10 ปากพล่อยๆ

1524 Words
“เรื่องขนส่ง ฉันจะให้ทีมกฎหมายร่างสัญญาใหม่ให้ละเอียดกว่าที่เคย ใครมีข้อเสนอเพิ่มอีกไหม” เสียงทุ้มของเขาก้องกังวานไปทั่วห้อง ทุกคนต่างเงียบลงเมื่อไม่มีใครอยากออกความคิดเห็นต่อ มีนาคอยนั่งจดบันทึกทุกคำอย่างตั้งใจ ปากกาวิ่งฉิวไปบนกระดาษโดยไม่พลาดแม้แต่คำเดียว ใบหน้าของเธอยังคงก้มต่ำ แต่ในใจกลับแอบรู้สึกภูมิใจเล็กๆ ที่ก่อนหน้านี้สิ่งที่เธอพูดไป ได้รับการยอมรับจากสายธารแม้เขาจะไม่เอ่ยชมตรงๆก็ตาม “ถ้าไม่มีแล้วการประชุมก็จบแค่นี้” น้ำเสียงทรงอำนาจตัดบทอย่างเฉียบขาด ก่อนสายธารจะลุกขึ้นยืนเต็มความสูง สูทสีเข้มตัดกับร่างกายที่สง่า ทำให้ทุกสายตาในห้องประชุมหันมามองอย่างเกรงขาม ทุกคนทยอยเก็บเอกสารและออกจากห้องทีละคน เสียงเก้าอี้ขยับดังแผ่วๆ จนในที่สุดบรรยากาศในห้องเริ่มเงียบลง มีนายังคงก้มหน้ารวบเอกสารลงแฟ้ม เธอกำลังจะลุกขึ้นแต่เสียงเข้มที่ดังขึ้นกลับทำให้ร่างกายเธอชะงัก “เลขาอยู่ก่อน” มือเล็กที่กำลังจะเก็บแฟ้มชะงักค้างทันที ดวงตากลมโตเบิกเล็กน้อยก่อนจะค่อยๆ เงยหน้าขึ้นสบสายตาคมที่กำลังจ้องมาอย่างเย็นชา หัวใจของมีนาสั่นระรัวในหัวคิดไปถึงเรื่องเมื่อคืน ใช่เธอคิดเลยเถิดไปถึงเรื่องนั้นตลอดทั้งการประชุม และทุกครั้งที่เธอเผลอสบตากับเขา เธอก็กลัวเขาจะพูดถึงเรื่องนี้ตลอด ทั้งที่เขาไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเธอคือสาวแซ่บที่ร้องครางใต้ร่างของเขาทั้งคืน “ค่ะท่านประธาน” มีนาเอ่ยเบาๆ ดวงตาแอบสั่นไหวด้วยความสงสัยปนเกร็ง ก่อนจะก้มหน้ารับคำสั่งอย่างว่าง่าย “ชงกาแฟให้ฉันแล้วเอาไปวางไว้ที่ห้อง ฉันคุยธุระกับคุณแพนเสร็จเดี๋ยวฉันตามไป” น้ำเสียงทรงอำนาจของสายธารก้องสะท้อนในห้องประชุม “ได้ค่ะท่านประธาน” หญิงสาวโค้งเล็กน้อยก่อนเดินออกจากห้องด้วยหัวใจที่เต้นแรง เธอคิดว่าคงจะเป็นเรื่องงานสำคัญอะไรสักอย่าง และในตอนนี้เธอก็ระแวงไปซะหมด แต่กลับกลายเป็นเพียงคำสั่งธรรมดา ไม่เกี่ยวกับเรื่องที่เธอคิดกลัวเลยสักนิด ทันทีที่ประตูปิดลงเธอก็ก้าวเท้าตรงไปที่ห้องเครื่องดื่มทันที เสียงกระซิบกระซาบของพนักงานสาวสอง คนและพนักงานหนุ่มอีกหนึ่งคน ก็ดังขึ้นอย่างอดไม่ได้ “แกเห็นสายตาของท่านประธานมองยัยเฉิ่มเมื่อกี้มั้ย ยังนั่นคงจะภูมิใจตายล่ะสิ ที่ได้เสนอความคิดเห็นง่อยๆแบบนั้นน่ะ” ตะวันเบ้ปากพลางยักไหล่ราวกับคำพูดของตัวเองช่างสะใจ “จริงด้วยแก ความคิดเห็นกิ๊กก๊อกแบบนั้นใครก็เสนอได้ทั้งนั้น