ณ เรือนอวี้ฮวา
หลุนเหอจิ้งอาบน้ำเสร็จเรียบร้อยกำลังรับสำรับเย็นอย่างสบายอารมณ์ นางดื่มชาโม่ลี่ฮวาเพื่อผ่อนคลาย ใส่ชุดนอนบางเบาสีฟ้าครามอมม่วงที่นางออกแบบสั่งตัดมาจากร้านผ้า อย่าเรียกว่าชุดนอน เพราะถ้าใส่ชุดนี้อยู่กับผู้ชายมันจะเป็น ‘ชุดนอนไม่ได้นอน’ ซะมากกว่า
สาวใช้เห็นชุดนั้นก็ได้แต่ทำหน้าไม่ถูก ก้มหน้าแดง คนเห็นกลับอายเสียเอง ไม่เคยเห็นคุณหนูในห้องหอ คุณหนูผู้ดีมีชาติตระกูลคนใดใส่อาภรณ์เปิดเผยเรือนกายอย่างอาภรณ์ของพระชายา ช่างน่าอาย ช่างน่าอาย แต่สาวใช้ก็มิกล้าพูดมากเพราะอากาศค่อนข้างอบอ้าว
นอกจากใส่ชุดนอนไม่ได้นอนเดินไปมาอย่างไม่อายฟ้าดินในเรือนของตนเองแล้ว นางยังกล้าไปเปิดหน้าต่างรับลมอีก สาวใช้ถึงกับต้องเอาชุดคลุมวิ่งตามนาง ทั้งบังคับ ขอร้องและขู่เข็ญให้นางใส่ นางก็หาได้สนใจไม่
“อย่ามายุ่งกับข้า ข้าจะใส่อันใดมันก็เรื่องของข้า”
“พระชายาเพคะ หากผู้ใดมาเห็นเข้า มันจะไม่งามนะเพคะ” สาวใช้ยังพยายามต่อ
“พวกเจ้าอยากใส่ก็ใส่เองหรืออยากถือไว้เช่นนั้นทั้งคืนก็ตามใจ” นางได้แต่บอกแบบเบื่อๆ
หลุนเหอจิ้งไม่ได้ไปรับสำรับเย็นกับสวามี เพราะอะไรน่ะเหรอ เพราะนางเบื่อ กินข้าวกันทุกวันก็เบื่อเป็นเหมือนกัน อีกอย่างเหตุการณ์บีบหน่ม น๊มเพิ่งผ่านไปหยกๆ ยังไม่มีอารมณ์อ่อยเขาพร่ำเพรื่อ
ทั้งเหนื่อยและเสียขวัญที่ม้าอั่งเปาของนางล้มพับกลางทาง อยากจะนอนเร็วๆ หน่อย ถ้าจะให้มาสู้กับผู้ชายที่อยากบีบหน่ม น๊มอีกคืน คงไม่ไหว ขอ Say No ก่อนนะ ยังไม่มี mood
เหยียนจื่อหยาเดินไปเดินมาในห้องนอนตำหนักของตนเอง ครุ่นคิดเรื่องยันต์ปราบปีศาจ เขานำยันต์มาไว้ในอกเสื้อ คิดว่าจะเดินไปดูลาดเลาสักเล็กน้อย เผื่อมีโอกาสเหมาะๆ ไปแปะยันต์ จะได้ทำการให้แล้วเสร็จ
ร่างสูงใหญ่เดินเลียบมาที่เรือนอวี้ฮวาอย่างเงียบเชียบ ชะเง้อคอด้อมๆ มองๆ องครักษ์สองนายที่ยืนเฝ้าหน้าเรือนค้อมกายคารวะ
“ชู่ววววว อย่าเสียงดัง ข้าจะมาแอบดูชายาข้าหน่อย” จวิ้นอ๋องเอานิ้วจุ๊ปากบอกไม่ให้เสียงดัง
“เหตุใดไม่เข้าไปเล่าขอรับจวิ้นอ๋อง” องครักษ์กระซิบตอบให้เบากว่า
“เอาน่า มันเรื่องของข้า” เขายิ่งตอบแบบเบาสุดเสียง
