บทที่ 2 หัวใจที่ไร้ค่า

2065 Words
บทที่ 2 หัวใจที่ไร้ค่า “ฉันจะแยกห้องนอน” ถ้อยคำนี้คือคำพูดแรกที่ปรมัตถ์ยอมเปิดปากพูดออกมาหลังจากขับรถออกจากวัด และมันก็ทำให้คนท้องอ่อน ๆ ต้องหยุดเดิน พร้อมกับหันไปมองคนพูดด้วยสายตาตัดพ้อ “ยังไม่ได้หย่ากัน ต้องทำถึงขนาดนี้เลยหรือคะ” น้ำเสียงที่ร้องถามเต็มไปด้วยความเจ็บปวด “ฉันไม่อยากให้ดลคิดมาก” ยิ่งคำตอบนี้มันยิ่งทำให้หัวใจดวงน้อยพบแต่ความขื่นขมจนยากจะบรรยายออกมาเป็นความรู้สึกได้ อะไร ๆ เขาก็ห่วงแต่ดลยา ไม่คิดจะห่วงความรู้สึกผู้ที่เป็นภรรยาและแม่ของลูกอย่างเธอบ้างหรืออย่างไร “แล้วไม่คิดถึงจิตใจเอยบ้างหรือคะ เอยก็อยากนอนกับสามีเอย” คุณหนูของบ้านเอ่ยน้ำเสียงสั่น ความน้อยใจประเดประดังเข้ามากลางอก “สามปียังไม่พออีกหรือ กับการนอนเคียงข้างฉัน” “อึดอัดขนาดนี้เลยหรือคะ เวลามีเอยนอนด้วย” “ลองคิดดูสิอุรัสยา” เขาถามน้ำเสียงขึ้นจมูกราวกับกำลังเยาะหยัน แม้เขาจะไม่ได้ตอบออกมาตรง ๆ แต่ลักษณะน้ำเสียงแบบนี้ มันก็ทำให้หญิงสาวรู้คำตอบดี เขาคงลำบากใจเมื่อมีเธออยู่ข้างกาย เธอคงไม่ต่างจากโรคร้ายที่เขาไม่อยากจะเข้าใกล้ ด้านปรมัตถ์ก็ไม่ได้พูดอะไรออกมาอีก และหวังจะเดินขึ้นไปยังห้องนอนเพื่อหยิบข้าวของเครื่องใช้บางส่วน แต่ก็ถูกมือน้อยรั้งเอาไว้ “ถ้าหย่ากันแล้ว พี่มัตถ์จะยอมเรียกเอยว่าน้องเหมือนเดิมหรือเปล่าคะ” เหตุผลหลักที่เธอยอมหย่าให้ คืออยากเห็นเขามีความสุขและยิ้มได้ แม้ว่าหัวใจเธอจะเจ็บร้าวก็ตาม สามปีตั้งแต่ใช้ชีวิตคู่ด้วยกันมา เธอแทบจะไม่เคยเห็นเขาส่งยิ้มให้เลยสักครั้งเดียว ใบหน้าหล่อเหลาเอาแต่นิ่งและมีแต่ความเย็นชาใส่ เทพบุตรที่คอยปกป้องและดูแลเธอเสมอมากลับกลายเป็นคนใจร้ายที่พูดกับเธอแทบจะนับคำได้ เธออยากให้เขามีความเอ็นดูให้เหมือนเดิม แต่ดูท่าคงจะยากเสียเหลือเกิน “ทุกอย่างที่เธอพรากไป ทำให้ฉันไม่สามารถทำแบบนั้นได้อีก” เขาไม่สามารถฟื้นความรู้สึกดี ๆ ให้กลับมาได้อีกแล้วหลังจากเรื่องวันนั้น การกระทำของอุรัสยามันไม่ต่างจากไฟกองโตที่เข้ามาเผาผลาญทุกความรู้สึกที่เคยมีให้ไปจนหมดกลายเป็นเถ้าถ่าน เธอเห็นแก่ตัวที่คิดจะพรากเขาและดลยา เพียงเพราะความต้องการของตนเอง พูดจบร่างสูงก็แกะข้อมือเล็กออกจากแขน แล้วเดินไปทำตามที่คิดไว้ อุรัสยาได้แต่ยืนเงียบก่อนจะถอยตัวไปนั่งบนโซฟา ขืนยืนอยู่แบบนี้ต่อไป