EP 4 : หวาดผวา

1583 Words
ตอนที่ 4 : หวาดผวา มือเรียวเล็กเปลี่ยนเป็นเกียร์เดินหน้าทันทีเมื่อร่างสูงที่น่ากลัวนั้นจงใจเดินเข้ามาหารถของเธอ แต่เมื่อเหยียบคันเร่งรถของเธอไม่สามารถเคลื่อนตัวออกไปได้ บรื้นนนนน ล้อของรถเก๋งเสียดสีกับพื้นถนนลูกรังแต่รถยังอยู่กับที่จนเกิดควันสีขาวคลุ้งจากท่อไอเสียและฝุ่นละอองจากดินลูกรังไปทั่วบริเวณ กลิ่นเหม็นไหม้จากแรงเสียดสีของล้อลอยตลบอบอวล เสียงเร่งเครื่องยนต์ดังกังวานท่ามกลางซอยเปลี่ยวในช่วงค่ำมืด “นี่มันบ้าอะไรกัน ทำไมรถไม่ขยับ” ขนมผิงสติแตกใบหน้าหวานเต็มไปด้วยอาการตื่นตระหนกและมองผ่านกระจกมองหลังเห็นชายร่างสูงใกล้จะถึงรถของเธอเต็มที พยายามเหยียบคันเร่งหวังให้รถพุ่งไปด้านหน้าแต่รถไม่มีทีท่าจะขยับ ยิ่งเห็นเงาดำนั้นใกล้เข้ามายิ่งทำให้เธอหวาดผวา เงานั้นเดินเข้ามาอย่างช้า ๆ และใจเย็นเหมือนทุกอย่างเตรียมการไว้ล่วงหน้าหมดแล้ว ดูเหมือนมั่นใจว่ายังไงเธอก็หนีไม่พ้น “เดินหน้าสิ ฉันเหยียบคันเร่งแล้วนะ ควรพุ่งไปข้างหน้าสิ” สายตาคมกริบปรายตามองโซ่เส้นหนาที่ถูกคล้องไว้กับล้อรถยนต์ของเธอและยึดไว้กับรถของตัวเอง ไม่มีทางที่รถแบรนด์ญี่ปุ่นของเธอจะมีกำลังลากรถสปอร์ตเหล็กทั้งคันไปไหวแน่ ในระหว่างที่รถคันนี้จอดอยู่เธอคงไม่ทันได้สังเกตว่าล้อหลังทั้งสองล้อถูกรั้งด้วยโซ่เส้นหนา ไม้กอล์ฟราคาหลักแสนถูกลากมากับพื้น มือหนาจับด้ามไว้มั่นและตวัดขึ้นสุดแขนก่อนจะตวัดลงเต็มแรง เพล้ง! “กรี๊ดดดด” ขนมผิงกรีดร้องเสียงดังลั่นเมื่อของแข็งฟาดเข้าที่กระจกฝั่งที่เธอนั่ง ดวงตากลมโตวูบไหวกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น เนื้อตัวสั่นเทาจนควบคุมตัวเองไม่ได้ สายตามองออกไปนอกตัวรถทำให้เห็นเจ้าของการกระทำ แสงไฟจากรถด้านหลังสาดส่องเข้าที่ใบหน้าคมคายเต็มๆ “เจโฮป” น้ำเสียงที่หวาดผวาเรียกชื่อชายหนุ่มที่คุ้นหน้าคุ้นตา แต่ต้องฟุบหน้าลงไปอีกฝั่งเมื่อเห็นเขาง้างไม้กอล์ฟตั้งท่าจะฟาดลงมาอีกครั้ง โคร่ม!เพล้ง! “กรี๊ดดด” เสียงกรีดร้องดังเล็ดลอดออกมาเมื่อกระจกฝั่งคนขับแตกละเอียดจนสามารถเห็นคนที่อยู่ด้านใน ริมฝีปากหนากระตุกยิ้มกับท่าทางหวาดผวาของหญิงสาว มือหนาเอื้อมลอดผ่านช่องของกระจกที่แตกเป็นรูและโน้มมือไปที่ปุ่มปลดล็อกอย่างรวดเร็ว แกร่ก ปัก ประตูฝั่งคนขับเปิดออกอย่างง่ายดายราวกับคนทำชำนาญการ ไม้กอล์ฟหลักแสนที่ถือมาถูกวางทิ้งไว้ที่พื้นอย่างไร้ความสำคัญ มือหนาเอื้อมไปกระชากหญิงสาวร่างเล็กที่ตัวสั่นเทาลงจากรถ “กรี๊ดดด ปล่อย ฉันไม่ไป ปล่อย” “.....” พรึบ ตุบ ร่างเล็กถูกกระชากลงจากรถเต็มแรงเมื่อเธอพยายามใช้มือยื้อไว้กับเบาะหนัง แต่มันไม่สามารถต้านทานแรงกระชากของเขาได้เลย และแรงกระชากทำให้ตัวเธอร่วงลงจากรถจนตัวเธอลงมากองกับพื้น ทั้งเจ็บและหวาดผวากับผู้ชายคนนี้ “ต้องการอะไร อยากได้อะไรก็เอาไปสิ ของมีค่าอยู่ในรถ ฉันมีแค่นั้น” “.....” ยังคงไร้ความคำตอบจากปากของเจโฮป มือหนาเอื้อมไปกระชากแขนเรียวเล็กอีกครั้งและฉุดรั้งตัวเธอขึ้นมา ทำให้เห็นใบหน้าหวานที่เต็มไปด้วยความตื่นกลัวและน้ำตาไหลอาบสองข้างแก้ม ริมฝีปากหนากระตุกยิ้มอย่างพอใจที่ได้เห็นน้ำตาของเธอ ได้เห็นอาการหวาดผวาของเด็กสาว มือหนาบีบรัดข้อมือเธอแน่นจนใบหน้าหวานเบ้หน้าด้วยความเจ็บปวด ยิ่งสร้างความพอใจให้กับเจโฮปไม่น้อย “โอ๊ย...ช่วยด้วยค่ะ ใครอยู่แถวนี้ช่วยด้วย” ทันทีที่ได้สติทำให้ขนมผิงตะโกนร้องขอความช่วยเหลือ ถึงตอนนี้ท้องฟ้าจะมืดสนิทแต่ยังเป็นช่วงหัวค่ำผู้คนคงยังไม่หลับนอน หวังว่าเสียงร้องขอความช่วยเหลือจะมีคนได้ยิน แต่แล้วเขาได้ออกแรงยื้อตัวเธอให้เดินตาม ต่อให้เธอพยายามขืนแรงกระชากแต่กลับไม่เป็นผล แรงบีบรัดที่มือหนาลงน้ำหนักรู้สึกปวดร้าวไปจนถึงกระดูก ปากเรียวเล็กส่งเสียงร้องขอความช่วยเหลือไม่หยุดหย่อน หวังให้คนอื่นได้ยินแต่มันเหมือนเปล่าประโยชน์ เพราะแถวนี้ไม่มีบ้านคนเลย มีเพียงตึกร้างที่เหมือนเขากำลังจะลากเธอไปในนั้น “ปล่อย ฮื้อ ต้องการอะไรจากฉัน ฉันบอกให้ปล่อย ฉันจะบอกพริกหวาน พวกแกเป็นใครกัน” “หึ” เสียงหัวเราะดังขึ้นมาเบาๆแต่ทำให้อีกคนได้ยิน ใบหน้าหวานส่ายไปมาเป็นพัลวัน เธอไม่รู้ว่านี่คือเหตุการณ์บ้าอะไร ทำไมผู้ชายคนนี้ถึงเข้ามาวุ่นวายกับเธอแบบนี้ เขาดูน่ากลัวกว่าทุกครั้งที่เจอ ไม่เคยคิดเลยว่าผู้ชายที่เจอตอนไปเยี่ยมเพื่อนสาวที่โรงพยาบาลจะน่ากลัวขนาดนี้ การกระทำที่อุกอาจทำให้เธอหวาดผวา เธอแค่ต้องการตามหาเพื่อนก็เลยตัดสินใจตามเขามา แต่ไม่คิดว่ามันคือกับดัก... เจโฮปลากหญิงสาวร่างเล็กในชุดนักศึกษาเข้ามาในตึกร้าง บรรยากาศโดยรอบชวนขนลุก มีเพียงแสงสว่างจากกองไฟกลางห้องโถงขนาดใหญ่ส่องแสงสว่าง สายตาคมมองไปรอบตึกล้างที่มีลูกน้องหลายคนยืนเฝ้าประจำการก่อนจะหยุดฝีเท้าแกร่งและหันมาเผชิญหน้ากับหญิงสาวที่ลากมาจากด้านนอก ใบหน้าหวานยังคงส่ายไปมาเป็นพัลวันเมื่อเขาหันมาสบสายตา เธอพยายามแกะมือหนาออกจากข้อมือเธอครั้งแล้วครั้งเล่าแต่กลับไม่เป็นผล กลายเป็นว่ายิ่งเธอพยายามแกะมือเขาออก น้ำหนักการบีบยิ่งหนักขึ้นจนเธอปวดร้าว “คุณต้องการอะไร ทำแบบนี้ทำไม ตอบฉันสักที” ขนมผิงตวาดลั่นด้วยน้ำเสียงที่สั่นเทา ดวงตากลมโตเต็มไปด้วยหยาดน้ำตาแต่ยังจ้องมองชายหนุ่มตรงหน้าตาเขม็ง ใช้ความโกรธข่มอาการกลัวของตัวเอง หมับ “จะทำอะไร อย่านะ” ขนมผิงดิ้นพล่านเมื่อมือหนาที่ว่างอยู่เข้ามาจับสะโพกเธอ และกระชากเข็มขัดนักศึกษาออกจากเอวคอดได้อย่างง่ายดาย “ฉันบอกให้หยุด ฉันจะแจ้งตำรวจ ฉันจะบอกพริกหวาน...ช่วยด้วยค่ะ ใครก็ได้ช่วยด้วย” เสียงของขนมผิงดังกึกก้องไปทั่วบริเวณ เมื่ออยู่ในตึกร้างทำให้เสียงดังก้องจนทำให้เจโฮปหงุดหงิด “ถ้าอยากตายก็แหกปากอีก” “.....” น้ำเสียงที่เย็นยะเยือกทำให้ขนมผิงหยุดชะงักทันที ดวงตากลมโตวูบไหว ริมฝีปากบางเม้มเข้าหากันเป็นเส้นตรง มองการกระทำของเขาผ่านม่านน้ำตาเมื่อเข็มขัดหนังของมหา’ลัยกำลังรัดเข้าที่ข้อมือตัวเองด้วยฝีมือของผู้ชายที่น่ากลัวคนนี้ “อ๊า” แรงดึงและการรัดที่แน่นทำให้ขนมผิงร้องออกมาด้วยความเจ็บปวด หลังจากรัดมือเธอด้วยเข็มขัดเสร็จ เจโฮปออกแรงจับตัวเธอเหวี่ยงไปด้านหน้าทำให้ร่างบางลงไปนั่งกับพื้นเต็มแรงอีกครั้ง ร่างอรชรฟุบลงไปคลุกฝุ่นอย่างน่าเวทนา เชือกเส้นหนาถูกรัดเข้าที่ข้อเท้าของเธอ รัดแน่นจนเลือดแทบไม่เดิน “อึก” ขนมผิงตัวสั่นเทา ทั้งเจ็บและปวดไปทั่วร่างกาย ยังจับต้นชนปลายกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นไม่ได้ เธอมั่นใจว่าไม่เคยไปทำอะไรให้เขา ไม่เคยมีเรื่องบาดหมางกันมาก่อน ตอนไปเยี่ยมเพื่อนไม่ได้พูดคุยกันเลยด้วยซ้ำ ใบหน้าที่ฟุบลงค่อยๆเงยหน้าขึ้นมามองชายหนุ่มร่างสูงที่กระทำเธออย่างเลือดเย็น เขาดูไม่สะทกสะท้านกับสิ่งที่ตัวเองทำเลยสักนิดและดูใจเย็นจนหวาดหวั่น มือหนาหยิบบุหรี่ราคาแพงออกจากกระเป๋ากางเกงและจัดการจุดสูบอย่างใจเย็น ร่างกายกำยำนั่งลงบนเก้าอี้ตัวเก่าที่ตั้งอยู่ไม่ไกลจากร่างเล็กที่นั่งอยู่ที่พื้น สายตาคมกริบจ้องมองเด็กสาวด้วยสายตายากจะคาดเดา มองร่างอรชรที่สวมชุดนักศึกษา กระโปรงตัวสั่นได้ถลกขึ้นจนเห็นหน้าขาขาวเนียน เมื่อขนมผิงรับรู้ถึงสายตาที่ไม่ได้จ้องหน้าเธอแต่จ้องส่วนอื่นทำให้เธอใช้มือที่ถูกมัดด้วยเข็มขัดดึงกระโปรงลง “หึ” เจโฮปหัวเราะในลำคอเมื่อมองการกระทำของหญิงสาว “ต้องการอะไรจากฉันกันแน่” “หมาที่มันบอกแล้วไม่ฟังก็ต้องดัดนิสัยสิ่” “ฉันไม่เข้าใจ” “ไม่คิดว่าเธอจะเข้าใจอะไรยากนะ” คิ้วเรียวสวยขมวดเป็นปม เธอไม่เข้าใจในสิ่งที่เขาพูดเลยสักนิด ปกติเธอไม่ใช่คนเข้าใจอะไรยากแต่เขาพูดจากำกวมจนเธอไม่เข้าใจ “เมื่อเช้าฉันบอกอะไรเธอ” “...เรื่องพริกหวาน” หลังจากคิดอยู่ชั่วครู่ทำให้ขนมผิงนึกออก เขาไม่ได้พูดอะไรกับเธอนอกจากเรื่องเพื่อนสาวคนสนิทที่หายไปจากโรงพยาบาล และบอกว่าไปกับโรมันคนที่อ้างว่าเป็นแฟน “เริ่มฉลาดแล้วนิ ฉันบอกเธอนั่นแปลว่าเธอไม่ควรไปตามหาเพื่อนเธออีก ควรเข้าใจว่าเพื่อนเธออยู่กับผัวไม่ได้หายไปไหน”
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD