หยอดเก่ง

1865 Words
ตอนที่ 5 หยอดเก่ง "พี่สุดหล่อขา ซื้อดอกไม้ช่วยหนูหน่อยนะคะ หนูต้องหาเงิน เลี้ยงน้อง น้องหนูป่วยเป็นโรคมือเท้าปาก ไม่มีเงินไปหาหมอ ซื้อช่วยหนูหน่อยนะคะ" เสียงเด็กผู้หญิงคนหนึ่งดังขึ้น เหมือนเสียงระฆังช่วยชีวิต รองประธานหนุ่ม ในขณะที่กำลังถูกเลขาฯ สาวสุดแสบเย้าแหย่แล้วมองเขาด้วยสายตากรุ่มกริ่ม จนทำให้ร่างกายของชายหนุ่มร้อนวูบวาบ ใบหน้าร้อนผะผ่าวด้วยความเขินจัด เขาพอจะรู้ว่าตัวเองนั้นหน้าตาดีอยู่มากและถูกคนอื่นๆ ชมค่อนข้างบ่อย แต่ก็ไม่เคยเจอจนถึงขั้นไปต่อไม่เป็นเช่นนี้ อนุภาพสายตาของเลขาฯ สาวของเขาคนนี้ช่างไม่ธรรมดาจริงๆ ...ไม่ธรรมดากับหัวใจของเขาจริงๆ คีรินภัทรรีบละสายตาจากพิชญ์ชาพรไปมองเด็กผู้หญิงตัวเล็กๆ หุ่นอวบอั๋น ดูมีน้ำมีนวล สวมเสื้อยืดตัวโคร่ง หน้าตามอมแมมเล็กน้อย ในมือมีดอกกุหลาบกำใหญ่กำหนึ่ง ยื่นออกมาตรงหน้าพลางส่งสายตาน่าสงสารมาให้ เพื่อขอให้เขาช่วยชื้อ "มานี่ค่ะ เดี๋ยวพี่คนสวยช่วยซื้อเองนะคะ" พิชญ์ชาพรกวักมือเรียกเด็กผู้หญิงคนนั้นให้เดินเข้ามาใกล้ๆ ตัวเอง "หนูว่าดอกไหนสวย เลือกมาให้พี่หน่อยสิคะ" "ดอกนี้ค่ะ" หนูน้อยเลือกและหยิบกุหลาบสีแดงออกมายื่นให้พิชญ์ชาพรดอกหนึ่ง พิชญ์ชาพรรับมาถือไว้ มองแล้วอมยิ้มอยู่ครู่หนึ่ง แกล้งให้ดอกไม้จีบเจ้านายตัวเองจะผิดไหมนะ หญิงสาวช้อนสายตาขึ้นไปมองเจ้านายหนุ่ม แล้วยิ้มให้ด้วยรอยยิ้มที่คิดว่าหวานที่สุดในชีวิต ก่อนจะยื่นดอกไม้ในมือไปให้เขา "อะไร" คีรินภัทรขมวดคิ้วถาม "ดิฉันให้ค่ะ" "ให้ผมทำไม" ถามพร้อมกับใจที่อยู่ๆ ก็เต้นแรงขึ้นมา เมื่อสบตากับคนที่กำลังยื่นดอกไม้ให้ "ให้เฉยๆ ค่ะ ดอกไม้แทนใจไงคะ" หญิงสาวอมยิ้มกรุ่มกริ่มอย่างชอบใจ เมื่อสังเกตเห็นหูของเขาเริ่มแดงขึ้นมาอีกครั้ง "รับไปสิคะ ให้ถือนานๆ มันเมื่อยนะ" คีรินภัทรยื่นมือออกมารับดอกไม้ที่เลขาฯ สาวยื่นให้ ก่อนจะ เสมองไปทางอื่น ท่าทางของเขาทำให้พิชญ์ชาพรยิ้มกริ่ม ไม่คิดว่าเจ้านายของเธอจะหยอดง่ายขนาดนี้ น่ารักดี "เท่าไหร่คะ" พิชญ์ชาพรหยุดการแกล้งเจ้านายไว้เพียงแค่นั้น แล้วหยิบกระเป๋าสตางค์ขึ้นมาเตรียมจะจ่ายเงินค่าดอกไม้ "ดอกละยี่สิบบาทค่ะ" พิชญ์ชาพรยิ้มและยื่นแบงก์ร้อยให้ พร้อมกับบอกว่าไม่ต้องทอน หนูน้อยยกมือไหว้ เก็บเงินเข้ากระเป๋า เตรียมจะไปขายให้โต๊ะอื่นๆ ต่อ ทว่ามีเสียงหนึ่งเรียกหนูน้อยคนนั้นเอาไว้ก่อน "เดี๋ยวครับ เหลือดอกไม้ทั้งหมดกี่ดอก" คีรินภัทรเรียกหนูน้อยเอาไว้พร้อมกับเอ่ยถาม หนูน้อยมองดอกไม้ที่อยู่ในมือตัวเองก่อนจะก้มมองส่วนหนึ่งที่อยู่ในถัง แล้วเงยหน้าขึ้นมาตอบ "ไม่รู้ค่ะ แต่เหลือทั้งหมดนี้เลย" พูดพร้อมชูกุหลาบทั้งหมดให้ คีรินภัทรดู "ถ้าขายหมดแล้วจะกลับไปนอนเลยใช่ไหม" คีรินภัทรถามอีกครั้ง หนูน้อยจึงพยักหน้าหงึกหงักทันที "งั้นพี่เหมาทั้งหมดเลย" "ท่านรองฯ คะ…" พิชญ์ชาพรเอ่ยขึ้นพร้อมส่ายหน้าเบาๆ เมื่อเห็นเขาล้วงกระเป๋าสตางค์ออกมา ไม่ใช่ว่าเธอไม่อยากให้หนูน้อยคนนี้กลับไปพักผ่อน แต่เพราะเธอเที่ยวมานานและเที่ยวบ่อย จนทำให้รู้ วัฏจักรของคนที่ทำอาชีพนี้ดี ชอบเอาเด็กหรือคนแก่มาบังหน้า เรียกคะแนนความสงสารเพื่อให้คนตัดสินใจซื้อง่ายขึ้น และต่อให้หนูน้อยคนนี้ขายหมดชุดนี้ แต่เดี๋ยวก็กลับไปเอามาเพิ่มอีก มีมาอีกเรื่อยๆ อยู่ดี เผลอๆ อาจจะไปกระซิบเจ้าอื่นต่อๆ กันว่าโต๊ะนี้ขี้สงสาร จากนั้นก็จะมีอะไรต่อมิอะไรมาเร่ขายอีกไม่รู้จักจบไม่รู้จักสิ้น "แค่นี้เองไม่เป็นไรหรอก" คีรินภัทรรู้ว่าพิชญ์ชาพรกำลังคิดอะไรอยู่ แต่เขาไม่ชอบเห็นอะไรแบบนี้ ไม่ชอบการใช้แรงงานเด็ก อีกอย่างตอนนี้ก็ดึกมากแล้ว เขาอยากให้หนูน้อยคนนี้ได้กลับไปพักผ่อน "งั้นก็ตามใจท่านรองฯ เลยค่ะ" พิชญ์ชาพรพูดพลางพยักหน้าลง ก็เงินเขานี่นา เธอจะไปว่าอะไรได้ล่ะ แค่เหมาดอกไม้ร้อยกว่าดอก ขนหน้าแข้งไม่ร่วงหรอก หรือต่อให้มีมาอีกเป็นขบวน ก็คงไม่ทำให้กระเป๋าสตางค์เขาสะเทือนได้ คีรินภัทรยื่นแบงก์พันให้หนูน้อยสามใบพร้อมกับบอกไม่ต้องทอน หนูน้อยยิ้มกว้างด้วยความดีใจพร้อมยกมือไหว้และรับเงินไปเก็บใส่กระเป๋า ก่อนจะหยิบดอกกุหลาบออกมาห่อใส่กระดาษหนังสือพิมพ์แล้วยื่นให้รองประธานหนุ่มสุดหล่อ จากนั้นก็เดินออกไป "อะไรคะ" พิชญ์ชาพรถามขึ้นด้วยความงุนงง เมื่อคีรินภัทรยื่นกุหลาบร้อยกว่าดอกที่ห่อด้วยกระดาษหนังสือพิมพ์มาให้ "เมื่อกี้คุณบอกผมว่าให้ดอกไม้แทนใจ ผมก็เลยอยากให้คุณบ้าง" พิชญ์ชาพรเบิกตากว้างทันทีที่เขาพูดจบ เธอมองดอกไม้ตรงหน้าสลับกับคนให้ ซึ่งเขาเองก็มองเธออยู่เหมือนกัน เขามองเธอด้วยสายตาที่เธอเองก็ไม่รู้เหมือนกันว่ามันหมายความว่าอะไร...และก็ไม่กล้าคิดด้วย ก่อนหน้านี้เธอให้เขาไปแค่ดอกเดียว และดูเขาให้เธอคืนมาสิ ถ้าเขาให้แทนใจจริงๆ ลองคิดดูเล่นๆ เขาคงให้ใจเธอเยอะมาก "นะ...นี่ท่านรองฯ เอาคืนดิฉันเหรอคะ" เธอหลบสายตาของเขา แล้วแกล้งถามอย่างติดตลก เพราะบางทีเขาอาจจะอยากเอาคืนที่เธอแกล้งเขาก่อนหน้านี้ก็ได้ บ้าน่า ห้ามเขินนะอีพิชญ์! ห้ามคิดไปไกลด้วย "ผมดูเป็นคนชอบเอาคืนเหรอ" เขาบอกโดยไม่หลบตา กลับกลายเป็นเธอที่ต้องคอยหลบสายตาของเขา เธอควบคุมอุณหภูมิบนใบหน้าไม่ได้เลยเวลาที่เผลอไปสบตากับเขา "รับไปสิ ถือนานๆ ผมหนักนะ" ชัดเลย แกล้งชัวร์! พิชญ์ชาพรส่งค้อนไปให้เจ้านายหนุ่มพร้อมกับยื่นมือไปรับดอกไม้จากเขา หมดกันความโรแมนติก อุตส่าห์คิดไปไกล คิดว่าเขาอาจจะเล่นด้วย นี่ล่ะน้าคนที่ชาตินี้ไม่มีวาสนาที่จะได้สัมผัสคำว่า ‘ผัวรวย’ "ขอบคุณค่ะ" ...สรุป ยกนี้เธอแพ้! "ส่วนด้านหน้านี้ผมอยากจะสอดแทรกความเป็นจังหวัดอุดรธานีเข้าไปด้วย มีการเล่นสี มีลูกเล่นต่างๆ ที่สามารถปรับเปลี่ยนได้ คุณคิดว่าไง" คุณอันนพผู้บริหารวินเพิร์ลหันมาถามความคิดเห็นจากคีรินภัทร ในระหว่างกำลังลงพื้นที่ดูสถานที่จริงสำหรับการก่อสร้าง อันที่จริงการก่อสร้างก็เริ่มดำเนินไปได้ประมาณยี่สิบเปอร์เซ็นต์แล้วล่ะ ที่มาครั้งนี้ก็เพื่อมาติดตามความคืบหน้างาน เผื่อว่าทางผู้ว่าจ้างต้องการจะเพิ่มเติมหรือปรับเปลี่ยนอะไร เพราะถึงแม้โครงสร้างและรายละเอียดต่างๆ จะถูกออกแบบมาทั้งหมดแล้ว แต่ถึงเวลาก่อสร้างจริงๆ มันจะทำให้เห็นความผิดพลาดง่ายขึ้น และรายละเอียดในความเป็นจริงกับแบบในกระดาษหรือโมเดลที่ถูกจำลองขึ้นมามันต่างกันมาก "ผมว่าก็ดีนะ ห้างทุกสาขาก็เป็นแบบนั้นอยู่แล้วไม่ใช่เหรอครับ" คีรินภัทรตอบพร้อมถามกลับ เขาจำได้ว่าห้างวินเพิร์ลที่มีอยู่หลายจังหวัด และในแต่ละจังหวัดก็จะสอดแทรกความเป็นจังหวัดนั้นๆ อยู่ในตัวห้างอยู่แล้ว เขาเลยมองว่าความคิดนี้ไม่ใช่ความคิดที่แปลกใหม่ "แล้วคุณว่าอะไรคือเอกลักษณ์ของจังหวัดนี้ล่ะ" คุณอันนพถามกลับมาอีกครั้ง ในส่วนนี้เป็นรายละเอียดปลีกย่อย ส่วนรายละเอียดเชิงลึกต่างๆ นั้นได้คุยกันไปก่อนหน้านี้เรียบร้อยหมดแล้ว "ไหบ้านเชียงครับ" อันนพยกมือขึ้นมากอดอกแล้วยกมือข้างหนึ่งขึ้นมาถูคาง พลางมองไปยังกระดาษเขียนแบบในมืออย่างใช้ความคิด หลายๆ คนให้ความเห็นตรงกันว่าไหบ้านเชียงคือเอกลักษณ์ของจังหวัดนี้ แต่เขากลับคิดว่ามันยังไม่โอเคสักเท่าไหร่ "นอกจากไหบ้านเชียงแล้ว คุณคิดว่ามีอะไรอย่างอื่นอีกไหม" "คุณพอจะรู้ไหม" คีรินภัทรหันมาถามเลขาฯ สาวที่ยืนอยู่ข้างๆ เพราะนอกจากไหบ้านเชียงที่เป็นเอกลักษณ์ของจังหวัดอุดรธานีแล้ว เขาก็คิดอะไรอย่างอื่นไม่ออกแล้วจริงๆ "อืม…งั้นเป็นแคนดีไหมคะ" พิชญ์ชาพรเสนอไป "ทำไมคุณถึงคิดว่าควรจะเป็นแคน มีความหมายอะไรไหมครับ" ผู้บริหารวินเพิร์ลถามพิชญ์ชาพรอย่างให้ความสนใจ "ก็ไม่เชิงว่าแคนเป็นเอกลักษณ์ของจังหวัดหรอกนะคะ แต่ดิฉันคิดว่ามันมีความหมายเชิงวัฒนธรรมค่ะ" "ยังไงครับ" อันนพถามต่อ "แคนเป็นเครื่องดนตรีพื้นเมืองเก่าแก่ของภาคอีสาน บ่งบอกความเป็นพื้นเมืองได้เป็นอย่างดี อีกทั้งแคนยังเป็นเครื่องดนตรีประจำประเทศลาวอีกด้วย ปัจจุบันมีคนจากประเทศลาวข้ามมาเที่ยว ซื้อของ ชอปปิงที่ฝั่งไทยมากขึ้น ดิฉันเชื่อว่าห้างสรรพสินค้าแห่งนี้จะเป็นอีกหนึ่งแลนด์มาร์กของคนทั้งสองประเทศค่ะ คงจะดีไม่น้อยถ้าเราเชื่อมวัฒนธรรมของทั้งสองประเทศเข้าด้วยกัน" "อืม เป็นความคิดที่ดีทีเดียวเลยล่ะครับ" อันนพยิ้มขึ้นมาทันทีเมื่อได้ฟังเหตุผลของพิชญ์ชาพร ห้างนี้อยู่ไกลจากด่านข้ามประเทศที่จังหวัดหนองคายใช้เวลาเดินทางเพียงแค่หนึ่งชั่วโมงเท่านั้น ซึ่งคนประเทศลาวก็เป็นอีกหนึ่งกลุ่มเป้าหมายของห้างนี้ตั้งแต่แรกอยู่แล้ว เพราะฉะนั้นสิ่งที่พิชญ์ชาพรเสนอมานั้นถือว่าดีมากๆ เลยทีเดียว "ตกลง ผมเอาตามที่คุณเสนอมาเลย" "ค่ะ" พิชญ์ชาพรยิ้มอย่างยินดีพร้อมกับก้มหน้าลงเล็กน้อย "เลขาฯ ของคุณเก่งมากคุณคีรินภัทร ผมไม่แปลกใจเลยว่าทำไมบริษัทคุณถึงได้รับความน่าเชื่อถือมายาวนาน เพราะนอกจากจะมีผู้บริหารเก่งๆ อย่างคุณแล้ว ยังมีเลขาฯ คู่คิดที่มีคุณภาพแบบนี้นี่เอง" อันนพพูดพลางตบต้นแขนของคีรินภัทรเบาๆ พร้อมยิ้มชื่นชม "ขอบคุณครับ" คีรินภัทรน้อมรับคำชมแต่โดยดี ไม่ปฏิเสธว่าตัวเองเก่ง และก็ไม่ปฏิเสธด้วยว่ามีเลขาฯ ที่เก่งและมีคุณภาพ เพราะถ้าตัดเรื่องอื่นๆ ออกไป แล้วมองแค่ในเรื่องของการทำงาน พิชญ์ชาพรเก่งและมีคุณภาพ สามารถทำงานเข้ากับเขาได้ดีมากจริงๆ ทำงานเก่งสมกับเกียรตินิยมอันดับหนึ่งที่เธอได้มานั่นแหละ แต่ถ้าเอาเรื่องอื่นเข้ามาเกี่ยวด้วย เธอก็เก่งอีกอยู่ดี ทั้งเที่ยวเก่ง เถียงเก่ง บ่นเก่ง และความเก่งที่เพิ่มมาล่าสุดก็...หยอดเก่ง!
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD