“มึงไม่อยากกินข้าวที่กูซื้อมาให้ งั้นกูพาไปกินข้าวข้างนอก”
“ไม่อ่ะ..กูไม่อยากไปไหน”
“นาเดียไหนมึงบอกว่าเป็นเหมือนเดิมวะ แล้วทำไมมึงเป็นแบบนี้ละ”
”กูก็เป็นเหมือนเดิม แต่กูแค่ยังไม่อยากไปตอนนี้ แล้วกูก็ไม่อยากกินอะไรด้วย“
“เดียมึงโกรธกูหรอ”
ไอ้ศรัณมันพูดแล้วมันก็ทำหน้าสำนึกผิด จนฉันเองก็รู้สึกสงสารมันขึ้นมา
“เปล่า”
ฉันตอบมันออกไปพร้อมแกะกล่องข้าว ที่มันซื้อมาให้ ก่อนจะกินให้มันเห็น มันจะได้เลิกเซ้าซี้ฉันซักที
“มึงกลับไปได้แล้วกูจะนอน”
ฉันบอกมันทั้งที่ความจริงแล้ว ฉันไม่รู้สึกง่วงเลยซักนิด
“มึงง่วงมึงก็นอนดิ กูจะนั่งอยู่ตรงนี้แหละ กูยังไม่อยากปล่อยให้มึงอยู่คนเดียว กูไม่สบายใจอ่ะ“
”มึงจะไม่สบายใจเรื่องอะไรวะ ก็กูบอกว่ากูอยู่คนเดียวได้มึงกลับไปเหอะ แล้วก็เอายามานี่ อีกเม็ดเดี๋ยวกูกินเอง“
ฉันบอกมันพร้อมยื่นมือไปหยิบยาอีกเม็ดในมือของมันมา
”แล้วมึงรู้หรอวะ ว่ามันต้องกินอีกทีตอนไหน“
”ไอ้ศรัณ พ่อกูเป็นเจ้าของโรงพยาบาลนะเวิ้ย เรื่องพวกนี้มึงไม่ต้องห่วงหรอกกูรู้อยู่แล้ว“
”แล้วทำไมมึงไม่ซื้อมากินตั้งแต่แรกวะ มึงรออะไรอยู่“
มันถามฉันอย่างหัวเสีย
”กูแค่ยังไม่ได้ลงไปซื้ออ่ะ มึงซื้อก็ถูกแล้วนิกูจะได้ไม่ต้องลงไปอีก ขี้เกียจ..”
“อืม..ก็ดี กูจะได้ไม่ต้องคอยบอกให้กินยา ต่อไปกูจะได้สบายใจด้วย”
“ต่อไปอะไรของมึง”
ฉันมองหน้ามันอย่างตั้งคำถาม
“ก็ต่อไปเผื่อว่ามึงมีแฟนไง มึงจะได้รู้จักการป้องกัน ไม่ใช่ปล่อยให้ตัวเองท้องโย้ ทั้งที่เรียนยังไม่จบ”
มันพูดออกมาได้
“มึงเก็บไว้บอกแฟนมึงเถอะ ไม่ต้องมาบอกกูหรอก”
”ก็มึงเป็นเพื่อนกูมึงไม่ให้กูห่วงมึง แล้วมึงจะให้กูไปห่วงใครวะ“
มันพูดคำว่าเพื่อนอย่างชัดเจน ถึงต่อให้เมื่อคืนเราเพิ่งจะมีอะไรกันมา แต่ฉันก็ยังเป็นได้แค่เพื่อนของมันอยู่ดี ฉันที่นั่งฟังมันพูดก็รู้สึกปวดร้าวขึ้นมาในใจทันที แต่ก็นั่นแหละ ฉันรู้ดีว่ามันรักพี่เคธี่มาก ต่อให้มันรู้ว่าพี่เคธี่โกหกมัน หรือกำลังสวมเขาให้มัน มันก็พร้อมที่จะให้อภัยพี่เคธี่อยู่ดี เพราะมันเคยทะเลาะกันเรื่องผู้ชายหลายรอบแล้ว แต่ไอ้ศรัณมันก็ยังโง่หลับหูหลับตารักพี่เขาอยู่ดี
“มึงกลับไปได้แล้วกูจะนอน”
“ก็กูบอกมึงไปแล้วนิ ว่ากูจะเฝ้ามึง“
มันพูดน้ำเสียงจริงจัง
”อืม..ตามใจมึงแล้วกัน“
ฉันพูดพร้อมลุกขึ้นเดินไปนอนอย่างที่บอกมันไว้ แต่ฉันไม่กล้าที่จะหลับเหมือนกับทุกครั้งที่อยู่กับมัน ฉันไม่ได้ระแวงว่ามันจะมาทำอะไรฉันอีกนะ แต่มันรู้สึกแปลก ๆ และฉันก็ไม่เคยรู้สึกกับมันแบบนี้มาก่อน ฉันนอนฟังเสียงมันอยู่พักหนึ่ง ฉันได้ยินเสียงแจ้งเตือนของแชทมันดังขึ้นมาเรื่อย ๆ ก่อนที่ฉันจะทำเป็นหลับ และได้ยินมันเก็บของที่มันซื้อมาให้ฉันกินเมื่อซักครู่ ไม่นานมากฉันก็ได้ยินเสียงมันเปิดประตู ก่อนที่มันจะก้าวขาออกไปและเสียงประตูก็ถูกปิดลงอย่างเงียบ ๆ
ฮึก ฮึก !!!!
ทันทีที่ประตูถูกปิดลง ฉันก็ร้องไห้ออกมาด้วยความเสียใจอย่างที่สุด หลังจากที่ฉันกลั้นน้ำตาไว้อยู่นาน ฉันปวดร้าวไปทั่วทั้งกลางอก มันอืดอัดไปหมด ฉันไม่รู้ว่าฉันจะต้องทำตัวยังไง และก็ไม่รู้ว่าต้องรู้สึกยังไง จะรักก็รักไม่ได้ จะเกลียดก็เกลียดไม่ลง
ติ๋ง !!!!
ศรัณ : กูกลับแล้วนะ กูเห็นมึงหลับกูเลยไม่อยากปลุก
เสียงแจ้งเตือน พร้อมข้อความที่โชว์ขึ้นมาบนหน้าจอมือถือของฉัน แต่ฉันไม่ได้กดเข้าไปอ่าน เพราะอยากให้มันเข้าใจว่าฉันหลับแล้วจริง ๆ
ครึก ครึก ครึก
”โทรมาทำไม“
ผมรับสายเคธี่ ทันทีที่ผมลงมาจนถึงที่รถแล้ว เพราะเธอโทรมาแล้วหลายสาย จนผมต้องยอมรับสายของเธอ
”ก็รัณไม่ยอมตอบแชทอ่ะ แล้วธี่โทรไปตั้งหลายสาย ก็ไม่ยอมรับสายเลย โกรธธี่หรอคะ“
เสียงหวานของเคธี่พูดในสาย เธอพูดน้ำเสียงออดอ้อน จนผมฟังแล้วก็แอบชื่นใจที่ได้ยินเสียงของเธอ แต่ผมก็ต้องปรับโทนเสียงให้ดูแข็งขึ้น เพราะผมกำลังโกรธเธออยู่
”ก็เห็นว่าไปกับหนุ่ม ๆ คิดว่าติดใจหนุ่มอื่นแล้วนิ“
”หนุ่มที่ไหนกันคะ ธี่ก็บอกรัณไปแล้ว ว่านั่นเป็นเพื่อนของพี่นที พี่ชายของธี่ไงคะ รัณจำไม่ได้จริง ๆ หรอ“
เสียงออดอ้อนของเธอ ทำให้ผมเริ่มใจอ่อนไปแล้วครึ่งหนึ่ง
“เพื่อนพี่เขานัวเนียกันแบบนั้นหรอ”
ผมถามออกไป ทั้งที่ผมก็พอจะรู้คำตอบอยู่แล้ว ว่าเธอต้องบอกว่าเธอเมา หรืออะไรซักอย่างที่เธอเคยบอกผม เหมือนกับที่ผ่านมา
“ธี่เมาค่ะ แล้วเพื่อนของพี่นทีเขาก็เลยพยุงธี่ แต่หลังจากนั้นธี่ก็ไม่ให้เขาแตะต้องตัวธี่อีกเลยนะคะ แล้วธี่ก็รีบกลับบ้านเลย และมือถือก็แบตหมด จนรัณไม่สามารถติดต่อธี่ได้นั่นแหละค่ะ”
เป็นไปตามที่ผมคิด เธอต้องบอกผมแบบนั้นจริง ๆ แต่ผมก็เลือกที่จะเชื่อนะ เพราะผมรักเธอมาก เธอเป็นผู้หญิงที่สวย พูดจาอ่อนหวานเอาใจเก่ง แล้วก็เป็นถึงดาวมหาลัย ถ้าผมกับเธอเลิกกันไป ผมคงเสียดายแย่เลย เพราะเธอคือผู้หญิง ที่ผู้ชายในมหาลัยหลาย ๆ คนต่างก็ตามจีบกันไม่เว้นแต่ละวัน พอ ๆ กับไอ้นาเดียนี่แหละ แต่ต่างกันตรงที่ ไอ้นาเดียมันไม่สนใจใคร วัน ๆ ผมก็เห็นแต่มันเรียนแล้วก็เที่ยว แต่ก็หน้าแปลกมันมีผู้ชายมาจีบตั้งมากมาย ผมไม่เคยเห็นมันจะชอบใครเลยซักคน
