เมาค้างมาทำงาน

1870 Words
ตอนที่ 3 เมาค้างมาทำงาน "สวัสดีค่ะพี่ก้อยคนสวย มาทำงานแต่เช้าเลยนะคะวันนี้" พิชญ์ชาพรเอ่ยทักทายกมลชนกที่กำลังนั่งจ้องหน้าจอคอมพิวเตอร์อย่างขะมักเขม้นด้วยเสียงสดใส นี่เธอคิดว่าวันนี้เธอมาเช้ามากแล้วนะ แต่กมลชนกกลับเช้ากว่าอีก แถมดูจากท่าทางน่าจะมาตั้งนานแล้วด้วย พิชญ์ชาพรทำงานที่นี่ได้หนึ่งปีกว่าๆ แล้ว และค่อนข้างที่จะสนิทกับกมลชนกมากเป็นพิเศษ ด้วยเพราะโต๊ะทำงานอยู่ใกล้กัน และต้องประสานงานกันบ่อยๆ อีกอย่างทั้งชั้นก็มีแค่พวกเธอสองคนที่สาวสุด อายุน้อยสุด ถ้าไม่นับเจ้านายทั้งสองของพวกเธอน่ะนะ "พอดีวันนี้พี่ต้องออกไปประชุมข้างนอกกับคุณศรัณภัทรน่ะ ก็เลยมาเตรียมตัว เตรียมข้อมูลแต่เช้าหน่อย" กมลชนกเงยหน้าขึ้นมาตอบพร้อมยิ้มให้ ก่อนจะหันกลับไปสนใจงานต่อ พลางถามพิชญ์ชาพรกลับมาด้วย "วันนี้พิชญ์ก็มาเช้าเหมือนนะ มีไปข้างนอกเหมือนกันเหรอ" "เปล่าค่ะ วันนี้พิชญ์ดีดน่ะ" พิชญ์ชาพรว่าอย่างขำๆ พลางเดินเข้าไปใกล้โต๊ะทำงานของกมลชนกที่อยู่ตรงข้ามกับโต๊ะทำงานของตัวเอง ก่อนจะยกมือป้องปากกระซิบเบาๆ "เมื่อคืนพิชญ์ไปดื่มมา กว่าจะกลับถึงคอนโดฯ ก็เกือบสว่าง ก็เลยอาบน้ำแล้วแต่งตัวออกมาเลย" "หืม..." กมลชนกละสายตาจากงานอีกครั้ง แล้วมองสำรวจหญิงสาวตรงหน้า "ไม่ได้นอนแบบนี้ แล้วจะทำงานไหวเหรอ" "คิดว่าไหวนะคะ เดี๋ยวจะลงไปซื้อกาแฟเข้มๆ มาโดปสักแก้ว แล้วพี่ก้อยไปข้างนอกตอนไหนคะ เอากาแฟไหม เดี๋ยวพิชญ์ซื้อมาเผื่อ" "ไม่เป็นไรๆ เมื่อเช้าพี่จัดมาละ แล้วเดี๋ยวพี่ก็จะออกไปแล้วด้วย รอคุณศรัณภัทรมาก็จะออกไปเลย" "งั้นเดี๋ยวพิชญ์มานะคะ" พิชญ์ชาพรบอกพร้อมกับเดินเอากระเป๋าไปเก็บในลิ้นชักโต๊ะทำงานของตัวเอง แล้วหยิบกระเป๋าเงินใบยาวออกมาถือ เตรียมจะลงไปซื้อกาแฟหน้าบริษัท "จ้า" กมลชนกเงยหน้าขึ้นมายิ้มให้ ก่อนจะพูดขึ้นอีกครั้งเมื่อนึกอะไรขึ้นมาได้ "เอ้อ เดี๋ยวก่อนพิชญ์" "คะ?" "พอดีหลอดไฟตรงโต๊ะทำงานพิชญ์มันเสียน่ะ สายๆ พี่ฝากตามช่างขึ้นมาเปลี่ยนทีนะ ก่อนหน้านี้พี่โทร. ลงไปแล้ว แต่ไม่มีใครรับ สงสัยเช้าเกินยังไม่มีใครมากัน" พิชญ์ชาพรเงยหน้าขึ้นไปมองหลอดไฟบนเพดานที่กมลชนกบอกว่าเสีย ซึ่งก็อยู่ตรงกับโต๊ะทำงานของเธอพอดี ถึงว่าสิ ถึงได้ดูมืดแปลกๆ "พิชญ์ไม่ทันสังเกตเลย เดี๋ยวพิชญ์จัดการต่อเองค่ะ" วันนี้คีรินภัทรมาทำงานสายกว่าปกติ เพราะต้องแวะไปส่งมารดาที่นัดรวมตัวกับสมาคมคุณหญิงคุณนาย เพื่อคุยกันเรื่องจะจัดงานการกุศลอะไรสักอย่าง จึงทำให้เขามาถึงบริษัทช้ากว่าทุกวัน โชคดีที่ว่าวันนี้เขาไม่มีประชุมที่ไหน ชายหนุ่มเดินออกจากลิฟต์เมื่อลิฟต์เปิดออก แต่แล้วขาที่กำลังจะเดินถึงห้องทำงานหยุดชะงัก ก่อนที่หัวคิ้วทั้งสองข้างจะค่อยๆ ขมวดเข้าหากัน เขามองหญิงสาวที่อยู่ในชุดเดรสสั้นแขนกุดรัดรูป เผยให้เห็นสัดส่วนเข้ารูป ความยาวเลยหัวเข่าขึ้นไปประมาณห้านิ้ว แถมยังผ่าหน้าอวดเรียวขาเนียนขาวไร้ที่ติ เขาจะไม่ข้องใจหรือสงสัยอะไรเลย ถ้าตอนนี้เธอไม่ปีนขึ้นไปอยู่บันไดเหล็กทั้งๆ ที่ใส่กระโปรงสั้นแล้วผ่าแหวกลึกขนาดนั้น "ทำอะไรของคุณ" "อ้าว! ท่านรองฯ มาแล้วเหรอคะ" พิชญ์ชาพรละสายตาจากสิ่งที่กำลังทำ แล้วหันมาทักทายเจ้านายด้วยน้ำเสียงสดใส ราวกับอยู่ในสถานการณ์ปกติ "ผมถามว่าคุณทำอะไร" คีรินภัทรถามเลขาฯ สาวอีกครั้งด้วยน้ำเสียงที่เข้มขึ้นกว่าเดิมนิดหน่อย "อ๋อ เปลี่ยนหลอดไฟค่ะ พอดีหลอดไฟตรงนี้มันเสีย" เธอตอบพร้อมกับชูหลอดไฟอันเก่าที่เธอถอดออกมาแล้วให้เขาดู "แล้วทำไมไม่เรียกช่าง ทำไมคุณต้องปีนขึ้นไปเปลี่ยนเอง" เปลี่ยนเองไม่เท่าไหร่ แต่ชุดที่เธอใส่น่ะสิ มันเหมาะกับการมาปีนบันไดขึ้นเปลี่ยนหลอดไฟเสียที่ไหนกันล่ะ "เรียกแล้วค่ะ แต่ช่างไปซ่อมท่อน้ำในห้องท่านประธาน ดิฉันก็เลยเบิกหลอดไฟมาเปลี่ยนเอง นี่ก็ใกล้จะเสร็จแล้วค่ะ" พูดจบเธอก็ก้มมองไปรอบๆ เหมือนหาอะไรสักอย่าง ไม่นานก็เงยหน้าขึ้นมามองเขาอีกครั้ง "เอ่อ...ท่างรองฯ คะ รบกวนหยิบหลอดไฟอันใหม่บนโต๊ะให้หน่อยค่ะ พอดีถ้าลงไปแล้ว มันปีนขึ้นมาลำบาก" "ถ้าลำบากแล้วคุณจะปีนขึ้นไปทำไม" เขายังไม่ยอมเดินเข้าไปหยิบหลอดไฟส่งให้ตามที่เธอขอ แต่กลับถามด้วยน้ำเสียงติดดุๆ นิดหน่อย และที่เขาไม่ยอมเดินเข้าไปหยิบ ก็เพราะว่าถ้าเขาเดินเข้าไปใกล้กว่านี้ ระดับความสูงที่เธออยู่ จะทำให้เขาเห็นมากกว่าต้นขาขาวๆ ที่โผล่พ้นออกมาจากเดรสรัดรูปของเธอ "ก็ต้องเปลี่ยนหลอดไฟนี่ไงคะ" ยังจะเถียงอีก จากที่ได้ทำงานกับพิชญ์ชาพรมาปีกว่าๆ เขายอมรับว่าเธอเป็นผู้หญิงที่ทำงานเก่ง เข้าใจอะไรง่ายๆ แก้ไขสถานการณ์เฉพาะหน้าได้ดีมาก แต่เธอก็มีข้อเสียเช่นกัน และข้อเสียที่ว่านั่นก็คือเธอค่อนข้างที่จะเถียงเก่ง อย่างเช่นตอนนี้ ตอนแรกที่ทำงานด้วยกันก็เหมือนเธอจะมีอาการเกร็งอยู่นิดๆ แต่พอเวลาผ่านไป เริ่มมีความคุ้นชินกันมากขึ้น อาการเกร็งเหล่านั้นก็หายไป แทนที่ด้วยความสนิทสนม แต่เขาก็ไม่ว่าอะไร เพราไม่ว่าจะสนิทแค่ไหนเธอก็จะมีขอบเขตอยู่เสมอ ถ้าเป็นเรื่องงาน เธอก็จะยอมทำตามคำสั่งเขาที่เป็นเจ้านายทุกอย่าง หรือถ้าเห็นว่ามีทางเลือกไหนที่ดีกว่า เธอก็จะเสนอขึ้นมาเพื่อขอความคิดเห็นจากเขา "ผมว่าคุณลงมา แล้วรอให้ช่างมาเปลี่ยนให้ดีกว่า" คีรินภัทรบอกอีกครั้ง "โห่ ท่านรองฯ คะ ไม่รอแล้วค่ะ เปลี่ยนจะเสร็จแล้วเนี่ย" และเธอจะดื้อรั้นแบบนี้ทุกครั้ง หากไม่ใช่เรื่องงาน "เดี๋ยวผมจะโทร. ตามช่างมาเปลี่ยนให้เดี๋ยวนี้" "ไม่ต้องๆ เดี๋ยวดิฉันลงไปหยิบเองก็ได้" เธอรีบยกมือห้ามเขา ก่อนจะรีบปีนลงมาหยิบหลอดไฟอันใหม่ที่วางอยู่บนโต๊ะ แล้วปีนขึ้นบันไดไปอีกครั้ง คีรินภัทรจนปัญญาที่จะห้ามเลขาฯ สาว ได้แต่ถอนหายใจด้วยความหงุดหงิดนิดๆ แล้วเบือนหน้าไปมองทางอื่น ก่อนที่จะต้องหันกลับมาอีกครั้ง เมื่อเลขาฯ สาวกำลังจะทำเรื่องให้เขารู้สึกหงุดหงิดอีกครั้ง "จะทำอะไรอีก" "คะ?" พิชญ์ชาพรที่ปีนลงมาจากบันไดแล้วหันหน้าไปมองเจ้านายหนุ่มงงๆ ก่อนจะหันกลับมามองมือตัวเองที่จับบันไดเหล็กอยู่ พลางทวนคำถามเจ้านายหนุ่มอีกครั้ง แล้วเงยหน้าขึ้นไปตอบคำถาม ของเขา "เปลี่ยนเสร็จแล้ว ดิฉันก็กำลังจะยกบันไดไปเก็บไงคะ" คีรินภัทรมองเลขาฯ สาวร่างบางที่กำลังทำท่าเตรียมจะยกบันไดเหล็กที่มีขนาดสูงกว่าเจ้าตัวด้วยความหงุดหงิดใจ สักพักก็ทอดถอนหายใจออกมายาวๆ "เฮ้อ..." ถอนหายใจเสร็จ ชายหนุ่มก็เดินไปวางกระเป๋าลงที่โต๊ะทำงานของเลขาฯ สาว แล้วถอดสูทตัวนอกออก ปลดกระดุมเสื้อแขนเชิ้ตแล้วพับขึ้นจนถึงข้อศอก ก่อนจะเดินเข้าไปใกล้เลขาฯ สาวที่จับบันไดเหล็กแล้วมองเขางงๆ "เดี๋ยวผมยกไปเก็บให้เอง คุณเอามาจากไหน" "เฮ้ย ไม่เป็นค่ะๆ" หญิงสาวรีบปฏิเสธและรีบแย่งบันไดคืนมาจากเจ้านายหนุ่ม จะให้เจ้านายยกได้ยังไงกัน "เดี๋ยวดิฉันเก็บเองดีกว่า ท่านรองฯ เข้าไปรอในห้องเลยค่ะ เก็บเสร็จดิฉันจะยกกาแฟเข้าไปให้" "ผมจะยกเอง" "ดิฉันยกเองค่ะ" "ผมเป็นเจ้านาย" "นั่นแหละค่ะ เดี๋ยวดิฉันยกไปเก็บเอง" "งั้นก็โทร. ตามช่างมายก" "แค่ยกไปห้องเก็บของตรงมุมบันไดหนีไฟนี่เอง ตามมาให้เสียเวลาทำไมคะ" คีรินภัทรส่ายหน้าให้กับความดื้อของเลขาฯ สาว เขาเลิกต่อล้อต่อเถียงแล้วรีบยกบันไดเหล็กขึ้น หญิงสาวที่จับบันไดอยู่ไม่ทันได้ตั้งตัว บวกกับความมึนเมา ทำให้เธอเซถลาเข้ามาปะทะอกแกร่งของเจ้านายหนุ่ม และด้วยความที่เธอกลัวว่าตัวเองจะล้มลงไป เธอจึงรีบวาดแขนทั้งสองข้างกอดเอวสอบของเขาเอาไว้แน่นทันที ด้วยระดับแอลกอฮอล์ที่ดื่มไปเมื่อคืนยังคงวนเวียนอยู่ในกระแสเลือด ทำให้หญิงสาวต้องหลับตาและกอดเขาแน่นขึ้นเพื่อหาที่ยึด เพราะจู่ๆ ก็เกิดอาการหน้ามืด ในหัวและรู้สึกเหมือนโลกกำลังหมุน แต่ไม่รู้ทำไมเหมือนกัน พอได้สูดกลิ่นหอมๆ บางอย่างจากร่างกายเขา มันกลับช่วยทำให้เธอรู้สึกดีขึ้นอย่างบอกไม่ถูก คีรินภัทรก้มหน้ามองหญิงสาวที่ยังกอดเขาแน่นด้วยความรู้สึกที่บอกไม่ถูกเช่นกัน เขากำลังสงสัยว่าทำไมเธอถึงไม่ยอมปล่อยเขาเสียที แถมยังกอดเขาแน่นอีกต่างหาก แล้วทำไมเขาถึงปล่อยให้เธอกอดนานขนาดนี้ แต่ที่น่าสงสัยมากกว่านั้นก็คือ ทำไมลึกๆ แล้วเขาถึงรู้สึกเหมือนไม่อยากให้เธอผละออกไป... จนกระทั้งผ่านไปสักพัก พิชญ์ชาพรที่กำลังหลับตาและสูดดมกลิ่นที่ทำให้รู้สึกดีอยู่นั้น เริ่มได้สติว่าตอนนี้เธอกำลังทำอะไรอยู่ เธอจึงรีบลืมตาขึ้นก่อนจะรีบผละตัวออกไปอย่างรวดเร็ว แต่เพราะเธอลืมตาและผละออกไปเร็วจนเกินไป และอาการหน้ามืดก็ยังไม่หายดี ปะทุขึ้นมาอีกครั้ง ทำให้เธอทรงตัวไม่ไหว จนคีรินภัทรเห็นท่าไม่ดี ต้องรีบพุ่งเข้ามาคว้าเอวเธอเข้าไปแนบอกและกอดไว้อีกครั้งก่อนที่เธอจะล้มลงไป "คุณ เป็นอะไรหรือเปล่า" คีรินภัทรถามเลขาฯ ของตัวเองด้วยความตกใจระคนเป็นห่วง "ปะ...เปล่าค่ะ สงสัยเมื่อกี้ลืมตาเร็วไปหน่อย เลยหน้ามืด" เธอตอบพร้อมสะบัดศีรษะและพยายามประคองสติตัวเอง คีรินภัทรวางบันไดเหล็กในมือลงพื้น ก่อนจะช้อนตัวอุ้มเลขาฯ สาวเข้าไปในห้องทำงานของตัวเอง เขาวางเธอลงที่โซฟาตัวยาวกลางห้อง ก่อนจะมองสังเกตท่าทางของเธอไปด้วย ไม่นานเขาก็เอ่ยถามออกมาเสียงเย็นเยียบ "เมาค้างใช่ไหม" 
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD