ของโรงพยาบาลปฏิเสธด้วยน้ำเสียงนุ่มนวล ทำสีหน้าลำบากใจให้คนที่ถามได้เข้าใจ
“แล้วพอจะบอกได้ไหมคะว่าคนไข้ออกไปตอนกี่โมง”
“เป็นความลับของคนไข้กับสถานพยาบาลค่ะ ทางเราไม่สามารถบอกได้”
“เฮ้อ...” ขนมผิงถอนหายใจออกมาจนนับครั้งไม่ถ้วน ก่อนหน้านี้เธอพยายามเค้นถามเจ้าหน้าที่แต่ก็ได้รับการปฏิเสธ ร่วมๆแล้วเป็นเวลากว่าหนึ่งชั่วโมงที่เธอยืนอยู่ตรงนี้ แถมไม่ได้ความคืบหน้าอะไรเลยสักนิด
ทางด้านเจโฮป
ชายหนุ่มร่างกายกำยำสวมเสื้อเชิ้ตสีดำสนิท ปลดกระดุมลงสามเม็ดเพื่อให้เห็นแผงอกแกร่งที่เต็มไปด้วยมัดกล้าม ท่อนขาสูงยาวถูกสวมทับด้วยกางเกงสแลคสีดำสนิทเคียงคู่กับรองเท้าหนังสีดำเงาวับกำลังย่างก้าวเข้ามาในคาสิโนที่ทำร่วมกับแก๊งเพื่อน
ใบหน้าคมคายไร้ซึ่งความรู้สึก ริมฝีปากหนาเป็นเส้นตรงไม่มีแม้แต่รอยยิ้มเป็นมิตร นัยส์ตาคมสีเทาหม่นมองบรรยากาศภายในคาสิโนที่คุ้นเคย มือหนาหยิบบุหรี่ราคาแพงขึ้นมาจุดสูบเพื่อดับความหงุดหงิดกับเหตุการณ์ที่เจอมาเมื่อไม่นานมานี้
“หงุดหงิดอะไรแต่เช้าว่ะ”
“เกือบชนหมา” เจโฮปตอบกลับโดยไม่จำเป็นต้องหันไปมองว่าคือใคร เพียงแค่ฟังน้ำเสียงก็จำได้ว่าคือไทเลอร์แก๊งเพื่อนที่ร่วมกันทำคาสิโนแห่งนี้
ไทเลอร์เลิกคิ้วขึ้นหนึ่งข้างเป็นเชิงคำถาม เพราะไม่เข้าใจในคำตอบของเพื่อนคนสนิทสักเท่าไหร่
“ไอ้โรมันพาพริกหวานไปบ้านพักตากอากาศตั้งแต่เมื่อคืน ป่านนี้พริกหวานคงฟื้นแล้ว ทีนี้ต่อไปก็คงหน้าที่กูกับมึงที่ต้องบอกเพื่อนของพริกหวาน”
“บอกแล้ว”
“บอกใคร”
“หมา”
คำตอบของเจโฮปทำให้ไทเลอร์เริ่มเข้าใจ ริมฝีปากหนายิ้มกรุ้มกริ่ม แสดงว่าหมาที่ทำให้เจโฮปหงุดหงิดคงหนีไม่พ้นเพื่อนของพริกหวานที่ชื่อขนมผิง เพราะถ้าเจอรุ่นพี่ผู้ชายของพริกหวานคงไม่ได้กลับมาในสภาพนี้
“ดูเหมือนเด็กนั่นจะทำให้มึงอารมณ์ไม่นิ่งนะ”
“ไม่ถูกชะตา” เจโฮปตอบกลับทันควัน เพราะเขารู้สึกไม่ถูกชะตาเด็กนั่นตั้งแต่แรกเห็น
“ถ้าจะระบายความหงุดหงิดมีเด็กใหม่เพิ่งเข้ามา ตรงสเปคมึงอยู่นะ คิดว่าน่าจะทำให้มึงหายหงุดหงิดจากหมาตัวนั้นได้ดีเลยล่ะ” ไทเลอร์ส่งสายตาไปที่สาวสวยร่างอรชรที่กำลังยืนยิ้มน้อยยิ้มใหญ่อยู่ไม่ไกล
ร่างสวยนั้นใช่ชุดเดรสรัดรูปเน้นส่วนเว้าส่วนโค้งและโชว์เนินอกขนาดใหญ่กำลังส่งสายตาหยาดเยิ้มให้กับชายหนุ่ม
“หึ หวังว่าจะทำให้กูหายหงุดหงิด” เจโฮปหัวเราะในลำคอเมื่อมองตามสายตาของเพื่อน ก่อนจะเดินเข้าห้องพักรับรองที่เอาไว้ตรวจเช็คของใหม่
ไทเลอร์ส่งสายตาให้เด็กสาวคนนั้นตามเจโฮปเข้าห้องเชือด
ก๊อก ก๊อก
เสียงเคาะประตูดังขึ้นสองครั้งเบาๆ หญิงสาวที่สบสายตาในตอนที่อยู่ข้างนอกเดินนวยนาดเข้ามาภายในห้อง สายตาคมกริบมองหน้าอกขนาดใหญ่ที่แทบล้นทะลักกวาดสายตามองต่ำลงไปที่ขาเรียวสวยที่แทบจะเห็นของที่อยู่ด้านใน สายตาไม่แสดงออกถึงความถูกใจ ยังคงเรียบนิ่งและกลับมามองใบหน้าสวยที่แต่งแต้มเครื่องสำอางจัดเต็ม
“สวัสดีค่ะคุณเจโฮป พิมพ์ประภานะคะ หรือเรียกว่าพิมพ์เฉยๆก็ได้ค่ะ พอดีว่าคุณไทเลอร์ให้พิมพ์เข้ามาทำให้คุณเจโฮปผ่อนคลายค่ะ”
“บ่อยแค่ไหน”
“หมายถึงอะไรคะ”
“โดน ย มาบ่อยแค่ไหน”
คำถามที่ตรงไปตรงมาของชายหนุ่มร่างสูงทำให้หญิงสาวร่างอรชรชะงักไปชั่วขณะ แต่ปั้นหน้ายิ้มอย่างยั่วยวน
“ไม่บ่อยค่ะ ถ้าไม่ถูกใจใครไม่มีทางที่พิมพ์จะยอมง่ายๆ”
“งั้นเหรอ” น้ำเสียงเย้ยหยันบ่งบอกว่าไม่เชื่อ ริมฝีปากหนากระตุกยิ้มและส่งสายตาเหยียดหยามไปที่หญิงสาวตรงหน้า กิริยาท่าทางขนาดนี้ยังมีหน้ามาบอกว่าไม่บ่อย แค่ดูจากภายนอกก็รู้ว่าผ่านศึกสงครามมาอย่างหนัก แต่เวลานี้ไม่มีทางเลือกอื่น แค่อยากระบายความหงุดหงิดก็เท่านั้น
“ถ้าไม่เชื่อคุณเจโฮปต้องสำรวจค่ะ” หญิงสาวร่างสวยเดินไปประจันหน้าชายหนุ่มที่นั่งอยู่ปลายเตียง
สายตาของทั้งคู่ประสานกัน หญิงสาวร่างอรชรส่งยิ้มยั่วยวนให้ชายหนุ่ม จงใจกัดริมฝีปากตัวเองคล้ายกับหิวกระหายอยากกินเหยื่อเต็มที