องครักษ์ได้แต่ยืนมองหน้ากัน นับวันจวิ้นอ๋องยิ่งทำตัวประหลาด ตั้งแต่ชายาฟื้นขึ้นมาก็แทบไม่เป็นคนเดิม หรือท่านจวิ้นอ๋องแม่ทัพใหญ่จะโดนมนต์กามาจากชายาตน ถึงต้องดั้นด้นมาแอบดูข้างหน้าต่างราวกับบุรุษวิตถาร
เขาไม่ได้อยากมากวนนางนัก เขารู้ว่านางเหนื่อย แต่องครักษ์หลี่เว่ยรายงานว่านางเสียขวัญเพราะม้าเสียหลักกลางทาง เขาแค่จะมาแอบดูให้คลายว้าวุ่นเท่านั้น ว่านางไม่เป็นอันใด จะได้คลายใจ
แม่ทัพหนุ่มหล่อเดินเลียบไปข้างหน้าต่าง เห็นหน้าต่างเปิดแง้มอยู่ก็สอดส่ายสายตาเข้าไปมองภายในเรือนของนาง
นางนั่งเล่นอยู่บนเตียง เขาแทบอยากจะร้อง OH! MY GOD เลยทีเดียว ชุดบางเบานั่นทำให้เขาน้ำลายไหล นั่งเหม่อมองหัวใจเต้นแรง อยากกระโดดเข้าไปทางหน้าต่าง แล้วจับนางมาเคี่ยวกรำสักห้ารอบทั้งคืน
นางกำลังนำเสื้อผ้าชุดเดิมๆ ออกมาจ่ายแจกให้สาวใช้คนสนิทเลือกเอาไปใส่เวลามีการมีงาน
“พวกเจ้าเอาชุดเก่าข้าพวกนี้ไปไว้ใส่ยามมีการมีงานต้องติดตามข้า ข้ายกให้” นางกล่าวอย่างอารมณ์ดี
“ขอบพระทัยพระชายาเพคะ” สาวใช้สี่ห้านางคนเข้ามารุมเลือกชุดเก่านางที่มีแต่สีขาวไม่มีลายปักอะไรเลย เป็นชุดที่เรียบร้อยมาก จืดชืด มองดูแล้วอย่างกับแม่ชีอารามจิ้นสือ
ร่างอวบอิ่มโค้งเว้านั่งไขว่ห้างอยู่บนเก้าอี้กลางห้อง กำลังรินชาใส่จอก ขาขาวเรียวยาว กับซาลาเปายักษ์คู่นั้นช่างยั่วยวน แม่ทัพหนุ่มครุ่นคิดอย่างหนักว่าจะเอาอย่างไรต่อดี เขาอยากเข้าไปหานางเต็มทีแล้ว แก่นกายเบื้องล่างแข็งขึงปวดไปหมดอยากเข้าไปจับนางกดใต้ร่างเข้าหอมันวันนี้เลยดีกว่า เรื่องยันต์สยบปีส่งปีศาจอะไรนั่นเอาไว้ก่อน
พลันได้ยินเสียงหวานเอ่ยขึ้นกับสาวใช้
“พวกเจ้าออกไปนอนได้แล้ว ข้าง่วง”
เขาหน้ามุ่ยทันที ขืนเข้าไปคงโดนนางไล่ออกมาเป็นแน่ ได้แต่มองซ้ายมองขวาว่าไม่มีใคร ใช้เสื้อคลุมมาปิดมังกรยักษ์ที่กำลังตั้งโด่เด่แทบจะทะลุกางเกงนอน ใช้วิชาตัวเบาสะกิดปลายเท้ากลับตำหนักไป
คิดในใจว่าไม่น่ามารนหาที่ให้อารมณ์ค้างเลย แล้วจะไปลงที่ไหน สาวใช้อุ่นเตียงสักคนก็ไม่เคยมี ใครจะไปนึกว่าชุดนอนของชายามันจะยั่วสุดยั่ว
เอิ่ม..........
