ทางด้านนิการะหว่างเดินทางไปบ้านพ่อครูเธอก็หันมองป๊อบ ที่อยู่ในอ้อมกอดของโปรดด้วยสายตาเป็นห่วง เพราะเรื่องที่เพื่อนเธอพบเจอคงทำให้ขวัญผวาไม่น้อย
หลังจากรถกระบะแล่นออกจากบ้านผู้ใหญ่มั่นสักพัก ไม่นานก็เลี้ยวเข้าไปภายในบ้านหลังหนึ่งที่มืดสนิท หากไม่มีไฟหน้ารถกระบะคงมองไม่เห็นอะไรเลย
เมื่อสองพ่อลูกลงจากรถ นิกากับเพื่อน ๆ ของเธอก็รีบตามลงไป จากนั้นก็ยืนรอผู้ใหญ่มั่นที่เดินไปเรียกพ่อครูอยู่ตีนบันได พอนิกาเห็นบ้านคุ้นตาเพราะดูภาพถ่ายจนจดจำรายละเอียดได้ ใบหน้าสวยจึงรีบหันมองยังหน้าบ้านเพื่อให้แน่ใจว่าเธอไม่ได้คิดไปเอง
แต่พอเห็นต้นกาญจนิกาที่บานสะพรั่งอยู่ทางหน้าบ้าน ก็ทำเอาอกข้างซ้ายสั่นระรัวไม่เป็นจังหวะ หัวใจดวงน้อย ๆ พองโต เมื่อรับรู้ว่าเธอมาบ้านของใคร
จากนั้นก็รีบหันกลับไปยังบ้านเรือนไทย ซึ่งเป็นจังหวะที่บนชั้นสองของบ้านเปิดไฟสว่างจ้าพอดี ไม่นานก็เห็นคนตัวสูงกำยำเรือนร่างเต็มไปด้วยรอยสักอักขระ เดินออกมาหยุดยืนยังหัวบันได พอเห็นใบหน้าหล่อเหลาคมเข้มของเขา ก็ทำเอาเธอลืมหายใจไปชั่วขณะ หัวใจเต้นแรงราวกับจะหลุดออกมาข้างนอก ความรู้สึกราวกับฝัน
อีกทั้งไม่คิดว่าบุญที่เธอสะสมมาทั้งชีวิตจะส่งผลเร็วขนาดนี้...
ในเวลาที่ร่างเล็กยืนบิดเขินอายความสุขเอ่อล้นหัวใจ ซึ่งต่างจากอีกคนเมื่อเห็นผู้ใหญ่มั่นมาหาในยามวิกาล จึงยืนมองด้วยใบหน้าเรียบนิ่ง ก่อนจะเอ่ยถามเสียงเข้ม
“มีอะไรกันรึผู้ใหญ่?”
“ผมมีเรื่องจะรบกวนให้พ่อครูช่วยครับ”
สิ้นเสียงผู้ใหญ่มั่นตาเข้มดุก็มองผู้คนที่อยู่ข้างล่าง กระทั่งหยุดยังร่างเล็กที่ยืนอยู่ข้างรถกระบะกับเพื่อน ๆ ของเธอ ก็ทำเอาชะงักกับใบหน้าสวยหวาน แม้จะเห็นเพียงรำไรเท่านั้นก็ตาม ไหนจะกลิ่นดอกกาญจนิกาที่หอมฟุ้งกระจายในเวลาเดียวกัน
ขณะยืนสบกับนัยน์ตามีเสน่ห์น่าหลงใหลของเธอ พอเห็นคนตัวเล็กส่งยิ้มให้กาญจึงเบี่ยงสายตากลับไปยังผู้ใหญ่มั่น แล้วเอ่ยบอกด้วยน้ำเสียงเรียบนิ่ง เช่นเดียวกับใบหน้า
“งั้นก็ขึ้นมาคุยบนบ้าน” เพราะคิดว่าต้องเป็นเรื่องใหญ่ ไม่เช่นนั้นผู้ใหญ่มั่นไม่พาคนเมืองมาบ้านของตนในยามวิกาลแน่นอน
เมื่อพ่อครูเดินกลับเข้าไปในบ้าน ผู้ใหญ่มั่นจึงหันไปพยักหน้าให้นิกาและเพื่อน ๆ ของเธอ ก่อนที่ทุกคนจะเดินขึ้นไปบนเรือน หลังจากขึ้นมาบนชั้นสองเรียบร้อย นิกาก็ถือวิสาสะมองสำรวจบ้านกว้างขวางของอีกคนและได้แต่คิดในใจ
สงสัยจะรวยไม่เบา...
