วันนี้เป็นวันที่ 1 ธันวาคม ซึ่งเป็นวันครบรอบวันเกิดของเขา ปีนี้เขาอายุ 28 ปีแล้ว เธอจึงตื่นแต่เช้ามาทำอาหารและเรียกเขาไปใส่บาตรด้วยกัน
นี่เป็นครั้งแรกของเด็กชายธันวา ที่จะได้ร่วมตักบาตรกับพ่อ เขาตื่นเต้นเป็นอย่างมาก
“แม่ฮาบ พี่ธันหล่อหรือยังฮาบ” เด็กน้อยหยิบเลือกเสื้อผ้ามาให้แม่แต่งตัว เมื่อเสร็จแล้วจึงไปยืนมองกระจกซ้ายทีขวาทีแล้วก็หันมายิ้มให้กับคนเป็นแม่
“พี่ธันของแม่หล่อที่สุดเลยฮาบ ไปกันดีกว่าเดี๋ยวคุณพ่อรอ”
“พ่อจะรักพี่ธันใช่ไหมฮาบ” เด็กน้อยร้องเรียกหาความรักจากพ่อ จนเธอเองพยายามกลืนก้อนสะอื้นในลำคอแล้วย่อตัวนั่งลงอุ้มลูกชายขึ้น
“รักสิครับ พี่ธันของแม่เป็นเด็กดี พ่อต้องรักพี่ธันอยู่แล้ว” เธอจำใจโกหกลูกไป รู้ทั้งรู้ว่านี่ไม่ใช่เรื่องจริง เพราะเขาไม่เคยต้องการแกเลยตั้งแต่ทำให้เกิดมา
“พี่ธันรักพ่อฮาบ”
น้ำตาของหญิงสาวรื้นทุกครั้งที่ได้ยินคำนี้จากปากลูกชายสุดที่รัก เธอรู้ว่าลูกรักเขามาก แต่เขาล่ะเคยรักลูกบ้างไหม
ใบหน้าง้ำงอยืนรอหญิงสาวกับลูกชายลงมาตักบาตรพร้อมกัน หากไม่ใช่นมบุญ แม่นมที่เลี้ยงเขามาตั้งแต่ยังเล็กขอร้องล่ะก็ เขาไม่มีวันทำเด็ดขาด
เด็กชายตัวน้อย รอยยิ้มเป็นประกายเมื่อเห็นผู้เป็นพ่อยืนรออยู่หน้าบาน แล้วก็วิ่งไปหาพ่อทันที
“พ่อฮาบ พี่ธันมาแล้วฮาบ” เขาวิ่งไปกอดขา เนื่องจากคนเป็นพ่อตัวสูงกว่าตนมาก
สีหน้าของเขาบูดบึ้งทันที ที่ลูกชายตัวน้อยวิ่งมากอดขา แม้ว่าอยากจะลงไปอุ้ม แต่ว่าเขาต้องการแสดงให้เธอเห็นว่าตัวเองไม่ได้ต้องการเด็กคนนี้ จึงตั้งกำแพงขึ้นเพื่อเอาชนะเธอให้ได้
“คุณหนูธันวาของนมแต่งตัวหล่อโตเป็นหนุ่มแล้วนะคะ” นมบุญพูดขึ้นเพื่อขจัดความขุ่นมัวของคุณหนูของเธอ
นมบุญรู้ว่าคุณหนูของเธอนั้นรักลูก แต่ใจนั้นมากด้วยทิฐิที่ก่อกำแพงไว้ขวางกั้นไว้ในหัวใจ ทำให้ชอบแสดงว่าไม่ต้องการคุณหนูธันวา แต่เธอเห็นคุณรามิลนั้นแอบมองคุณหนูธันวาอยู่บ่อย ๆ เพียงแต่ไม่ยอมเข้าไปเล่นด้วยเท่านั้นเอง
“ขอบคุณฮะนมบุญ” เด็กชายพุ่มมือไหว้แม่บ้านด้วยความน่ารัก เพราะแม่สอนไว้ว่าหากผู้ใหญ่ชมต้องไหว้ขอบคุณ
และนั่นเป็นผลทำให้ใครก็หลงรักและเอ็นดูคุณหนูธันวากันทุกคน เว้นก็เสียแต่คนเป็นพ่อที่ชอบเอาแต่ตั้งท่ารังเกียจ
“พระมาแล้วค่ะ มาตักบาตรเถอะค่ะ” ดาหลาบอกกับทุกคน พร้อมกับอุ้มลูกถือดอกไม้คอยใส่บาตรให้พระในตอนท้าย
“วันนี้มาพร้อมหน้า วันสำคัญอะไรกันเหรอโยม” หลวงพ่อถามด้วยความแปลกใจ ปกติจะมีแต่เด็กน้อยกับโยมผู้เป็นมารดามาตักบาตรกันสองคน
