“เดี๋ยวหนูไปเอากาแฟแก้วใหม่มาให้นะคะ”
มีนาเอ่ยพรางรีบลุกขึ้น ก้าวเท้าออกจากหน้าโต๊ะไปอย่างไว หัวใจเต้นแรงจนแทบไม่เป็นจังหวะ ขณะที่สายธารยังคงจ้องมองแผ่นหลังบางของเธอแทบไม่ละสายตา
คิ้วหนาคมของเขาขมวดเข้าหากันอย่างแปลกใจ ถึงแม้เขาจะรู้ดีว่ามันเป็นไปไม่ได้ แต่ความรู้สึกบางอย่างกลับพาให้เขาเผลอคิดไปว่า 'ดวงตาและแววตาที่เธอมีตอนที่ไม่มีแว่นนั้น เหมือนกับผู้หญิงคนนั้นเมื่อคืนก่อนเอามากๆ แต่เธอซุ่มซ่ามเกินไป ต่างกับผู้หญิงคนนั้นที่ทั้งสวยและทั้งเซ็กซี่ แถมยังมีเสน่ห์รุนแรงแบบนั้นด้วย ไม่มีทางเป็นคนเดียวกันได้หรอก'
เขาพึมพำกับตัวเองเงียบๆ ก่อนจะสลัดความคิดนั้นทิ้งไป แล้วลุกขึ้นถอดเสื้อเชิ้ตตัวที่เลอะออก เผยให้เห็นมัดกล้ามเป็นลอนที่หน้าท้อง พร้อมกับมัดกล้ามเนื้อบนต้นแขนที่เป็นมัดๆราวกับก้ามปู
ไม่นานมีนาก็กลับมาพร้อมกับกาแฟแก้วใหม่ ทันทีที่ประตูเปิดออกภาพตรงหน้าก็ทำให้หัวใจของเธอเต้นแรงไม่เป็นจังหวะ ร่างสูงใหญ่ของสายธารยืนอยู่กลางห้องในสภาพไร้เสื้อ เผยให้เห็นผิวสีแทนเรียบเนียนกับกล้ามเนื้อแน่นเป็นลอน ซิกซ์แพ็กชัดเจน มีนาชะงักไปในวินาทีนั้น ดวงตาเผลอจ้องไปยังลำตัวกำยำของเขาอย่างลืมตัว ความร้อนแผ่วแล่นผ่านผิวแก้มขึ้นมาอย่างห้ามไม่ได้
“วะ…ว้าย!! ท่านประธานถอดเสื้อทำไมคะ”
เสียงแหลมตื่นตระหนกหลุดออกมาจนตัวเธอสั่น แก้มขาวทั้งสองข้างแดงระเรื่อขึ้นด้วยความเขินอาย
“เสื้อมันเลอะฉันก็ต้องเปลี่ยนสิ จะให้ฉันใส่เลอะๆแบบนี้รึไง”
สายธารตอบเรียบๆ ราวกับไม่ได้สนใจความตื่นตระหนกของเธอเลยสักนิด แต่ความหงุดหงิดปรากฏชัดในแววตา เสียงนั้นเต็มไปด้วยความหงุดหงิดและไม่พอใจ
มีนาก้มหน้าลงรีบวางแก้วกาแฟตรงหน้าของเขา หัวใจดวงน้องเต้นแรงราวกับจะกลองที่ถูกตีรัวๆ พร้อมมือสั่นระริกไปหมด เธออดไม่ได้ที่จะเหลือบตาขึ้นมองซิกซ์แพ็กนั้นอีกครั้ง
“มองอะไร”
เสียงทุ้มต่ำของสายธารดังขึ้นอย่างเย็นชา ทำให้มีนาสะดุ้งเฮือกรีบก้มหน้าลงในทันที
“ปะ...เปล่าค่ะ เอ่อ...งั้นหนูขอรับผิดชอบ เอาเสื้อของท่านประธานไปซักให้นะคะ”