จากนั้นก็เบี่ยงสายตากลับไปยังคนที่นั่งใบหน้าเคร่งขรึมอยู่โต๊ะไม้สัก ทำให้เธอสบตากับเขาที่มองเขม็งอยู่ นิกาจึงรีบหลุบตาลง พอเห็นผู้ใหญ่มั่นและครูแพรวนั่งลงที่พื้นด้านหน้าพ่อครู ก็ทำเอานิกามองด้วยใบหน้างุนงง ขณะในหัวเต็มไปด้วยความสงสัย
ก็ไม่ใช่พระนี่นา ทำไมต้องนั่งพื้นและดูเคารพนับถือขนาดนี้ด้วย หรือเป็นพระแต่ไม่ได้โกนผม...
แม้จะสงสัยมาก แต่ร่างเล็กก็ทำตามคนในพื้นที่ เช่นเดียวกับเพื่อนทั้งสองของเธอโดยเฉพาะป๊อบ ที่ไม่กล้าฝ่าฝืนหรือทำตามใจตัวเองเหมือนเคย
หลังจากทุกคนนั่งลงแล้ว ผู้ใหญ่มั่นก็ไม่รอช้า บอกถึงเหตุที่ต้องมาที่นี่ โดยพ่อครูนั้นนั่งฟังเงียบ ๆ พอรับรู้เรื่องราวที่เกิดขึ้นทั้งหมด ผู้ใหญ่มั่นก็เอ่ยบอกสิ่งที่ต้องการให้พ่อครูช่วยทันที...
“คืนนี้ผมจะรบกวนให้ครูบรรจุใหม่และเพื่อน ๆ นอนที่บ้านพ่อครูได้ไหมครับ”
“...” คนตัวสูงได้ยินเช่นนั้นก็ไม่ได้ตอบกลับไปทันที นั่งเงียบครู่หนึ่งขณะภายในใจได้แต่ตำหนิอีกคนกับเพื่อนที่เข้ามาในหมู่บ้านวันแรก ก็ก่อเรื่องทำเอาผู้คนในหมู่บ้านวุ่นวายกันหมดรวมถึงตัวเขาด้วย
ด้านนิกานั่งมองใบหน้าหล่อเหลาอีกคนตาปริบ ๆ ขณะใจคอไม่ดี เช่นเดียวกับเพื่อนของเธอ เพราะกลัวพ่อครูจะไม่ยอมช่วยเหลือ ทว่าต่างจากผู้ใหญ่มั่นและแพรวที่รู้จักพ่อครูดี แม้จะชอบทำหน้าเคร่งขรึมแต่จิตใจดีมาก
หลังจากนั่งเงียบสักพักปากหยักก็ตอบสั้น ๆ กลับไป
“อือ” ทั้งที่ใบหน้ายังเคร่งขรึมเช่นเดิม
ทางด้านนิกาเมื่อนั่งลุ้นกับคำตอบ พอได้ยินเช่นนั้นก็ถอนหายใจด้วยความโล่งอก ก่อนจะประนมมือขึ้นแล้วไหว้คนที่นั่งอยู่โต๊ะไม้สัก ด้วยท่าทีนอบน้อม เช่นเดียวกับเพื่อนทั้งสองคนของเธอ
“ขอบคุณนะคะ” ขณะใบหน้าสวยหวานนั้นเต็มไปด้วยรอยยิ้ม คนตัวสูงเห็นเช่นนั้นก็มองนิ่ง ๆ ไม่ได้ตอบอะไรกลับไป ก่อนจะเบี่ยงสายตากลับไปทางผู้ใหญ่มั่น
“เรื่องที่มาหามีแค่นี้ใช่ไหม?”
“ครับพ่อครู”
“งั้นผู้ใหญ่กลับไปเถอะ จะได้แยกย้ายกันพักผ่อน”
“ขอบคุณมาก ๆ ครับพ่อครู”
“ขอบคุณจ้ะพ่อครู” นิกานั่งมองผู้ใหญ่มั่นที่ดูภายนอกก็รู้ว่าอายุมากกว่าอีกคน ทว่าก็ไหว้เขาด้วยท่าทีนอบน้อม ทำเอาเธออยากรู้ว่าเขาเป็นใคร ทำไมทุกคนถึงดูเคารพนับถือมากขนาดนี้...