เธออาจจะล้มได้ เพราะหมดเรี่ยวแรง คนหัวใจร้าวหลับตาลง พยายามยัดความทุกข์ให้มันกลับไปอยู่ที่ก้นบึ้งของหัวใจ เธอต้องเข้มแข็ง สามปีที่ผ่านมาก็ถือว่าดีมากแล้วที่ได้อยู่เคียงข้างกับปรมัตถ์ และมันก็ทำให้เธอมีความสุข เวลานี้คงจะถึงทางตันของเธอแล้ว และคงต้องหยุดเพื่อที่จะได้เห็นเขามีความสุข แต่สิ่งเดียวที่เธอยังกังวลคือดลยา พี่สาวต่างสายเลือดนั้นรักปรมัตถ์จริงหรือ หากรักแล้วทำไมวันนั้นถึงเลือกที่จะเดินจากไปพร้อมกับเลือกบางสิ่งแทน อุรัสยาคิดหนักกับเรื่องนี้ ทั้งที่รู้ว่าคิดไปก็เปล่าประโยชน์ ไม่ว่าดลยาจะกลับมาเพื่ออะไร และในหัวใจของพี่สาวต่างสายเลือดจะยังคงมีปรมัตถ์หรือไม่ ปรมัตถ์ก็ยังต้องการจะหย่ากับเธออยู่ดี สักสิบนาทีต่อมาหญิงสาวถึงตัดสินใจขึ้นไปบนห้อง เธอเลี่ยงที่จะเดินไปเห็นว่าเขากำลังออกจากห้อง เพราะมันเหมือนกับโดนกระชากหัวใจไป และไม่รู้ว่าหากถึงวันที่ต้องเดินจากกันไปจริง ๆ เธอจะทำใจยอมรับมันได้หรือไม่ รุ่งเช้าวันนี้ก็ไม่ต่างจากเมื่อวาน แม้ว่าจะเหนื่อยจากการจัดงานศพบิดาเพียงใด แต่หญิงสาวก็ยังคงตื่นเช้าขึ้นมาเพื่อทำอาหารให้ปรมัตถ์ทานเหมือนเดิม และเมื่อถึงเวลาเจ็ดโมงเช้า ปรมัตถ์ก็เดินลงมาจากห้องนอน แต่เขากลับไม่ยอมหยุดฝีเท้าเอาแต่จ้ำเดินตรงจะออกจากบ้าน จนอุรัสยาต้องเดินไว ๆ ไปใกล้ “เอยทำกับข้าวไว้ให้แล้ว พี่มัตถ์ทานข้าวก่อนนะคะ” เธอรู้ว่าเขาเห็นความสำคัญสำหรับอาหารมื้อเช้าเสมอ เพราะมันเป็นมื้อสำคัญ การที่เป็นนักธุรกิจ ชีวิตอยู่กับการวางแผนและตัดสินใจ มันทำให้ปรมัตถ์เลือกที่จะทานมื้อเช้า เพื่อจะได้มีพลังและทำงานอย่างเต็มประสิทธิภาพ เธอจึงยอมตื่นแต่เช้าเพื่อมาทำอาหารให้เขา “ฉันจะไปทานกับดล แล้วเจอกันที่งานเลย ไม่ต้องรอฉันมารับ ให้ลุงจักไปส่งแทน” คำตอบที่ได้รับทำให้อุรัสยายิ้มเศร้า เพราะเมื่อครั้งที่ดลยายังไม่ได้กลับมา เธอก็แทบจะไม่เคยมีความสำคัญกับเขาอยู่แล้ว ในตอนนี้ยิ่งไม่มีเลย แม้แต่จะชายตามองเธอตอนตอบคำถามเขาก็ยังไม่ทำ ไม่นานนักเจ้าหล่อนก็ยิ้มเยาะตัวเองที่คิดว่าสักวันหนึ่งเธอคงจะทำให้ปรมัตถ์รักตนได้ เธอพยายามมาตลอด แต่สามีกลับไม่เคยรับมันสักครั้ง และใช่ว่าเธอไม่อยากจะพยายามต่อ แต่มันจะทำให้เขามีแต่ความทุกข์ “เจอกันที่งานค่ะพี่มัตถ์” วันนี้คือวันที่จะส่งบิดาขึ้นสวรรค์ อย่างไรเธอก็จะไม่ร้องไห้ อุรัสยาทำใจให้เข้มแข็ง