ท่านพี่เจ้าคะ ช่วยเอายันต์สยบปีศาจไปใช้ก่อนก็ได้เจ้าค่ะ เป็นยันต์สยบปีศาจราคะในใจตน
ณ สถานที่สวยงามแห่งหนึ่ง สวยงามดั่งสวรรค์ในแคว้นฝู
ในห้องนอนขนาดใหญ่กว้างขวางโอ่อ่าสุดหรูหรา มีบุรุษผู้หนึ่งกำลังนั่งรินสุรารสแรงใส่จอก จอกแล้วจอกเล่า
เขาครุ่นคิดถึงนางผู้เดียวกับที่จวิ้นอ๋องกำลังคิดถึงอยู่
มือหนาเรียวเคาะไปบนโต๊ะเคลือบมุกราคาแพงลิบ หยิบจอกสุราทองที่ประดับอัญมณีสีแดงขึ้นดื่ม ที่พื้นมีสาวใช้อุ่นเตียงกึ่งเปลือยกำลังรอปรนนิบัติ
เขาเรียกสตรีนางนั้นมาขึ้นเตียง ถอดผ้าบนเรือนกายนางออกแทบเรียกได้ว่าฉีกกระชาก จูบลงบนซอกขอขาวนั้นแรงๆ มือคลึงอกนางไปมา สาวใช้หน้าตาหมดจดผู้นั้นส่งเสียงครางแว่ว เขาจูบลงไปบนซอกอกเม้มขบเป็นรอยสีดอกเหมย มือหนาบีบที่สะโพกนางแรงๆ
สตรีอุ่นเตียงนางหัวเราะเสียงหวาน
เมื่อได้ยินเสียงหัวเราะของสตรี บุรุษผู้หล่อเหลา ผู้มีกลิ่นอายฆ่าล้างดังเทพสงครามผู้นั้นเหมือนมีเสียงวิ๊ง! ขึ้นในหัว สมองคิดไปถึงใบหน้าสตรีนางหนึ่ง คิดถึงเสียงหัวเราะเมื่อนางควบม้า คิดถึงรอยสีที่เปื้อนบนแก้มขาว คิดถึงท่าทางนางกินเป็ดย่างตัวอ้วน คิดถึงภาพนางวาดสีบนผนัง คิดถึงรอยยิ้มสดใสดั่งดวงตะวัน คิดเรื่อยไปจนถึงภาพนางอยู่ใต้ร่างเหยียนจื่อหยาดังเช่นเขาทำกับสาวใช้อุ่นเตียง
นางจะทำอันใดอยู่หนอยามค่ำคืน จวิ้นอ๋องคงกำลังกอดก่ายชายารักอยู่กระมัง นางคงกำลังนอนหลับอยู่ในวงแขนของผู้อื่น
โทสะเขาแล่นลิ่วปะทุอกอย่างควบคุมไม่อยู่ ผลักนางอุ่นเตียงผู้นั้นออกจากอ้อมกอดโดยพลัน
“ออกไป” เขาตวาดไล่
สาวใช้อุ่นเตียงผู้โชคร้ายได้แต่ลนลานเก็บเสื้อผ้าออกไปอย่างไม่เข้าใจสิ่งที่เกิดขึ้น
บุรุษผู้สง่างามเอามือเสยผมของตนอย่างหงุดหงิดหัวเสีย ครุ่นคิดซ้ำไปซ้ำมาหาเหตุผลให้ตนเอง ว่าเหตุใดหนอเหตุใด ทุก'ห้วงคำนึง'ในใจเขา เขาคิดเพียงเรื่องเดียว คือ การแย่งชิงดวงใจของจวิ้นอ๋อง
น่าอายนัก ที่บุรุษเช่นเขา บุรุษที่สตรีทุกนางในใต้หล้าล้วนสยบแทบเท้า เหตุใดจึงมีความอยากแก่งแย่งชายาของผู้อื่นถึงเพียงนี้