“เดี๋ยวพรุ่งนี้เช้าแพรวมารับนะคะ”
ในเวลาที่นิกานั่งมองพ่อครู พอได้ยินแพรวเอ่ยบอกเธอจึงละสายตาจากอีกคน ไปยังสองพ่อลูกที่กำลังจะกลับบ้าน ก่อนจะพยักหน้าตอบกลับ แล้วเอ่ยบอกด้วยใบหน้ารู้สึกผิดกับเรื่องที่เกิดขึ้นในวันนี้
“นิกับเพื่อนขอโทษเรื่องที่เกิดขึ้นวันนี้ด้วยนะคะ”
“ไม่เป็นไรค่ะ รีบพักผ่อนกันเถอะดึกมากแล้ว อีกอย่างเกรงใจพ่อครูด้วยค่ะ” สิ้นเสียงแพรวนิกาก็เบี่ยงสายตามองยังอีกคน ที่นั่งมองเธออยู่โต๊ะไม้สัก ก็ทำเอาทำอะไรไม่ถูก คนตัวเล็กจึงเบี่ยงสายตาหลบไปทางอื่นเพื่อตั้งหลัก
หลังจากผู้ใหญ่มั่นและแพรวกลับบ้านแล้ว ก็ทำให้บนบ้านเหลือเพียงเจ้าของบ้านและผู้ที่มาขอพักพิง
ทางด้านกาญมองชายหญิงสามคนที่นั่งอยู่ด้านหน้าด้วยใบหน้าเรียบนิ่ง เมื่อเห็นทั้งสามเอาแต่นั่งเงียบไม่ยอมพูดจา ตนซึ่งเป็นเจ้าของบ้านจึงเอ่ยปากบอกออกไป
“ห้องนั้นว่าง พวกมึงจะเข้าไปนอนกันก็ได้ แต่ก็ต้องเปิดหน้าต่างเอาเพราะไม่มีพัดลม แต่ถ้ากลัวร้อนก็ปูเสื่อนอนข้างนอกห้องเอา”
นิกานั่งฟังพ่อครูพูดอย่างตั้งใจ ขณะตาคู่สวยกวาดมองใบหน้าหล่อเหลาของเขาที่โดนใจเธอมาก ก็ทำเอาเก็บความรู้สึกไว้ไม่ได้ จึงระบายยิ้มด้วยความชอบใจ แต่พอคนที่กำลังพูดอย่างตั้งใจเบี่ยงสายตามามองเธอ คนตัวเล็กจึงรีบเม้มปากแน่นเพื่อหุบยิ้ม เพราะกลัวเขาจับได้ว่าเธอกำลังคิดอะไรอยู่
ในขณะที่อีกคนนั้นไม่ได้สนใจ ก่อนจะพูดต่อด้วยใบหน้าเรียบนิ่ง
“ส่วนผ้าห่มหมอนมุ้งอยู่ในตู้ พวกมึงไปหยิบได้ตามสบาย” พูดจบคนตัวสูงก็ดันตัวลุกขึ้นจากโต๊ะไม้สัก แล้วเดินเข้าไปในห้องนอนทันทีโดยไม่อยู่รอฟังคำขอบคุณของทั้งสาม
ทางด้านนิกานั่งมองกาญเดินเข้าไปในห้องนอน แม้ประตูจะปิดลงแล้ว แต่ก็ยังไม่ละสายตาไปไหน กระทั่งได้ยินโปรดเอ่ยถาม
“นอนไหนกัน?”
“นอนในห้องได้ไหม เค้าไม่อยากนอนข้างนอก”
เนื่องจากเป็นบ้านเรือนไทย หากนอนโถงบ้านก็จะสามารถมองเห็นบรรยากาศข้างนอกได้ ป๊อบจึงกลัวสิ่งที่ไม่อยากเจอ เมื่อนิกากับโปรดได้ยินเช่นนั้นก็พยักหน้ากลับไป จากนั้นทั้งสามคนก็ช่วยกันถือผ้าห่มหมอนมุ้งเข้าไปภายในห้องนอนสี่เหลี่ยมขนาดไม่ใหญ่ ถึงแม้จะไม่มีใครอยู่แต่ห้องก็สะอาดสะอ้านมาก
หลังจากช่วยกันปูที่นอนและกางมุ้งเรียบร้อย พอเห็นว่าอากาศภายในห้องไม่ถ่ายเท หายใจไม่สะดวก นิกาจึงเตรียมเดินไปเปิดหน้าต่าง
ทว่า...
“แกไม่เปิดหน้าต่างได้ไหมฉันกลัว” โดนป๊อบห้ามก่อน นิกาจึงชะงักเท้าแล้วหันมองหน้าป๊อบที่ยังอยู่ในอาการหวาดกลัว เธอจึงยอมทำตามที่เพื่อนเอ่ยขอ
“โอเค” แม้รู้ดีว่าต้องนอนไม่สบาย หายใจไม่สะดวกก็ตาม
เมื่อทั้งสามเข้ามาในมุ้งเตรียมตัวนอนเพราะดึกมากแล้ว แต่พอนิกาเห็นว่าเธอไม่ได้หยิบหมอนมาด้วย จึงเอ่ยบอกเพื่อนทั้งสองที่นอนกอดกันอยู่
“เดี๋ยวฉันมานะ ไปเอาหมอนก่อน”
“โอเค”
หลังจากออกจากห้องคนตัวเล็กก็เตรียมเดินไปยังตู้กระจก แต่พอได้ยินเสียงประตูห้องของอีกคนเปิดออก เธอจึงเบี่ยงสายตาไปมองทำให้เห็นอีกคนเดินถือพัดลมตัวเล็กออกมาข้างนอก ก่อนจะเดินมาหยุดยืนด้านหน้าเธอแล้ววางพัดลมลงยังพื้น พร้อมกับเอ่ยบอกด้วยใบหน้าเรียบนิ่ง
“กูเอาพัดลมมาให้ เผื่อมึงกับเพื่อนร้อน”
“ขอบคุณค่ะ”
นิกาพูดขอบคุณพร้อมกับยกมือไหว้ด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม ขณะตาคู่สวยมองอีกคนด้วยความรู้สึกประทับใจ ที่เขานั้นหล่อไม่พอยังใจดีอีกต่างหาก ทั้งที่พวกเธอเป็นใครก็ไม่รู้
ส่วนกาญเมื่อเห็นรอยยิ้มสดใสน่ารักน่าเอ็นดูของนิกา เขาจึงยืนมองเธอนิ่ง ๆ โดยไม่พูดอะไร แต่พอได้สติและเห็นว่าเสร็จธุระแล้ว จึงหันหลังให้เธอแล้วเตรียมเดินกลับห้องทว่า
“ขอโทษค่ะ ห้องน้ำอยู่ไหนเหรอคะ?”
“ข้างล่าง”
“ขอบคุณค่ะ”
“ทำไม มึงจะเข้าห้องน้ำ?”
“เปล่าค่ะ หนูถามไว้เฉย ๆ ค่ะ”
สิ้นเสียงหวานร่างสูงก็เดินกลับห้องทันที โดยมีคนตัวเล็กมองด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม จากนั้นเธอก็เดินไปเอาหมอนทั้งที่ตาคู่สวยเหลือบมองประตูห้องอีกคนเป็นพัก ๆ
หลังจากเข้ามาในมุ้งแล้ว ร่างเล็กก็นอนนึกถึงอีกคนด้วยความสุขเอ่อล้นหัวใจ ขณะหัวใจดวงน้อย ๆ พองโต ไม่นานก็หลับไปด้วยใบหน้าเปื้อนยิ้ม...
ส่วนกาญเมื่อเข้ามาในห้องก็เดินไปเปิดหน้าต่าง เพื่อให้อากาศในห้องถ่ายเทเนื่องจากไม่มีพัดลม เพราะเอาไปให้อีกคนกับเพื่อน ๆ ของเธอแล้ว ด้วยกลัวว่าพวกเธอจะร้อน
จากนั้นก็เปิดมุ้งเข้าไปข้างในแล้วทิ้งศีรษะลงยังหมอน ก่อนจะค่อย ๆ หลับตาลง ไม่นานก็ได้กลิ่นดอกกาญจนิกา ที่อยู่ทางหน้าบ้านลอยมากระทบยังจมูก พร้อมกับใบหน้าสวยหวานของอีกคนผุดเข้ามาในหัว เปลือกตาสีเนื้อจึงเปิดขึ้น ก่อนที่กาญจะถอนหายใจเบา ๆ เมื่อไม่เข้าใจตัวเอง ทำไมต้องนึกถึงหน้าเธอ
ทั้งที่ไม่ได้คิดอะไรกับเธอ...