ก่อนจะเดินกลับไปที่โต๊ะอาหารแล้วทานอาหารเพียงลำพัง เพราะชีวิตน้อย ๆ ที่อยู่ในท้องของเธอต้องได้รับสารอาหารให้ครบถ้วน เด็กน้อยจะได้ออกมาอย่างแข็งแรง โดยวันนี้กำหนดเวลาที่จะประชุมเพลิงก็คือบ่ายสี่โมงเย็น ช่วงเวลาประมาณบ่ายสามโมงครึ่งจะเป็นการวางดอกไม้จันทน์ ผู้ที่มาไว้อาลัยเป็นครั้งสุดท้ายต่างทยอยพากันเข้ามาในงาน อุรัสยาทำหน้าที่ทั้งรับแขกและคอยหาน้ำมาให้แขกดื่ม เพราะผู้คนมากันเยอะ ต้องบอกว่าเพราะบิดาของเธอนั้นเป็นที่รักของใคร ๆ เหงื่อเม็ดเล็กผุดพรายอยู่เต็มดวงหน้าของหญิงสาว ในวันนี้ทั้งดลยาและปรมัตถ์ต่างมาทำหน้าที่ลูกโดยพร้อมเพรียงกัน ร่วมส่งบิดาเป็นครั้งสุดท้าย อุรัสยาที่ว่าจะไม่ร้องไห้ แต่เพียงได้กล่าวถึงประวัติของบิดา เธอก็ปล่อยให้น้ำตาไหลออกมาอย่างห้ามไม่อยู่ หญิงสาวสะอื้นจนตัวโยน การสูญเสียบิดาไปมันทำให้เธอโหวงหวิวในอก ในจิตใจมีแต่ความเศร้า ด้านดลยาก็น้ำตาไหลไม่ต่างกัน เพราะท่านคือพระที่มาโปรดชีวิตของเธอและปรมัตถ์โดยแท้ ขนาดปรมัตถ์ที่เป็นชายก็ยังน้ำตาคลอและใจหายที่ท่านจากไป ไม่นานนักยอดพระเมรุก็มีเถ้าธุลีค่อย ๆ ลอยขึ้นสู่งท้องฟ้า อิงทัตขึ้นไปอยู่บนสวรรค์แล้ว และวินาทีนั้นอุรัสยาก็ยืนหยัดไม่ไหว หญิงสาวทำท่าจะปล่อยตัวลงกับพื้น แต่ปรมัตถ์ก็คว้าตัวไว้ได้ก่อนจะดึงเข้ามาในอ้อมกอด แม้ว่าเขาจะไม่ได้รักเธอ และในใจยังมีแต่ความโกรธ ทว่าวินาทีนี้เขาก็รู้ว่าหญิงสาวต้องการกำลังใจ คนสูญเสียร้องไห้โฮและสะอื้นปานจะขาดใจ อยากจะทำใจให้เข้มแข็งแต่ก็ยังทำไม่ได้ และแม้จะรู้ว่าท่านไม่เหนื่อยและไปสบายแล้วก็ตาม ใช้เวลาร่วมสองชั่วโมงกว่าหญิงสาวจะสะอื้นน้อยลง “ขอบคุณพี่ดลด้วยนะคะที่คอยช่วยงาน” หญิงสาวยกมือเรียวทั้งสองข้างขึ้นมาพนมไหว้ แม้ว่าความสัมพันธ์ของเธอ ปรมัตถ์ และดลยา ไม่อาจจะประสานกันเหมือนเมื่อก่อนได้ แต่เธอก็ไม่อยากให้มันแย่ไปกว่านี้ กลัวว่าบิดาจะเป็นห่วงที่เห็นลูก ๆ ไม่รักกัน พร้อมกับระงับลูกสะอื้นจนรู้สึกขมคอไปหมด “ไม่เป็นไรจ้ะน้องเอย” ดลยาว่า เพราะถือว่าทำให้บิดาเป็นครั้งสุดท้าย “พี่มัตถ์กับพี่ดลกลับเถอะค่ะ ลุงจักจะมารับเอยแล้ว” เธอรู้ดีว่าเมื่อจบงานแล้ว ปรมัตถ์ก็คงจะไม่อยู่ปลอบเหมือนเมื่อสักครู่ เขาก็คงจะไปส่งดลยา ส่วนเธอก็ต้องกลับกับจักริน เธอจึงโทร.