“อ๊ะ เฮียเซนต์มาได้ยังไงเนี่ย ?” เซลีนเอ่ยถามลูกพี่ลูกน้องด้วยความตื่นเต้นก่อนจะเดินจูงมือแป้งหอมไปนั่งลงข้างๆเซนต์
“พอดีเฮียแวะเอาของขวัญวันเกิดไปให้เราที่บ้านคุณลุงก็เลยบอกว่าเราขอมาจัดงานวันเกิดที่ The Moon เฮียเลยตามมาน่ะ” เซนต์บอกถึงสาเหตุที่ตนเองมาปรากฏตัวอยู่ที่นี่ให้เซลีนได้ฟังพร้อมพยักหน้ารับไหว้แป้งหอมไปด้วย
“ซีนคิดว่าเฮียมัวแต่จีบสาวจนลืมงานวันเกิดของไปซีนแล้วซะอีก” เซลีนเอ่ยตัดพ้อด้วยความน้อยใจก่อนหน้านี้ลูกพี่ลูกน้องคนนี้มักจะแวะมาเยี่ยมเยียนเธอที่บ้านเสมอแต่พอเขาเข้ามหาวิทยาลัยความสนิทสนมก็พลันจางหายกลายเป็นความเหินห่างเข้ามาแทนที่
“จีบสาวที่ไหนไม่มีสักหน่อยช่วงนี้เฮียแค่เรียนหนักจนไม่มีเวลาให้เราแค่นั้นเองเด็กดื้อ” เซนต์พูดโกหกหน้าตายอย่างเป็นธรรมชาติใครจะยอมรับง่ายๆละว่าเรื่องที่เซลีนพูดมานั้นคือความจริงเพียงแค่ไม่ใช่ทั้งหมดเท่านั้น
“พูดจริง ?” ซีนหรี่ตาเอ่ยถามเซนต์ด้วยสีหน้าเคลือบแคลงสงสัย
“เฮียเคยโกหกเราไหมล่ะ ?” เซนต์ไม่ตอบคำถามของเซลีนแต่เขากลับตั้งคำถามกลับเธอแทน
“ไม่เคย” ซีนตอบกลับไปโดยไม่ต้องหยุดคิดให้เสียเวลาเพราะที่ผ่านมาลูกพี่ลูกน้องของเธอคนนี้แทบไม่เคยโกหกเธอเลยสักครั้งโดยที่เธอไม่ฉุกใจคิดเลยว่านั่นมันคือเมื่อก่อนตอนที่เธอกับเขายังคงสนิทสนมกันซึ่งตอนนี้ความสัมพันธ์ของทั้งสองคนนั้นไม่เหมือนเดิมอีกแล้วเพราะคนย่อมเปลี่ยนผันไปตามกาลเวลาที่เปลี่ยนไป
“นั่นไงขนาดเรายังบอกว่าไม่เคยแล้วพี่จะโกหกเราไปทำไมล่ะจริงไหม ?” มือใหญ่ยกขึ้นลูบหัวเซลีนเบาๆด้วยความเอ็นดูก่อนจะยื่นกล่องของขวัญใบเล็กส่งให้เธอ
“สุขสันต์วันเกิดนะซีนเฮียขอให้เรามีความสุขมากๆตลอดทั้งปีและตลอดไป” ซีนเผยรอยยิ้มกว้างพร้อมรับของขวัญมาด้วยความดีใจ
“ขอบคุณมากๆเลยนะคะเฮีย เฮียของซีนน่ารักที่สุด” เซลีนเอ่ยขอบคุณด้วยรอยยิ้มหวานที่แฝงไปด้วยความเอาอกเอาใจเมื่อเห็นว่าของขวัญวันเกิดคือนาฬิกาแบรนด์ดังที่เธอกำลังนึกอยากได้อยู่พอดี
“ว่าแต่คิดไงถึงมาจัดงานเลี้ยงวันเกิดที่นี่ ?” เซนต์เอ่ยถามน้องสาวด้วยความแปลกใจเพราะวันเกิดปีที่ผ่านๆมาถูกจัดขึ้นที่บ้านมาตลอด
“ไม่มีอะไรมากซีนก็แค่อยากพาเพื่อนๆมาท่องราตรี” ซีนบอกถึงความตั้งใจของตัวเองออกไปอย่างไม่ปิดบังในขณะที่เซนต์พยักหน้ารับอย่างเข้าใจ
“เที่ยวคนเดียวไม่สนุกสินะ ?” เซนต์คาดเดาอย่างนึกสนุก
“จะว่าแบบนั้นก็ได้” ซีนไม่ปฏิเสธก่อนที่เธอจะยื่นมือไปหยิบแก้วเหล้าที่วางอยู่ตรงหน้าเตรียมจะยกขึ้นดื่ม
“ไหนซีนบอกว่าคืนนี้จะไม่ดื่มไง ?” แป้งหอมที่นั่งข้างๆรีบแย่งแก้วเหล้าจากมือของเซลีนไปถือเอาไว้เมื่อเห็นว่าเพื่อนสนิทกำลังลืมสัญญาที่ให้ไว้กับเธอก่อนที่จะเดินทางมาถึงที่นี่
“ไม่ดื่มก็ได้ถ้างั้นเดี๋ยวซีนมานะ เฮียฝากดูแลแป้งด้วยนะซีนขอไปหาไปพี่ฟอร์ดก่อนเดี๋ยวพี่มันน้อยใจ” ประโยคหลังเซลีนหันมาฝากฝังแป้งหอมให้เซนต์ดูแลก่อนจะรีบลุกขึ้นเดินไปหาคนรักที่นั่งอยู่ไม่ไกลด้วยสีหน้าเบิกบานใจอย่างถึงที่สุดในเมื่อดื่มต่อหน้าแป้งหอมไม่ได้เธอก็แค่เปลี่ยนไปนั่งดื่มกับแฟนแค่นั้นเองไม่เห็นจะยากเลย
“อ้าว ซีนเดี๋ยวสิ” แป้งหอมที่ถูกทิ้งให้อยู่ตามลำพังสองต่อสองกับเซนต์ร้องเรียกเพื่อนด้วยสีหน้าตื่นตระหนกพร้อมลุกขึ้นเพื่อจะเดินตามซีนไปแต่กลับถูกมือใหญ่ของเซนต์ยื่นมาคว้ามือของเธอเอาไว้
“จะไปไหนคะน้องแป้ง ? ปล่อยให้ซีนเขาไปสวีทกับแฟนเขาเถอะส่วนเราก็อยู่กับพี่ตรงนี้” แป้งหอมเผยสีหน้าลังเลออกมาอยู่ชั่วอึดใจก่อนที่เธอจะยอมทิ้งตัวลงนั่งข้างเซนต์ในที่สุดโดยที่ไม่รู้ตัวเลยว่าตัวเองกำลังตกเป็นเหยื่อของเสือที่กำลังออกล่า
“ตรงนั้นสำหรับคนมีคู่ส่วนตรงนี้สำหรับคนโสด” เซนต์ยกนิ้วชี้ไปทางซีนที่อยู่ในอ้อมกอดของคนรักพร้อมพูดคุยหัวเราะคิกคักกันอย่างสนุกสนานก่อนที่นิ้วของเขาจะเปลี่ยนทิศทางชี้มายังตัวเองและแป้งหอมซึ่งคนโสดในความเข้าใจของแป้งหอมก็คือเธอและพี่เซนต์นั่นเอง
“แป้งโสดสนิทน่ะใช่แต่พี่เซนต์แป้งว่าไม่นะคะ” คำพูดของเด็กสาวทำให้เซนต์เปล่งเสียงหัวเราะออกมาเบาๆก่อนจ้องมองใบหน้าสวยหวานละมุนของเธอด้วยสีหน้าคล้ายยิ้มคล้ายไม่ยิ้ม