มีนาเอ่ยพรางหันหลังให้เขา เธอไม่กล้าที่จะเงยหน้าขึ้นมามองแม้แต่น้อย พร้อมเม้มริมฝีปากลงแน่น
"ก่อนหน้านี้เธอเคยเอาเสื้อของใครไปซักให้แบบนี้หรือเปล่า"
เขาเอ่ยถามพร้อมยกเสื้อตัวใหม่ขึ้นสวม ก่อนจะก้มหน้าปิดกระดุมทีละเม็ด แล้วเหลือบตามองเลขาเฉิ่มที่ยืนนิ่งอยู่ตรงนั้นไม่กล้าสบตา ราวกับการถอดเสื้อต่อหน้าผู้หญิงเป็นเรื่องปกติ
“ท่านประธานหมายความว่ายังไงคะ”
มีนาพูดเบาๆพร้อมหัวใจเต้นแรง นึกถึงเสื้อตัวที่เธออ้วกใส่แล้วเขาไล่ให้เธอเอาเสื้อไปซักให้ แล้วตอนนี้เสื้อตัวนั้นก็ยังอยู่กับเธอเช่นเดิม เพราะไม่รู้จะเอาไปคืนด้วยวิธีไหนดี
"เออช่างมันเถอะ สภาพเฉิ่มเบอะอย่างเธอคงไม่เคยหรอก"
“เคยหรอคะ เคยอะไรคะท่านประธาน”
มีนาค่อยๆหันมามองใบหน้าของเขาด้วยความสงสัย
“เธอเลิกแต่งตัวรุ่มร่ามแบบนี้สักทีได้ไหม ที่เธอซุ่มซ่ามก็เพราะชุดรุ่มร่ามของเธอนี่แหละ เห็นแล้วฉันหงุดหงิดแทน”
เขาอดไม่ได้ที่จะตำหนิ เมื่อเห็นว่าชุดของเธอมันรุงรังไปหมด ลำพังแค่เธอเดินเฉยๆก็ซุ่มซ่ามมากพออยู่แล้ว เธอยังมาแต่งตัวให้มันดูเกะกะเข้าไปอีก
“แต่หนูก็ว่า มันไม่ได้เป็นปัญหาในการทำงานเลยนะคะท่านประธาน”
มีนาเอ่ยพร้อมสีหน้าใสซื่อ พร้อมทั้งก้มมองดูชุดของตัวเอง ที่เธอคิดว่ามันก็ดูไม่ได้แย่ขนาดนั้น
“แต่มันเป็นปัญหาสำหรับฉัน ฉันไม่รู้เลยว่าวันไหนเธอจะล้มทับหัวฉันอีก”
สายธารตอบเสียงเข้มปนหงุดหงิด จ้องมองหน้าเธออย่างหัวเสีย ใจจริงอยากถามออกไปเลยด้วยซ้ำว่าเธอแต่งตัวเป็นหรือเปล่า แต่ก็ไม่อยากทำร้ายจิตใจเธอขนาดนั้น
มีนารีบก้มหน้าลง ยกมือไหว้ย่อตัวลงอย่างสุภาพพร้อมรู้สึกผิด
“หนูขอโทษค่ะ ครั้งหน้าหนูจะระวังให้มากกว่านี้นะคะ”
สายธารพยักหน้าเพียงเล็กน้อย
“อืมพอเหอะ เลิกพูดแล้วออกไปได้แล้วฉันจะทำงาน”
“ค่ะท่านประธาน”
มีนาไม่ลืมที่จะเดินเข้าไปหยิบเสื้อที่เลยของเขามาถือไว้ ก่อนจะหมุนตัวแล้วก้าวไปยังประตู แต่เพราะใจยังเต้นแรงและไม่ทันระวัง เธอเปิดประตูกระแทกที่หน้าผากของตัวเองอย่างจัง
“อ๊ะ!! โอ้ย…”
มีนารีบยกมือขึ้นถูหน้าผากตัวเองไปมา ก่อนจะก้าวถอยออกจากประตูแล้วรีบเดินออกไป เพราะไม่อยากได้ยินคำพูดของเขาว่าเธอซุ่มซ่ามอีก และเธอก็อับอายมากด้วย เขาเพิ่งจะบ่นเธอไปเมื่อสักครู่นี้เอง ผ่านไปเพียงแค่ไม่กี่นาทีเท่านั้นเธอก็เดินชนประตูเข้าอีก