“วันเกิดคุณรามิลเจ้าค่ะ หลวงพ่อ” นมบุญไขความกระจ่างให้กับหลวงพ่อที่เดินมาบิณฑบาต
“ถ้าอย่างนั้นก็ตั้งใจรับพรนะ” หลวงพ่อให้พรยาวและก็อวยพรขอให้ครอบครัวมีแต่ความสุข
คนเป็นแม่อย่างดาหลาน้ำตาปริ่ม กับคำว่าขอให้ครอบครัวมีความสุข มันจะมีวันนั้นหรือเปล่านะ
“เจ้าตัวเล็ก อยากได้พรอะไรเหรอ” หลวงพ่อที่เมตตาลูบที่หัวทุย ๆ ของธันวาอย่างเอ็นดู
“พี่ธันอยากให้พ่อรักพี่ธันฮับ” เด็กน้อยหันไปมองผู้เป็นบิดา หวังเพียงอยากให้มีสักครั้งที่ตัวเองถูกโอบอุ้มด้วยความรัก
ดาหลาผินหน้าหลบปาดน้ำตาตัวเองทิ้ง ก่อนจะยิ้มให้กับหลวงพ่อ
“เด็กน่ารักอย่างนี้ใครจะไม่รักกันเล่า” หลวงพ่อกล่าวแล้วมองผู้เป็นบิดาและมารดา คงจะมีปัญหาบางประการจึงเอ่ยคำพูดให้ได้คิด
“โยมลิ้นกับฟันก็กระทบกระแทกกันตลอดนั่นแหละ ลืมให้ไวอภัยให้เร็ว ครอบครัวจะมีความสุขนะโยม”
“เจ้าค่ะหลวงพ่อ” มีเพียงดาหลาที่รับคำสั่งสอนของหลวงพ่อ ส่วนอีกคนเพียงแต่ก้มหน้าพนมมือไหว้รับเท่านั้น
หลังจากหลวงพ่อเดินจากไป นมบุญจึงเป็นตัวตั้งตัวตีขอให้ถ่ายรูปด้วยกัน
“มาค่ะ นาน ๆ จะพร้อมหน้าถ่ายรูปกันนะคะ” และเมื่อเห็นสายตาของนมบุญ รามิลก็ขัดไม่ได้
‘หากนมไม่ขอฉันไม่มีวันถ่ายกับเธอเด็ดขาด’ เขาคิดอยู่ในใจ
ส่วนเด็กชายธันวานั้นมีความสุข จนฉีกยิ้มเต็มใบหน้า เขาจะมีรูปคู่กับคุณพ่อแล้ว
รามิลจำต้องอุ้มเด็กชายธันวาอย่างเลือกไม่ได้ แต่เขาหารู้ไม่ว่านี่อาจจะเป็นของขวัญที่เด็กชายธันวาต้องการมากที่สุดก็ว่าได้
ตั้งแต่เริ่มจำความได้ เด็กน้อยไม่เคยได้รับอ้อมกอดอันแสนอบอุ่นของบิดาเลยสักครั้งเดียว ความรักที่บิดามอบให้มีเพียงของเล่น หุ่นยนต์ เลโก้ หรือของอื่น ๆ ที่ประเคนซื้อมาด้วยเงิน
เด็กน้อยผู้นี้ต้องการเพียงพ่อที่อุ้มชูดูแล พาไปเที่ยวไปวิ่งเล่นด้วยกัน เหมือนครอบครัวคนอื่นสักครั้ง แต่ไม่รู้ว่าจะมีสักครั้งไหมที่พ่อของเขาจะว่างพอ พาเขาไปเล่นบ้าง
หลังจากถ่ายรูปเสร็จ คนเป็นบิดาก็เมินหน้าหนีวางตัวลูกชายไว้ที่พื้น ไม่สนใจเขาอีกเลย
ดาหลาเป็นห่วงความรู้สึกลูกมากจึงอุ้มเด็กน้อยขึ้นแนบอกแล้วปลอบลูบ
“ไม่เป็นไรนะครับ พ่อมีงานต้องรีบไปอาบน้ำไปทำงานนะครับ”
“พี่ธันหนักใช่ไหมฮาบแม่ ทำไมพ่ออุ้มพี่ธันแป๊บเดียว พี่ธันกินน้อย ๆ ดีไหมฮาบแม่” เมื่อได้ยินคำพูดลูกชายน้ำตาที่กลั้นไว้ ก็ไหลออกมาราวกับเขื่อนแตก
เธอรู้สึกเจ็บแปลบในหัวใจ ที่เขาทำกับลูกเหมือนตัวน่ารังเกียจ
นมบุญผินหน้าหนี เพราะตัวเองก็อดสงสารเด็กชายตัวน้อยไม่ได้เช่นเดียวกัน