ช่วงเช้ามืดของวันขณะนิกานอนอยู่ภายในมุ้งกับเพื่อน ๆ ของเธอ พอรู้สึกตัวมือเล็กก็เลื่อนไปจับโทรศัพท์ที่วางอยู่ด้านข้างกดดูเวลา เมื่อเห็นใกล้หกโมงเช้าแล้วจึงดันตัวลุกขึ้นจากที่นอน ใบหน้าสวยหันมองเพื่อนสองคนที่ยังคงนอนหลับใหล คนตัวเล็กจึงมุดออกจากมุ้งแล้วเดินออกไปข้างนอก เพื่อลงไปเข้าห้องน้ำเนื่องจากปวดฉี่จนทนไม่ไหว
หลังจากเดินพ้นประตู ตาคู่สวยก็มองยังห้องนอนอีกคนที่ปิดสนิท ก่อนจะเดินผ่านแล้วลงไปข้างล่าง จากนั้นก็กวาดสายตามองหาห้องน้ำกระทั่งเห็นอยู่ทางหลังบ้าน นิกาจึงรีบใส่รองเท้าแล้วเดินไปยังห้องน้ำทันที ดีที่ท้องฟ้าใกล้สว่างแล้วทำให้บรรยากาศไม่น่ากลัว อีกทั้งไม่ได้เป็นคนตาขาวจึงไม่เป็นปัญหาหากลงมาเข้าห้องน้ำลำพังคนเดียว
หลังจากเดินผ่านความมืดสลัว กระทั่งถึงหน้าห้องน้ำที่เปิดไฟสว่างจ้า ก็ทำเอาเธอชะงักไม่น้อยเมื่อเห็นพ่อครูกำลังยืนแปรงฟันอยู่ข้างใน
เช่นเดียวกับอีกคนที่เห็นเธอยืนอยู่หน้าห้องน้ำ ทว่าไม่ได้แสดงอาการใด ๆ ออกมาเท่านั้น แต่พอได้สติกาญก็ถามนิกาด้วยใบหน้าเรียบนิ่งเหมือนเช่นเคย
“มึงจะทำอะไร?”
“เอ่อ...ฉี่ค่ะ”
“งั้นมึงมาเข้าก่อน” ด้านนิกาพอเห็นอีกคนกำลังจะเดินออกมาข้างนอก เพื่อให้เธอทำธุระในห้องน้ำก่อน ทั้งที่ตัวเขายังแปรงฟันไม่เสร็จ จึงรีบเอ่ยบอกด้วยท่าทีเกรงใจ
“ไม่เป็นไร พ่อครูแปรงฟันให้เสร็จก่อนก็ได้ค่ะ หนูรอได้” ทั้งที่ฉี่จะราดอยู่แล้วแต่เธอก็ไม่กล้าเข้า เนื่องจากเขินอายหากเขายืนรอหน้าห้องน้ำ นิกาจึงปฏิเสธด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม
“มึงแน่ใจ?”
“ค่ะ”
ตาคู่คมมองยังร่างเล็กที่ยืนบิดไปมาคล้ายกับกำลังอั้นฉี่ไม่ให้ไหล แต่เมื่อเธอยืนยันคำเดิมเขาจึงเลือกทำตามที่เธอบอก เพราะมองว่าเธอยังสาวหูรูดคงดีไม่ฉี่ไหลเรี่ยราดหน้าห้องน้ำแน่นอน
จากนั้นก็เลือกไม่สนใจแล้วแปรงฟันต่อ โดยมีร่างเล็กยืนมองเขาไม่ละสายตาไปไหน แม้จะรู้ตัวแต่ก็เลือกไม่สนใจ
ทว่าท้ายที่สุดก็ไม่อาจทนกับสายตาของเธอได้ มือหนาหยิบขันตักน้ำแล้วบ้วนปากให้สะอาด จากนั้นก็หันไปยังคนตัวเล็กที่ยืนยิ้มแฉ่ง แล้วถามเธอให้หายสงสัย
“มองหน้ากูทำไม?”
“ก็หล่อขนาดนี้ไม่ให้มองได้ไงคะ”
“มึงว่าไงนะ!” ได้ยินคำพูดของเธอไม่ถนัดกาญจึงเลิกคิ้วถามอีกครั้ง
ด้านนิกาเมื่อได้สติว่าเผลอพูดสิ่งที่อยู่ในใจออกไป จนเกือบทำให้พ่อครูจับได้ว่าเมื่อกี้เธอกำลังชมเขาหน้าด้าน ๆ จึงรีบเม้มปากแน่นแล้วส่ายหน้าระรัว จากนั้นก็ตอบปฏิเสธกลับไป
“เปล่าค่ะ”
พูดจบนิกาก็รีบหันหน้าไปทางอื่นเพื่อหลีกเลี่ยงการสนทนากับเขา กาญเห็นเช่นนั้นก็เลือกไม่สนใจรีบล้างหน้าให้เสร็จสรรพ จากนั้นก็คว้าผ้าขาวม้ามาพาดบ่า แล้วเดินออกจากห้องน้ำมุ่งตรงไปยังบันไดบ้านทันที
โดยมีครูสาวยืนมองแผ่นหลังกำยำที่เต็มไปด้วยรอยสักด้วยใบหน้าเคลิบเคลิ้ม ขณะอกข้างซ้ายวูบหวั่น หัวใจดวงน้อย ๆ พองโต เพียงแค่ได้อยู่ใกล้เขาก็มีความสุขจนล้นออกปาก
หลังจากอีกคนเดินพ้นสายตา ร่างเล็กก็รีบเข้าไปในห้องน้ำเพื่อทำธุระส่วนตัว ขณะใบหน้าเต็มไปด้วยรอยยิ้มมีความสุขจนหุบฟันไม่ได้แล้ว...
พอล้างหน้าล้างตาเสร็จเรียบร้อย นิกาก็เดินฮึมฮัมเพลงกลับขึ้นไปบนบ้านด้วยท่าทีอารมณ์ดี โดยไม่รู้เลยว่ามีคนตัวสูงร่างกำยำที่ยืนหวีผมอยู่ริมหน้าต่างห้องนอนแอบมองเธออยู่
เมื่อเดินขึ้นมาบนบ้านนิกาก็เข้าไปในห้องนอน พอเห็นเพื่อนเธอตื่นแล้ว ก็รีบพับที่นอนหมอนมุ้งไปเก็บเข้าตู้ให้เรียบร้อย เมื่อเสร็จสรรพป๊อบกับโปรดก็ลงไปล้างหน้าล้างตาข้างล่าง ส่วนนิกาก็ถือพัดลมออกไปข้างนอกเพื่อคืนพ่อครู
พอร่างเล็กออกจากห้องก็เป็นจังหวะที่อีกคนเปิดประตูห้องแล้วเดินออกมาพอดี เธอจึงเอ่ยบอกเขาด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม
“หนูเอาพัดลมมาคืนค่ะ”
“มึงวางไว้ตรงนั้นแหละ เดี๋ยวกูเอาไปเก็บเอง”
“อ๋อ ค่ะ”
สิ้นเสียงหวานร่างเล็กก็เดินถือพัดลมไปวางไว้ข้างผนังบ้าน จากนั้นก็ยืนมองอีกคนที่เดินไปนั่งลงด้านหน้าโต๊ะหมู่บูชา แล้วประนมมือไหว้พระพุทธรูปด้วยท่าทีนอบน้อม ก่อนจะปัดกวาดเช็ดถูทำความสะอาดเครื่องสักการะ
นิกาจึงนั่งพับเพียบลงที่พื้นแล้วมองเจ้าของร่างกำยำไม่ละไปไหน สายตาเต็มไปด้วยความรักใคร่เสน่หา กระทั่งได้กลิ่นหอมหวานของดอกกาญจนิกา ที่อยู่ทางหน้าบ้านลอยมากระทบจมูก คนตัวเล็กจึงเอ่ยถามเจ้าของบ้านด้วยความอยากรู้ อีกทั้งอยากคุยกับเขาด้วย
“ดอกไม้ที่อยู่หน้าบ้านดอกอะไรเหรอคะ?”