สายธารนั่งมองแผ่นหลังบางของเธอ ก่อนจะถอนหายใจหนักๆ
“เฮ้อ…นี่ฉันเอาตัวอะไรมาเป็นเลขาฉันวะเนี่ย”
เขาพึมพำกับตัวเอง พร้อมทั้งทรุดตัวลงนั่งบนเก้าอี้ด้วยท่าทางเหนื่อยหน่าย ปนความหงุดหงิดเล็กน้อย
ก๊อก ก๊อก ก๊อก
"เข้ามา"
สายธารเอ่ยอนุญาตก่อนจะเห็นมีนาเปิดประตูเข้ามา
"คุณตี๋มาแล้วค่ะท่านประธาน"
มีนาเอ่ยจบตี๋ก็เดินเข้ามาภายในห้องทันที ก่อนที่มีนาจะหมุนตัวกลับไปที่ประตูห้อง เพื่อกลับไปทำงานของตัวเองต่อ ปล่อยให้ผู้เป็นนายและคนสนิทได้คุยกันตามลำพัง
"ครับท่าน"
"ฉันต้องการให้นายตามหาคน"
"คน...ใครหรอครับท่าน"
"เธอเป็นผู้หญิงคนหนึ่ง"
สายธารเอ่ยขึ้นทำให้มีนาที่กำลังก้าวออกไปจะพ้นประตูชะงักทันที แต่เธอก็เลือกที่จะเดินต่อแล้วปิดประตูลงอย่างเงียบๆ เพราะไม่อยากให้ใครต้องคิดว่าเธอชอบแส่ไม่เข้าเรื่อง
"ได้ครับท่าน"
ตี๋รับคำก่อนที่สายธารจะยื่นข้อมูลให้เขา ซึ่งเป็นข้อมูลคร่าวๆที่ไม่มีอะไรชัดเจนเลย
"ข้อมูลมีแค่นี้หรอครับท่าน"
"ใช่ ฉันต้องการให้นายตามหาเธอให้เจอโดยเร็วที่สุด"
"ขอโทษนะครับท่าน ไม่ทราบว่าเธอทำอะไรให้ท่านไม่พอใจหรือเปล่าครับ"
ตี๋อดไม่ได้ที่จะเอ่ยถาม เพราะปกติแล้วสายธารไม่เคยให้เขาตามหาใครแบบนี้มาก่อน
"นั่นไม่ใช่หน้าที่ของนาย นายแค่ตามหาเธอให้เจอก็พอ"
เสียงเข้มเอ่ยบอกลูกน้องพร้อมตวัดสายตามองนิ่ง ทำให้ตี๋รีบก้มหน้าลงหลบสายตาทันที
"ครับท่าน"
ตี๋รับคำพร้อมก้มหัวลงเล็กน้อยก่อนจะหันหลังเดินตรงไปที่ประตูทันที และหลังจากนั้นตี๋ก็พยายามหาข้อมูลของผู้หญิงปริศนานี้ทุกช่องทาง แต่ก็ไม่เจอข้อมูลอะไรเลย ในขณะที่สายธารเองก็ตามสืบหาข้อมูลไม่แพ้กัน แต่ก็ยังไม่เจอและไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเธอเป็นใคร
สามวันต่อมา
“แกเที่ยงแล้วออกไปกินข้าวกันเถอะ”
เพลงเดินตรงมาที่โต๊ะทำงานของมีนา ด้วยรอยยิ้มสดใสเมื่อถึงเวลาพัก
“งานฉันยังไม่เสร็จเลยแก”
มีนาตอบขณะที่มือก็ยังยุ่งอยู่กับเอกสาร
“นี่มันเที่ยงแล้วนะ ถ้าไม่ไปกินตอนนี้แกก็ไม่มีเวลาแล้วนะ ลุกขึ้นได้แล้วเร็วเดี๋ยวค่อยกลับมาทำต่อก็ได้”
เพลงเอ่ยเสียงอ้อน
“อืม…งั้นแป๊บนึงขอเก็บเอกสารตรงนี้ก่อนนะ”
มีนาไม่เงยหน้าขึ้นมามองเพื่อนรักแม้แต่น้อย
“วันนี้ฉันอยากกินข้าวหน้าเนื้อน่ะแก พาฉันไปหน่อยสิ”
เพลงเอ่ยทันทีที่เห็นเอกสารถูกเก็บเรียบร้อย
“ได้สิแก”
มีนายิ้มตอบ
“น่ารักที่สุดเลย ฉันว่ายังไงแกก็ต้องพาฉันไปแน่ๆ แกไม่ปฏิเสธฉันอยู่แล้ว”
เพลงหัวเราะร่าดีใจที่จะได้กินของชอบ
“จ้า...แสนรู้จริงๆเลยนะแกเนี่ย”
มีนายิ้มตอบพร้อมยกมือขึ้นมาบีบแก้มของเพลงเบาๆ
“โอ้ย! ฉันเจ็บนะแก ฉันเป็นคนยะไม่ใช่หมา”
เพลงยักคิ้วพร้อมดึงมือของมีนาออกจากแก้มของตัวเอง
“อ้าวหรอหึหึ! ไม่บอกไม่รู้เลยนะเนี่ย”
มีนาอมยิ้มขำเบาๆตอบ ไม่วายที่จะพูดกวนเพื่อนต่อ
"ชิ...ไปได้แล้วแกฉันหิวจนไส้จะกิ่วอยู่แล้ว"
เพลงเอ่ยก่อนจะยกมือมาดึงมือของมีนา แล้วทั้งคู่ก็เดินไปที่ลิฟท์พร้อมกัน คุยกันไปยิ้มไปราวกับโลกทั้งใบ เต็มไปด้วยความสดใสและความสุข
ทั้งคู่มาถึงร้านข้าวหน้าเนื้อชื่อดัง ภายในห้างสรรพสินค้าที่อยู่ไม่ไกลจากบริษัทนัก หลังจากพนักงานเดินมารับออเดอร์ ทั้งสองก็ไม่รอช้าที่จะสั่งอาหารมาทานทันทีด้วยความหิว
“ฮืม…อร่อยจังเลยแก”
มีนาพูดเสียงอู้อี้พลางเคี้ยวตุ้ยๆ ดวงตาหลับพริ้มราวกับกำลังเสพความสุขจากรสชาติเนื้อนุ่มละลายในปาก ความเหนื่อยล้าที่สะสมมาตลอดทั้งเช้า ถูกแทนที่ด้วยของอร่อยๆนี่มันดีจริงๆ
“หึ! ฉันบอกแล้วไงว่าร้านนี้เด็ด ถ้าแกมัวแต่นั่งทำงานอยู่ที่โต๊ะ ป่านนี้แกต้องพลาดของอร่อยไปแน่ๆ และที่สำคัญฉันจะบอกว่าเขาขายถึงบ่ายสองเท่านั้นนะจ๊ะ หมดแล้วหมดเลยไม่มีเพิ่ม”
เพลงยิ้มภูมิใจที่ลากเพื่อนรักออกมาทานด้วยกันได้
“นั่นสิแก ดีที่ฉันยอมมากับแก ไม่งั้นวันนี้คงอดได้กินของอร่อยแบบนี้แน่ๆเลย”
มีนาพูดทั้งที่ยังมีข้าวเต็มปาก เสียงหัวเราะเบาๆระหว่างเพื่อนสนิทสองคน ดังผสมกับบรรยากาศคึกคักของผู้คนภายในร้าน
จนกระทั่งทั้งคู่ทานอิ่มกำลังจะลุกไปเช็กบิล ทว่าสายตาของเพลงก็พลันหยุดชะงัก ร่างแข็งค้างไปชั่วขณะก่อนจะรีบคว้าแขนเพื่อนรักเขย่าเบาๆ