รุ่งสาง ณ เรือนอวี้ฮวา
หลุนเหอจิ้งแต่งกายด้วยชุดทะมัดทะแมงสีแดงเข้มสวมรองเท้าบูท รับประทานอาหารว่างเรียบร้อยก็ออกมานั่งรอหลี่เว่ยเช่นเคย นางบอกให้สาวใช้ไปปลุกองครักษ์ตั้งแต่ยามเหม่า
วิญญาณยัยป้าอลิซอายุ 38 ปีในร่างดรุณีน้อย กำลังกระหยิ่มใจเรื่องเมื่อคืนที่ตนสามารถใช้มารยายั่วยวนเอากุญแจคลังสมบัติมาจากสวามีสุดหล่อได้ ถึงจะโดนบีบหน่ม น๊มไปเป็นสิ่งตอบแทน ก็หาได้แคร์ไม่ เพราะบีบอย่างไรก็เอาไปไม่ได้อยู่ดี นางกำลังนั่งมองกุญแจอย่างอารมณ์ดี จู่ๆ ก็มีเสียงอันคุ้นเคยของสวามีดังขึ้น
“เจ้าแต่งกายเช่นนี้จะไปที่ใดอีก” เสียงนุ้มทุ้มกล่าวเสียงเข้ม
“ก็ไปที่เดิมอย่างไรเล่า ไปโรงเผากับร้านของข้า”
“ถ้าข้าไม่ให้เจ้าไป?” เขาเอ่ยถามเสียงสูง
นางหันไปหาสวามีกล่าวด้วยเสียงอ่อนแอดังชายารองโดนชายาเอกรังแก
“ท่านรังแกข้า” พูดพลางเล่นใหญ่ไฟกะพริบน้ำตาคลอหน่วย
“ข้ามาดักรอเจ้า ดูว่าเจ้าจะบอกกล่าวข้ารึไม่ ข้าเพียงเป็นห่วงเท่านั้น” สวามีกล่าวเสียงอ่อน
“ขอบพระทัยเพคะ จวิ้นอ๋อง” นางยอบกายคารวะเต็มพิธีการแบบคุณหนูผู้ถูกอบรมมาอย่างดี
เหยียนจื่อหยาได้แต่ยิ้มในใจ มารยาของนางเขาพอดูออก แต่ก็เล่นไปตามน้ำ
“ให้เจ้ากลับมาก่อนฟ้ามืด เข้าใจรึไม่” ทำตีสีหน้าเคร่งขรึม
“เพคะ” นางตอบยิ้มๆ
จิ้นอ๋องประหลาดใจคำพูดหวานหู ต่างจากปกติที่หลังจากนางฟื้นมานางก็ไม่เคยใช้คำราชาศัพท์กับเขาอีกเลย
หลี่เว่ยจูงม้ามารอนานแล้ว องครักษ์เพิ่งเคยเห็นจวิ้นอ๋องเหยียนจื่อหยาแม่ทัพใหญ่ผู้เคร่งขรึมมายืนหยอกเย้าชายาตั้งแต่เช้าตรู่ แค่มองก็รู้ว่าจวิ้นอ๋องตกหลุมเสน่ห์นางเข้าไปแล้ว ราวกับหนุ่มน้อยหลงเสน่ห์นางคณิการุ่นใหญ่ หลี่เว่ยได้แต่กลอกตาไปมา
ทั้งสองที่เพิ่งหยอกเย้ากันเสร็จเดินตรงมาที่หลี่เว่ยรออยู่ แม่ทัพใหญ่กำชับสั่งองครักษ์คนสนิทยาวเหยียด ดูท่าท่านอ๋องคงหวงชายาดังบิดาหวงบุตรสาวก็มิปาน
ร่างอรชรกระโดดขึ้นม้าหันมายิ้มให้สวามี เขาหน้าแดงลามไปถึงใบหู พลันคิดเรื่องลามกที่ได้บีบทรวงอกอวบใหญ่ของนางเมื่อคืนก็ใจเต้น นางเป็นสตรีเช่นไรถึงยั่วยวนได้ช่ำชองถึงเพียงนี้ น่าตีนัก!