“ชื่อเดียวกับมึง”
“หือ! พ่อครูรู้จักชื่อหนูด้วยเหรอคะ?” คนที่ลืมตัวเพราะมัวแต่ทำความสะอาดเครื่องสักการะจึงพูดออกไปเช่นนั้น แต่พอได้ยินคำถามของเธอก็ทำเอาชะงักนิ่งไปครู่หนึ่ง ก่อนจะตอบกลับไปคล้ายกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น
“ก็แพรวมันเอาชื่อมึงมาให้กู เผื่อกูใช้ในการประกอบพิธีวันต้อนรับมึง แล้วกูจะไม่รู้จักชื่อของมึงได้ยังไง”
พูดจบคนตัวสูงก็แทบหอบ เพราะเกิดมาไม่เคยนั่งอธิบายให้ใครยาวเหยียดแบบนี้มาก่อน แต่เพราะกลัวอีกคนจะเข้าใจผิดคิดว่าเขานั้นสนใจเธอ จึงต้องพูดและอธิบายให้ชัดเจน
แต่ถึงอย่างนั้นคนตัวเล็กก็ดีใจนั่งยิ้มจนแก้มจะแตก เพียงแค่เขารู้ชื่อเธอแถมยังจำได้ดี ก็มีความสุขจนปริ่มหัวใจแล้ว
ทางด้านกาญเมื่อเห็นนิกาไม่ตอบเอาแต่นั่งเงียบ ด้วยความสงสัยจึงหันไปมองเธอ ทำให้สบตากับร่างเล็กที่นั่งยิ้มหวานฉ่ำ ขณะพวงแก้มสองข้างแดงปลั่ง คล้ายกับเขินอายกับบางอย่างอยู่ จึงถามเธอออกไปตรง ๆ
“มึงยิ้มอะไร?”
“ยิ้มดีใจค่ะ เพราะไม่คิดว่าหนูจะชื่อเหมือนกับดอกไม้ที่หนูชอบ”
“มึงชอบดอกกาญจนิกา?” เพราะไม่อยากเชื่อว่าเธอจะชอบดอกไม้บ้าน ๆ ที่ไม่ได้สวยงามและมีราคาเหมือนกับดอกไม้แพง ๆ จึงถามย้ำเพื่อให้แน่ใจ
“ใช่ค่ะกลิ่นเขาหอมดี แล้วพ่อครูล่ะคะ?”
“กู ทำไม?”
“พ่อครูชอบกาญจนิกาไหมคะ?”
สิ้นเสียงใสปากเล็กก็เม้มแน่นด้วยความเขินอาย เพราะคำถามเมื่อครู่ไม่ได้หมายถึงดอกไม้เสียทีเดียว แต่แฝงเธออยู่ในนั้นด้วย หากเขาไม่ได้คิดเยอะหรือใส่ใจก็คงไม่รู้
ทางด้านกาญเมื่อได้ยินเช่นนั้นก็มองใบหน้าสวยหวานของนิกาครู่หนึ่ง ก่อนจะตอบคำถามของเธอด้วยใบหน้าเรียบนิ่ง
“ถ้ามึงหมายถึงดอกไม้ กูชอบ เพราะถ้ากูไม่ชอบกูคงไม่ปลูกมันหรอก”
พูดจบใบหน้าหล่อเหลาก็หันกลับไปสนใจสิ่งที่อยู่เบื้องหน้า ทิ้งคนตัวเล็กนั่งหน้าบูดบึ้งเพราะเขาตอบตัดไฟไม่ให้เธอละเมอเพ้อฝันต่อเลย...