“แล้วคนโสดสนิทอย่างแป้งหอมไม่อยากมีพี่เซนต์เป็นแฟนบ้างเหรอคะ ?” แป้งหอมส่ายหน้าปฏิเสธทันทีเมื่อถูกจู่โจมด้วยคำถามที่ไม่คาดคิดอย่างกะทันหันถึงแม้ว่าพี่ชายของเพื่อนจะหน้าตาดีแต่ก็ยังเทียบพี่ชายหน้าหล่อคนนั้นไม่ได้อยู่ดี
“แป้งยังไม่คิดเรื่องมีแฟนหรอกค่ะ” แป้งหอมเผยความในใจของเธอออกไป
“ตรงข้ามกับพี่เลยแฮะที่อยากจะได้แฟนติดไม้ติดมือกลับบ้านไปสักคน” คำพูดแฝงนัยของเซนต์แป้งหอมฟังไม่เข้าใจเลยสักนิดเธอคิดเพียงแค่ว่าอีกฝ่ายอยากจะหาแฟนอยู่ที่นี่ในวันนี้เท่านั้น
“ที่นี่มีคนสวยเยอะแยะพี่เซนต์ชอบใครก็เข้าไปจีบเลยค่ะแป้งเป็นกำลังใจให้” นอกจากจะไม่รู้ว่าตัวเองกำลังตกเป็นเป้าหมายของคนตรงหน้าแล้วแป้งหอมยังเผยรอยยิ้มให้กำลังใจอีกฝ่ายอย่างไร้เดียงสาอีกด้วย
“สาวสวยพวกนั้นไม่น่าสนใจเท่าคนใกล้ตัวหรอกค่ะ ?” รอยยิ้มงดงามของแป้งหอมกระตุ้นความปรารถนาที่อยากจะครอบครองเธอของเซนต์ให้ลุกโชน
“พี่เซนต์ถูกใจใครที่อยู่ในงานเหรอคะ ?” แป้งหอมที่ยังคงไม่รู้ตัวว่าคนใกล้ตัวที่เซนต์พูดถึงนั้นหมายถึงตัวเองเงยหน้าขึ้นถามเขาด้วยความอยากรู้
“ก็...”
“สวัสดีครับหนุ่มๆสาวๆวัยมัธยมพวกเราวง Forget-me-Not ครับผม ” คำพูดของเซนต์พลันถูกเสียงทักทายผ่านไมค์ของวงตรีที่รับหน้าที่สร้างความสนุกสนานให้กับทุกคนในวันนี้ขัดจังหวะส่วนแป้งหอมที่กำลังตั้งใจฟังในทีแรกก็หันไปมองเจ้าของเสียงทักทายด้วยความสนใจเช่นกันก่อนที่ดวงตากลมโตกระจ่างใสจะสบเข้ากับดวงตาดอกท้อที่เต็มไปด้วยเสน่ห์ล่อลวงใจคนของมือกีตาร์ที่อยู่บนเวทีเข้าอย่างจัง
“วงนี้มีแต่คนหน้าตาดีๆเลยแฮะ”
“กรี๊ดนั่นไงเฮียสิงห์ ที่เขาบอกว่าเป็นคิงวิศวอะ”
งื้อ ตัวจริงพี่ไฟหล่อมาก”
“หล่อที่สุดในวงดูเหมือนจะเป็นมือกีตาร์คนใหม่ถ้าฉันจำไม่ผิดพี่แกน่าจะชื่อภาคย์”
“โอ๊ย ! ตายแล้วหัวใจฉันทำไมถึงได้เต้นแรงแบบนี้พี่ภาคย์หล่อเหมือนไม่มีอยู่จริงเลยอะ”
“ทำยังไงเราถึงจะได้เบอร์พี่ภาคย์ลองฝากเด็กเสิร์ฟไปขอให้ดีไหม ?”
“อยากรู้จักมือกีตาร์ที่ชื่อภาคย์จังตั้งแต่ฉันเกิดมาจนอายุ 18 ปียังไม่เคยเจอคนที่โคตรหล่อเหมือนพี่แกเลย”
เสียงพูดคุยของเพื่อนห้องเดียวกับซีนทำให้แป้งหอมรู้ว่าเจ้าของใบหน้าหล่อเหลาที่กำลังเปล่งประกายอยู่บนเวทีซึ่งเป็นคนเดียวกับคนที่ช่วยเธอเอาไว้มีชื่อว่าภาคย์ ดวงตาคู่สวยของเธอพลันจ้องมองเขาไม่วางตาแถมยังเผลอส่งยิ้มหวานละมุนไปให้อีกฝ่ายโดยไม่รู้ตัวอีกด้วย
เซนต์มองภาพรอยยิ้มหวานละมุนของแป้งหอมที่ถูกส่งไปให้หนึ่งในนักดนตรีที่อยู่บนเวทีด้วยสายตาหงุดหงิดตั้งแต่วง Forget-me-Not ขึ้นร้องเพลงแป้งหอมก็ไม่คิดจะพูดคุยกับเขาอีกเลยความไม่สบอารมณ์ทำให้เซนต์หยิบแก้วเหล้าขึ้นมากระดกรวดเดียวหมดก่อนจะนั่งมองแป้งหอมที่ตั้งใจฟังเพลงเงียบๆแต่ยิ่งมองมากเท่าไหร่แววตาของเขาก็ยิ่งเปลี่ยนไปมากเท่านั้นความหลงใหลที่แป้งหอมไม่เคยรับรู้พลันฉายชัดอยู่ในแววตาของเซนต์อย่างเปิดเผย
อาร์ม : เด็กที่นั่งข้างมึงแม่งล่อเป้าดีว่ะ
อยู่ ๆแสงไฟหน้าจอมือของเซนต์ก็พลันสว่างวาบข้อความจากเพื่อนสนิทในกลุ่มที่ไม่รู้ว่านั่งอยู่ตรงไหนของผับแห่งนี้ทำให้เซนต์เหลียวมองไปรอบๆเพื่อมองหาแต่เมื่อนึกขึ้นได้ว่าโซนนี้คือโซนวีวีไอพีที่เปิดให้จองเฉพาะแขกที่ต้องการจัดงานเลี้ยงฉลองตามโอกาสต่างๆเท่านั้นสายตาที่กำลังมองหาจึงถูกดึงกลับคืนมาก่อนจะพิมพ์ข้อความถามกลับไปด้วยความสงสัย
เซนต์ : ไอ้เหี้ยอาร์มมึงรู้ได้ยังไงว่ากูอยู่กับใคร ?
อาร์ม : ส่งรูปภาพมาให้คุณ
อารม์ : แหม แหม แหม มองน้องเขาไม่วางตาเลยนะมึง
เซนต์ : อย่าเพิ่งกวนบอกกูมามึงรู้ได้ยังไงว่ากูอยู่กับใคร ?
เซนต์ยังคงถามคำเดิมด้วยความอยากรู้จนกระทั่งเขาเหลือบไปเห็นโฟมน้องสาวของอาร์มที่นั่งอยู่บนโซฟาตัวถัดไปทันใดนั้นความสงสัยของเขาก็พลันกระจ่าง
เซนต์ : น้องมึงนี่ขี้ฟ้องจังว่ะระวังถูกกูตบด้วยปาก
อารม์ : มึงกล้า ?
เซนต์ : คิดว่ากลัว ?
อาร์ม : แน่จริงมึงก็เคลมคนสวยข้างๆให้กูดูก่อนสิว่าแต่มึงกล้าปะล่ะ ?
เจอคำถามนี้เข้าไปเซนต์ถึงกับเงียบไปอึดใจใหญ่เขาเหลือบมองเด็กสาวที่กำลังสนใจนักร้องบนเวทีก่อนจะหันกลับมาพิมพ์ข้อความโต้ตอบกลับไป
เซนต์ : กล้าแต่ไม่ใช่ตอนนี้รอให้น้องมันโตขึ้นอีกสักปีสองปีเสร็จกูแน่สัส!
อาร์ม : ไม่ต้องมาหาข้ออ้างพูดให้ตัวเองดูดีมึงจะ ‘เอา’ ตอนนี้หรืออีกสองปีก็ไม่ต่างกันกูว่าความจริงแล้วมึงไม่กล้ามากกว่า หึ
อาร์ม : ส่งสติ๊กเกอร์หัวเราะเยาะมาให้คุณ
เซนต์ : นี่มึงกำลังดูถูกใครอยู่ ?
อาร์ม : มึงไงไอ้เหี้ยเซนต์
เซนต์ : แล้วถ้ากูกล้า ‘เอา’ น้องมันวันนี้ล่ะมึงจะให้อะไรกู ?
อาร์ม : กูยอมให้มึงต่อยหน้าแรงๆห้าทีไปเลยเพื่อนว่าแต่มึงกล้าหรือเปล่า ?
เซนต์ : แค่ต่อย ?
อาร์ม : ไวน์จากฝรั่งเคสของพ่อกูที่มึงเล็งไว้จะตกเป็นของมึงทันทีที่งานสำเร็จ
เซนต์ : ดีล
เซนต์จบบทสนทนาเอาไว้เพียงแค่นั้นก่อนที่เขาจะยกมือเรียกพนักงานเสิร์ฟที่อยู่ใกล้ๆให้เข้ามาหาพร้อมเอ่ยปากขอน้ำส้มคั้นหนึ่งแก้วซึ่งทันทีที่ได้มาเขาก็เหลือบมองคนข้างกายที่กำลังนั่งฟังเพลงด้วยความตั้งใจเมื่อเห็นว่าเธอไม่ได้กำลังสนใจหรือมองมาที่เขาเซนต์ก็รีบหยิบซองเล็กๆออกจากกระเป๋ามาเทลงในแก้วน้ำส้มคั้นทันที
“น้ำส้มหน่อยไหมคะ ? ตั้งแต่แป้งมาถึงดูเหมือนว่าจะยังไม่ได้ดื่มอะไรเลย”
น้ำเสียงแผ่วเบาที่ดังอยู่ข้างใบหูทำให้แป้งหอมรีบหันกลับมาด้วยความตกใจก่อนจะพบว่าใบหน้าหล่อเหลาของเซนต์อยู่ห่างจากใบหน้าของเธอแค่คืบเท่านั้น
“ขอบคุณค่ะ” แป้งหอมเอ่ยขอบคุณก่อนจะยื่นมือไปรับแก้วน้ำส้มมาจากเซนต์แล้วยกขึ้นดื่มด้วยความกระหายมุมปากของเซนต์พลันยกยิ้มเจ้าเล่ห์ด้วยความพึงพอใจก่อนจะเริ่มชวนแป้งหอมคุย
“วงนี้ร้องเพลงเพราะดีนะคะ” ในเมื่อคุยเรื่องความชอบของตัวเองแล้วคนข้างๆดูเหมือนจะไม่ค่อยเข้าใจเซนต์ก็เลยเลือกที่จะเอ่ยถึงเรื่องที่แป้งหอมกำลังให้ความสนใจแทน
“ใช่ค่ะ ร้องเพราะกว่านักร้องชื่อดังหลายคนซะอีกโดยเฉพาะมือกีตาร์ที่สลับมาร้องเพลงสากลพี่เขาร้องเพราะมากๆเลยค่ะ”
ใบหน้าของเด็กสาวประดับไปด้วยรอยยิ้มหวานละมุนเมื่อพูดถึงมือกีตาร์ที่กำลังร้องเพลงอยู่บนเวทีแววตาที่เปล่งประกายเต็มไปด้วยความชื่นชมของเด็กสาวทำให้เซนต์อดเงยหน้าขึ้นมองไปทางเวทีไม่ได้ซึ่งทันทีที่เขามองไปดวงตาดอกท้อคู่งามของนักร้องก็กำลังมองมาที่เขาเช่นกันเมื่อดวงตาสองคู่สบกันคนหนึ่งอ่านเจตนาของอีกคนออกอย่างทะลุปรุโปร่งในขณะที่อีกคนขมวดคิ้วมุ่นด้วยความแปลกใจเมื่อดวงตาเย็นเยียบของอีกฝ่ายนั้นลุ่มลึกเกินกว่าที่เขาจะหยั่งถึง