อยู่ที่ว่าท่านประธานจะเห็นด้วยหรือเปล่า” วาดรีบเสริมสีหน้าดูถูกจนเก็บไม่มิด "นั่นสิแกไม่รู้ไปหลงเสน่ห์อะไรอย่างนั้นนักหนา เฉิ่มก็เฉิ่ม แต่งตัวก็โคตรเชยอย่างกับป้าข้างบ้าน" ตะวันยังไม่วายที่จะตำหนิมีนาไม่หยุด ทั้งที่เธอก็ไม่เคยไปตามความเดือดร้อนให้กับคนทั้งสามเลย แถมยังช่วยงานพวกเธอด้วยซ้ำ โอบที่ยืนกอดอกอยู่ข้างๆ ก็พูดขึ้นด้วยน้ำเสียงมั่นใจราวกับรู้ความลับใหญ่โต “พวกเธอไม่รู้กันหรือไงยัยเฉิ่มนั่นมีแฟนนะ แถมแฟนยังเป็นถึงคู่แข่งของบริษัทท่านประธานด้วย เหมือนจะชื่อบอสหรืออะไรซักอย่างนี่แหละ” “จริงใช่ๆ ฉันก็เคยได้ยินยัยเฉิ่มมันเมาท์กับยัยเพลงเหมือนกัน ว่ามีแฟนแล้วนั่นแหละฉันเคยแอบได้ยินมาเหมือนกัน” ตะวันตาโตขึ้นมาทันทีที่วาดพูดจบ ก่อนจะหัวเราะหยันขึ้นด้วยความพอใจ “ผู้ชายคนนั้นรสนิยมบัดซบชะมัด มีผู้หญิงสวยๆอยู่เต็มเมืองไม่เลือก กลับไปคว้ายัยเฉิ่มนี่มาเป็นแฟนน่าอายแทนว่ะ” เสียงหัวเราะคิกคักปนเหยียดหยามดังขึ้นเรื่อยๆ “พวกเธอพูดเรื่องบ้าอะไรน่ะ!!” เสียงเข้มแหวขึ้นแทรกจนทั้งสามสะดุ้งโหยง หันไปก็เห็นเพลงกำลังเดินตรงมาพร้อมถาดกาแฟในมือ แววตาของเธอสาดประกายเดือดจัด “มันเรื่องอะไรของพวกเธอที่จะมานั่งนินทาเพื่อนฉันแบบนี้ พวกเธอไม่ต้องทำงานกันหรือยังไง ถึงเอาแต่มานั่งนินทาคนอื่นกันสนุกปากอยู่แบบนี้ หรือว่าท่านประธานจ้างพวกเธอมานั่งเม้าท์เล่น หาเรื่องคนอื่นกันไปวันๆงั้นหรอ” เพลงตอกกลับเสียงดังชัดถ้อยชัดคำ ตะวันกับวาดชะงักกึกใบหน้าเริ่มซีดเผือด ส่วนโอบก็หันหน้าหนีเล็กน้อยอย่างไม่สบตา มีนาที่ยืนอยู่ข้างๆเพลงเธอก็ชะงักไปเช่นกัน ดวงตาเบิกเล็กน้อยเมื่อเห็นเพื่อนสนิทลุกขึ้นปกป้องเธอเต็มตัว บรรยากาศแถวนั้นเงียบกริบ สายตาของพนักงานคนอื่นๆ ที่เดินผ่านเริ่มเหลือบมองเข้ามาเหมือนอยากรู้ ทันทีที่เสียงของเพลงดังขึ้น สามสาวถึงกับชะงัก หันหน้ามามองอย่างไม่สบอารมณ์ “ก็พูดตามความจริงไม่เห็นจะผิดตรงไหน” ตะวันยกแขนกอดอกพร้อมทำหน้าทะเล้นอย่างไม่เกรงกลัว “จริงตรงไหนกันวะ สักแต่จะพูดให้คนอื่นเขาเสียหาย เรื่องไร้สาระแบบนั้นก็กล้าเอามาพูดกันปากพล่อยๆ ไม่อายปากตัวเองรึไง พวกเธอดีกว่าเพื่อนฉันตรงไหนถึงเอาเธอไปพูดเสียหายแบบนั้น" เพลงย้อนเสียงดังจนพนักงานที่เดินผ่านไปมาหยุดมอง มีนายืนอยู่ข้างๆรีบยกมือไปแตะแขนเพลงเบาๆ กระซิบเสียงแผ่วเมื่อเธอเห็นว่าพนักงานคนอื่นๆเริ่มมารุมเยอะขึ้น “พอเถอะแกอย่าไปมีเรื่องกับพวกนี้เลย” แต่เพลงกลับยิ่งขึ้นเสียง “ฉันไม่พอใจ คนเราจะนินทาใครมันก็ต้องมีมูลบ้างสิ ไม่ใช่มโนปั้นเรื่องขึ้นมาเองแล้วเอาไปพูดเสียๆหายๆแบบนี้” วาดหันมาค้อนใส่ทันที “ทำอย่างกับตัวเองเป็นแม่พระ ไม่เคยนินทาใครงั้นแหละ” “ใช่ ฉันอาจจะนินทาเหมือนกัน และฉันก็นินทาพวกแกนั่นแหละ แต่ฉันไม่เคยโกหกปั้นเรื่องเพื่อทำลายใคร” เพลงตอกกลับทันควัน บรรยากาศตรงมุมนั้นเริ่มดึงสายตาคนทั้งชั้นให้หันมาสนใจมากขึ้น พนักงานหลายคนเริ่มกระซิบกระซาบ แต่มีนารีบก้มหน้ากอดแฟ้มแน่น ใบหน้าขาวซีดด้วยความอึดอัด “แกพอแล้วเพลง คนมองกันเต็มไปหมดแล้ว ฉันไม่อยากให้เรื่องถึงหูของท่านประธาน แกก็รู้นี่ว่าฉันเป็นเลขาของท่านประธาน ฉันต้องโดนหนักกว่าคนอื่นแน่ๆ พอก่อนไว้ค่อยไปต่อที่อื่นที่นี่ไม่เหมาะ” เสียงมีนาเอ่ยห้ามเพลง ไม่ใช่เพราะเธอกลัวแต่เพราะเธอไม่อยากมีเรื่องในบริษัทมากกว่า “อืม…ก็ได้ นี่เห็นว่ากลัวว่าแกจะโดนท่านประธานดุหรอกนะ ฉันถึงยอม” เพลงยอมลดเสียงลงทั้งที่ใบหน้าบึ้งตึงชัดเจน น้ำเสียงยังคงขุ่นมัว เหมือนต้องกลืนคำด่าแสบๆคันๆลงคอ เพราะจริงๆแล้วเธออยากจะกระโจนเข้าไปกระชากผมสามคนตรงหน้า แล้วขยี้ให้เละไม่ต่างจากผ้าขี้ริ้วซะด้วยซ้ำ “หึ! นึกว่าจะแน่” ตะวันแค่นหัวเราะลอยๆ แต่จงใจให้คนทั้งสองได้ยินชัด เพลงหันขวับดวงตาวาวโรจน์ทันที กำมือแน่นจนเส้นเลือดปูด มืออีกข้างเผลอขยี้ขอบถาดกาแฟจนสั่นเครือ เธอสูดลมหายใจลึก กลืนความเดือดลงท้องพยายามไม่ระเบิดออกมา เพราะรู้ดีว่าถ้าเธอหลุดตอนนี้ คนที่จะซวยไม่ใช่แค่เธอแต่รวมถึงมีนาด้วย “สงสัยเห็นว่าเพื่อนตัวเองมันเฉิ่มจริงๆล่ะสิ ถึงได้ไม่กล้าเถียงต่อ ก็ดูสภาพชุดที่ใส่มาสิยังกะจะไปขายของตลาดนัด มากกว่ามาทำงานบริษัทใหญ่ๆแบบนี้” วาดกระแทกเสียงพลางกวาดตามองตั้งแต่หัวจรดเท้ามีนา สายตานั่นเต็มไปด้วยความดูถูกเหยียดหยาม "ถ้าไม่อยากให้คนอื่นเขาว่าก็หัดแต่งตัวให้มันดูดีหน่อยสิ ไม่ใช่แต่งตัวโคตรเชยแล้วรับไม่ได้เวลาที่คนอื่นเขาวิจารณ์" โอบพูดพร้อมทั้งมองมีนาด้วยสายตาที่บ่งบอกว่าไม่ชอบชัดเจน คำพูดนั้นบาดลึกยิ่งกว่าใบมีด มีนาก้มหน้าลงมองชุดตัวเองทันที มือทั้งสองข้างสั่นน้อยๆ หัวใจเหมือนถูกบีบรัดจนหายใจแทบไม่ออก ส่วนเพลงดวงตาของเธอแดงก่ำ ขากรรไกรขบกันแน่นจนรู้สึกเจ็บ เสี้ยววินาทีเดียวเท่านั้นที่เธอเกือบจะพุ่งใส่วาดกับตะวันอยู่แล้ว แต่เพราะมีนาแอบสะกิดแขนเบาๆราวกับขอร้องว่าอย่า เพลงจึงได้แต่กัดฟันกรอด ดันลมหายใจแรงๆออกมาเท่านั้น
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD