บุรุษผู้สง่างามใส่หมวกพรางหน้า ควบม้าติดตามหลุนเหอจิ้งและหลี่เว่ยมา เห็นสตรีร่างอรชรกำลังควบม้าแข่งกับองครักษ์ด้วยความเร็ว ทักษะความชำนาญการขี่ม้าของนางไม่ธรรมดา
ไม่นานม้าอสนีบาตสีเทาของชายผู้นั้นก็ควบแซงไปอย่างเร็ว
จังหวะควบม้าผ่านเขาเหลือบมองใบหน้าหวานล้ำที่กำลังหัวเราะร่า สีเปื้อนแก้มขาวเนียน ปากอิ่มตึงสีแดงสดยิ้มกว้างจนตาหยี
หัวใจบุรุษเต้นกระตุกจนแทบผิดจังหวะ
ความเร็วม้าของหลี่เว่ยลดลงโดยไม่รู้ตัว เมื่อเห็นม้าอสนีบาตซึ่งเป็นม้าราคาแพงลิบมหาโหด เรียกว่าราคาของมันเท่าการสร้างตำหนักหลังหนึ่งทีเดียว มีเพียงไม่กี่ตัวในแคว้น ม้าศึกแข็งแรงกำยำดุดันทรงพลังหาใดเปรียบ เป็นม้าชั้นเลิศที่มิใช่ใครก็จะมีไว้ในครอบครอง
หากเปรียบกับปัจจุบันมันคือรถ Karlmann King ที่ขับไปไหนคนก็ต้องเหลียวมองจนคอหัก บุรุษผู้นั้นเป็นใครหนอ
บุรุษปริศนาควบม้าอสนีบาตแซงไปไกลลิบ แต่กลับไปหยุดอยู่บริเวณร่มไม้ข้างทาง เขาหยิบหินเล็ก ๆ ขึ้นมาก้อนหนึ่ง บุรุษผู้สง่างามยืนอยู่ข้างม้าสีเทา เพ่งมองไปยังม้าสองตัวของหญิงสาวกับองครักษ์ที่ควบเข้ามาใกล้
ในระยะที่สายตาองครักษ์มองไม่เห็น แต่ใกล้พอที่เขาจะดีดหินใส่ขาม้าของนางได้ หินก้อนเล็กถูกดีดออกไปพลันจากปลายนิ้ว แรงส่งมหาศาลบนก้อนหินจากร่างชายผู้นั้นไม่มีหลักการทางวิทยาศาสตร์ใด ๆ อธิบายได้ว่ามันคือสิ่งใด
หินก้อนเล็กแทบมองไม่เห็นดีดใส่ขาม้าหมอกเมฆาสีขาวของหลุนเหอจิ้ง ม้าขนาดกลางเสียหลักล้มลงโดยพลัน ชายปริศนาคิดแผนการวีรบุรุษพบหญิงงาม คิดจะพุ่งตัวไปรับนางไว้ในอ้อมกอด
ฮึ! ช่างแผนสูง
หลุนเหอจิ้งเห็นม้าเสียหลัก เสี้ยวพริบตาร่างเล็กดีดตัวขึ้นยืนบนหลังม้า สะกิดปลายเท้าขึ้นกลางอากาศตีลังกาหนึ่งรอบ ลงมายืนที่พื้นดิน แม้เซเล็กน้อย แต่คนงามสามารถยืนบนพื้นได้อย่างสวัสดิภาพ
ม้าของนางล้มพับไถลไปกับพื้นจนฝุ่นฟุ้งกระจาย มันลุกขึ้นมาอย่างงงๆ คงจะเจ็บไม่น้อย
ชายผู้สง่างามแผนสูงถึงกับยืนอึ้ง ผิดคาดเหลือเกิน นางไม่ได้อ่อนขนาดนั้น เรียกได้เต็มปากว่า 'แผนล่ม' หมดกันแผนวีรบุรุษพบหญิงงาม เขาได้แต่ทำหน้าผิดหวังที่ไม่เป็นไปตามแผน
หลุนเหอจิ้งรีบวิ่งไปดูม้า
“อั่งเปา เจ้าเจ็บรึไม่ โอ๋ๆ” นางปลอบม้าที่เพิ่งตั้งชื่อให้เมื่อวาน
ชายปริศนาประหลาดใจกับทักษะการหลบหลีกของเด็กสาว เขาเพ่งมองนางอย่างจริงจัง
หลี่เว่ยตกใจยิ่งกว่านายหญิงของตน หากชายารักของจวิ้นอ๋องได้รับบาดเจ็บ เขาไม่อยากคิดเลยว่าจะได้ตายสภาพไหน หลี่เว่ยชะงักม้าโดยพลันโดดจากหลังม้าวิ่งมาหาผู้เป็นนาย
“เป็นอย่างไรบ้างขอรับ พระชายา” เขาพูดแทบไม่เป็นคำ
“ตกใจมากขนาดนั้นเชียวรึ ข้าไม่ได้เป็นอันใดเสียหน่อย” นางพูดอย่างเอือมๆ โอ๋ม้าต่อหน้าตาเฉย
หลี่เว่ยใจหล่นไปที่ตาตุ่ม เกือบแล้ว เกือบตายโหงแล้วเขาคิดกับตัวเอง
“กลับกันเถิด ม้าข้ามิเป็นอันใดนัก”
นางกล่าวจบก็กระโดดขึ้นม้า กระตุกบังเ**ยนม้าให้เหยาะย่างช้าๆ กลัวว่าม้าอั่งเปาของนางจะยังเจ็บขา ผ่านหน้าบุรุษผู้นั้นไปพลันเหลือบมองม้าอสนีบาตตัวใหญ่กำยำด้วยหางตา คิดตามประสาสตรีผู้คลั่งไคล้สิ่งหายาก rare item ว่าอยากจะครอบครองม้าที่เร็วแข็งแรงเช่นนี้ให้จงได้
ชาติก่อนอะไรที่ว่าหายาก ของแพง คนอื่นไม่มี อลิซ แลงค์ มักจะอยากได้ แทบจะดิ้นลงกับพื้นว่าจะเอา ๆ
นางไม่ได้สนใจชายหนุ่มที่กำลังมองนางอย่างไม่วางตาภายใต้ผ้าโปร่งนั้นเลยแม้แต่น้อย มัวแต่จ้องมองม้าตัวโตสีเทาตัวนั้น
ม้าสีขาวเหยาะย่างเดินผ่านหน้าเขาไป สายลมพัดอ่อนโชย ผ้าบนหมวกพรางหน้าปลิวขึ้นเล็กน้อย
‘โคตรหล่อเลย’ นางได้แต่คิดในใจ สบตากับเขาแวบหนึ่ง เรด้าร์จับคนหล่อเริ่มทำงาน นางเริ่มกระตุกม้าให้วิ่งเร็วขึ้น หันมาชำเลืองดูเขา แล้วควบม้าตามหลี่เว่ยไป
สายลมโชยริน พัดอ่อนๆ นางควบม้าจากไปแล้วคงไม่ได้ยินเสียงแผ่วเบาที่เขาพูดฝากไปตามลม
“เจ้าต้องเป็นของข้า” ชายหนุ่มยิ้มมุมปาก สายตาพราวระยับจ้องมองร่างเล็กอรชร