“แล้วทำไมต้องดื่มจนเมาขนาดนั้นด้วย ไม่รู้หรือยังไงว่าตัวเองเป็นผู้หญิง”
“ธี่รู้ค่ะ แล้วธี่ก็รู้ว่ารันเป็นห่วงธี่มากด้วย ธี่ขอโทษนะคะ ต่อไปธี่จะไม่ทำแบบนี้อีกแล้วนะ”
เธอบอกแบบนั้น มันทำให้ผมต้องเผลอยิ้มที่มุมปาก เพราะคำพูดหวานหู ที่กำลังออดอ้อนผมให้หายโกรธ
“รู้แล้วก็ยังทำ“
”ก็ธี่บอกแล้วไงคะ ว่าต่อไปจะไม่ทำแล้ว“
”อืม..“
”แล้วทำไมรัณไม่มาเรียนคะ ธี่ถามไอศูนย์กับเมฑิน ก็ไม่มีใครรู้เลยซักคน สองคนบอกว่ารัณไม่รับสายเขาเหมือนกัน ธี่เป็นห่วงธี่ก็เลยโทหารัณนี่ไงคะ“
สองคนที่เคธี่กำลังพูดถึง นั่นคือเพื่อนของผมเอง ทั้งสองคือเพื่อนสนิทของผม มันสองคนคงโดนเคธี่สอบสวนเยอะพอสมควร ว่าผมหายไปไหน เพราะปกติผมไม่เคยขาดเรียนเลย ไม่ใช่ว่าผมตั้งใจเรียนอะไรหรอกครับ ที่ผมขยันไปเรียน เพราะผมอยากไปเจอสาวที่มหาลัยมากกว่า
“ผมไม่ได้เป็นอะไร”
“งั้นวันนี้เราไปทานข้าวนะคะ เคธี่อยากไปทานข้าวกับรัณ“
”อืม..ผมไม่ว่างอ่ะ“
ผมปฏิเสธเธอออกไป เพราะผมยังรู้สึกไม่ค่อยดีกับเธอมากเท่าไรนัก ผมยังไม่อยากที่จะไปนั่งทานข้าว ทั้งที่เรายังไม่ได้เคลียร์ เรื่องที่อยู่ภายในใจให้มันจบลง
”งั้นไว้รัณว่างเมื่อไร รัณบอกธี่นะคะ“
”อืม“
ผมพูดแค่นั้นก่อนที่ผมจะวางสายเธอทันที และผมก็ขับรถกลับมาที่คอนโด ผมคิดถึงแต่เรื่องเมื่อคืน ที่ผมกับไอ้เดียเรามีอะไรกัน ผมยอมรับเลยครับ ว่าผมไม่เคยมีเซ็กส์กับใครแล้วถูกใจขนาดนี้ เอาจริง ๆ มันเป็นคนแรกเลยนะที่ผมมีแบบไม่ได้ป้องกันอะไร และผมก็ไม่เคยคิดมาก่อนว่านี่จะเป็นครั้งแรกของมัน ผมรู้ดีว่ามันยังไม่เคยมีแฟน เพราะมันก็ไม่เคยควงใครเลยจริง ๆ นั่นแหละ แต่ผู้หญิงสมัยนี้อย่างน้อย ๆ ก็ต้องเคยผ่านอะไรมาบ้างแหละ ผมคิดแค่นั้นอีกอย่างไอ้เดียมันชอบเที่ยวอยู่บ่อย ๆ แต่ผมคิดผิดมาตลอด ว่าคนที่ชอบเที่ยวอย่างมัน ต้องเคยผ่านผู้ชายมาแล้ว ยิ่งคิดผมเองก็ยิ่งนึกถึงแต่ใบหน้าของไอ้เดีย ผมพยายามที่จะไม่คิด แต่ไม่รู้ว่าทำไมยิ่งห้ามเท่าไร ผมก็ยิ่งคิดถึงเรื่องเมื่อคืนมากเท่านั้น