ร่างบางควบม้าออกไปด้วยท่วงท่าสง่างาม เขามองตามแผ่นหลังเล็กๆ นั้นไป ไม่เข้าใจอยู่ดีว่าทักษะขี่ม้าอย่างเชี่ยวชาญ นางไปขุดเอามาจากที่ใด
หลี่เว่ยควบม้าตามไปอย่างรวดเร็ว ไม่นานนายหญิงกับองครักษ์ก็ได้มาถึงที่โรงเผา นางสั่งเกวียนเทียมม้ามาจอดรออยู่ก่อนแล้ว เพราะนางสั่งแล้วว่าต้องเผาโถตัวอย่างให้เสร็จตอนเช้า
ต้องได้! เข้าใจมั้ยคะ ว่าต้องได้ค่ะ
หลุนเหอจิ้งเดินเข้าไปดูงานเผาด้วยตนเอง นางสำรวจอย่างถี่ถ้วน เอ่ยปากสั่งคนงานในโรงเผาเอาน้ำมาให้นางถังหนึ่ง ลองราดลงไปที่โถสะดวกนั้น น้ำไหลผ่านอย่างง่ายดายดุจน้ำกลิ้งบนใบบอน
โถอาจมที่เผาแล้วเสร็จดูเงาแวววาวกว่าถ้วยชามทั้งหมดในโรงเผาเสียอีก เถ้าแก่ได้แต่ประหลาดใจจนเกาหัวกับสูตรน้ำเคลือบหินฟันม้า
เด็กสาวมองดูโถสะดวกที่เงาแวววาวสีขาวดุจสุขภัณฑ์ชั้นดีในยุคปัจจุบันอย่างพึงพอใจ สั่งให้ลำเลียงขึ้นเกวียนเทียมม้าอย่างระมัดระวัง หลุนเหอจิ้งซื้ออิฐเผาจำนวนมากอีกหลายคันรถม้าเพื่อไปทำห้องสุขาอย่างถาวรที่ตำหนัก มิใช่สุขาที่เพียงแต่เอาไม้กั้นบังตาเช่นเดิม การก่อสร้างทุกสิ่งของนางล้วนมีจุดประสงค์
เมื่อจัดการเรื่องโถสะดวกเรียบร้อยแล้ว หลุนเหอจิ้งควบม้าอย่างสง่างามไปยังร้านค้าของนาง เดินดูช่างไม้กำลังทาสีร้านอยู่ สั่งให้ลงสีดำ ช่างไม้ได้แต่มองหน้ากัน
สีดำคือสีอัปมงคล ทุกคนต่างทำหน้างง ๆ เมื่อลงสีดำเสร็จนางสั่งให้ตัดสีคานและผนังบางส่วนด้วยสีเทาเข้ม ไล่เฉดสีไปเทาอ่อน สีทองถูกนางวาดเป็นรูปดอกเหมยที่ฝาผนังด้านหนึ่งตัดกับสีแดง เมื่อแล้วเสร็จช่างไม้และช่างทาสีต่างทำตาโต ร้านค้าของนางไม่เหมือนร้านใดในย่านการค้าทั้งแถบ ช่างแตกต่างและโดดเด่น นางขึ้นป้ายร้านค้าด้วยชื่อง่ายๆ นั้นว่า ‘โถสะดวก’ สั้นๆ จำง่าย
หลุนเหอจิ้งที่มีสีเลอะอยู่บนหน้าเล็กน้อย นำห่อซาลาเปามาแจกจ่ายนั่งลงกินกับพวกช่างฝีมือที่นางจ้างวานมา พร้อมให้หลี่เว่ยไปซื้อเป็ดย่างอ้วนๆ หอมๆ มา 3 ตัว กับข้าวสวย คนงานที่ดูเกร็ง ๆ ในคราแรก เห็นเป็ดย่างสีสวยหอมยั่วน้ำลาย ท้ายที่สุดทั้งหมดนั่งลงกินมื้อกลางวันร่วมกัน
ทุกอากัปกิริยาของนางถูกมองดูจากชั้นสองของโรงเตี๊ยมฝั่งตรงข้าม บุรุษผู้หนึ่งเผยรอยยิ้มบนใบหน้า เขากำลังมองดูนางนั่งลงกินอาหารกับเหล่าคนงาน
“นางคือผู้ใด เหตุใดจึงกล้ามานั่งกินข้าวกับเหล่าชายมากหน้าหลายตาเช่นนี้ มิได้ระวังกิริยา” เสียงกร้าวเอ่ยถามหน่วยเงาผู้แฝงกายอยู่ในห้อง
“นางคือชายาเอกแห่งจวิ้นอ๋องเหยียนจื่อหยา ได้ข่าวว่านางเพิ่งฟื้นจากความตายเมื่อไม่นานนี้ คนผู้นั้นที่นั่งข้างๆ คือองครักษ์จวนจวิ้นอ๋อง นามว่าหลี่เว่ยขอรับ” หน่วยเงาเอ่ยตอบผู้เป็นนาย
บุรุษปริศนารู้สึกเจ็บแปลบในอกโดยไม่รู้สาเหตุ เมื่อได้ยินว่านางคือชายาของผู้อื่น
เขามองนางผ่านหน้าต่างบนชั้นสองของโรงเตี๊ยมอย่างไม่วางตา มองรอยยิ้มนั้น มองเสียงหัวเราะและท่าทีเป็นกันเองของนาง เมื่อกินเสร็จสตรีผู้นั้นก็นำมือขึ้นมาเช็ดปากแบบลวก ๆ แล้วจัดแจงร้านต่อ
เร่งทำงานราวกับนางยากจนเสียเต็มประดา
“เหตุใดนางต้องมาเปิดร้านค้า ตำหนักจวิ้นอ๋องมิได้ให้เบี้ยนางใช้หรืออย่างไร” เขากล่าว
“ข้าน้อยมิทราบ” ร่างเงาเอ่ยตอบเสียงเบา
“ข้าต้องการซื้อกิจการโรงเตี๊ยม เอาเงินไปให้เถ้าแก่เจ้าของเดิม บอกให้เก็บของรีบออกไปเสีย ส่วนคนงานผู้อื่นให้อยู่ทำงานต่อไปตามปกติ จากนี้ไปข้าคือเถ้าแก่เจ้าของโรงเตี๊ยม” เขาซึ่งจู่ๆ ก็อยากมีโรงเตี๊ยมตรงข้ามกับร้านค้าของนางขึ้นมา เอ่ยสั่งการเงาผู้นั้น
“ขอรับนายท่าน แล้วหากเถ้าแก่ไม่ขายเล่าขอรับ”
“ฆ่า” เขาตอบเพียงสั้น ๆ
ดวงตาดุดันจับจ้องไปยังใบหน้างามล้ำที่มีสีเปื้อนที่แก้มขาว นางปิดประตูร้านที่ทาสีเสร็จเรียบร้อย และจัดตกแต่งด้วยเครื่องเรือนหน้าตาประหลาดจนเข้าที่
บุรุษหนุ่มเห็นองครักษ์จูงม้าหมอกเมฆาสีขาวมาให้นาง ร่างโปร่งบางกระโดดขึ้นหลังม้าทันใด ควบออกไปด้วยท่วงท่าแสนชำนาญราวบุรุษ
“ฮึ! เหยียนจื่อหยา เจ้าคงดูแลชายาไม่ดีสินะ นางจึงต้องออกมาทำงาน”
นางขี่ม้าได้อย่างเชี่ยวชาญ ซ้ำยังลงมือทำงานแรงงานเองอีก ฝีมืองานวาดบนผนังของนางมิใช่ชั่ว ถือได้ว่างามล้ำดั่งจิตรกรเอก นางถูกเลี้ยงดูมาเช่นไร เป็นคุณหนูจวนใดกัน เขาเริ่มอยากหาคำตอบเกี่ยวกับสตรีประหลาดคนนั้น
ชายในอาภรณ์ราคาแพงลิบสีเทาดำรีบรุดลงมายังชั้นล่างของโรงเตี๊ยม สวมหมวกพรางหน้า รีบควบม้าตามนางไปอย่างรวดเร็ว