หาจักริน และไม่ทันขาดคำรถคันสีดำก็แล่นเข้ามาจอด อุรัสยาเดินเลี่ยงจากคนทั้งสองออกมา เธอไม่อยากได้ยินคำร้าย ๆ หรือเห็นท่าทีที่มันทำร้ายจิตใจของปรมัตถ์ แค่นี้หัวใจเธอก็ร้าวลึกแล้ว แม้ว่าจะอยากได้คำปลอบประโลมจากเขามากก็ตาม แต่ทว่ายังไม่ทันจะเดินไปถึงรถ ข้อมือเล็กก็ถูกดึงรั้งไว้แล้วบังคับให้เดินตาม และคนทำก็คือปรมัตถ์ “ขึ้นรถ” เมื่อมาถึงรถเขาก็สั่ง อุรัสยาทำตาม ไม่ได้ร้องถามใด ๆ อย่างน้อยก็ดีใจที่วันนี้เขายังมีเมตตาขับรถไปส่งเธอที่บ้าน แม้ว่าตลอดทางเขาจะไม่พูดอะไรออกมาก็ตาม แต่ท่าทีของเขาก็ไม่ได้แข็งกระด้างเหมือนเมื่อวันก่อน เมื่อมาถึงบ้านและขึ้นมายังชั้นสองของตัวบ้าน ปรมัตถ์ก็ทำท่าจะเดินไปอีกห้อง แต่อุรัสยาก็รั้งเอาไว้ทำให้ชายหนุ่มต้องหยุด “อยู่กับเอยได้ไหมคะคืนนี้” อุรัสยาถามพร้อมกับเงยหน้าขึ้นมองเขาอย่างวอนขอ เธออยากจะผ่านคืนนี้ไปให้ได้ และต้องการอกอุ่นของเขาเป็นที่พักใจ ปรมัตถ์พยักหน้ารับ ก่อนจะจับข้อมือเล็กแล้วจึงเดินเข้าไปในห้องนอนพร้อมกับอุรัสยา เจ้าหล่อนยิ้มกว้างออกมากับสิ่งที่เขาทำ ทันทีที่อุรัสยาทิ้งตัวลงบนเตียง เธอก็ซุกหน้าเข้ากับอกแกร่ง ใบหน้านวลกลับมามีน้ำตาอีกหน การทำใจกับการสูญเสียมันไม่ใช่เรื่องง่ายเอาเสียเลย ส่วนปรมัตถ์ก็ยกมือขึ้นมาลูบแขนเล็ก แต่ไม่ได้พูดอะไรออกมา ทว่าเพียงเท่านี้ก็ทำให้หัวใจของอุรัสยาถูกซ่อมแซมให้ดีขึ้นหลายเท่าแล้ว คนเจ้าน้ำตากอดปรมัตถ์แน่น เพราะเธอก็ไม่รู้เหมือนกันว่าจะมีโอกาสได้ทำแบบนี้อีกหรือไม่ การหย่าขาดกันคงจะเกิดขึ้นในอีกไม่กี่วัน หญิงสาวหลับตาลงเพราะอยากจะหลับในอ้อมกอดของเขาอีกสักครั้ง แต่นานเป็นชั่วโมงกว่าอุรัสยาจะหลับลงได้ แถมยังสะดุ้งตื่นแทบจะตลอดทั้งคืนเพราะฝันร้าย และกลัวว่าเจ้าของอ้อมกอดนี้จะหายไป แต่เขาก็ยังอยู่ หญิงสาวหลับตาลงอีกครั้งในช่วงตีสาม และตื่นขึ้นมาอีกครั้งในช่วงเจ็ดโมงเช้า ทว่าครั้งนี้มันต่างออกไป เพราะคนข้างกายหายไปแล้ว เหลือไว้แต่เพียงไออุ่นเท่านั้น และเธอก็ทันได้ยินเสียงรถยี่ห้อหรูมาเซราติขับออกไปจากบ้าน ซึ่งเจ้าของรถก็คือสามีของเธอ ไม่ต้องบอกเธอก็รู้ว่าเขาไปไหน คงจะไปหาดลยา ดวงตาคู่เล็กกลับมาแดงก่ำอีกหน เพราะดูท่าแล้วอีกไม่นานความเจ็บปวดระลอกใหม่อาจจะเข้ามาเยือนกระหน่ำซ้ำหัวใจ หางตาของเขาจะเหลือบมามอง มาห่วงใยคนที่ไม่สำคัญอย่างเธอบ้างได้หรือไม่กัน
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD