หลุนเหอจิ้งพร้อมหลี่เว่ยควบม้าเข้ามาที่ลานหน้าตำหนักในเวลาต้นยามซวี (19.00-20.59)
จวิ้นอ๋องเหยียนจื่อหยา เพ่งมองไปที่ชายารัก มองท่วงท่าการขี่ม้าอย่างห้าวหาญชำนาญนั้นอย่างประหลาดใจ ตั้งแต่เล็กจนโตนางไม่เคยขี่ม้าด้วยซ้ำ แถมยังไม่ออกไปไหนมาไหนโดยไม่มีผู้ติดตาม อย่างน้อยต้องมีสาวใช้ 2-3 คน
นางไม่ค่อยออกจากจวน หากยามเดินทางก็ใช้รถม้ามาตลอด แต่ที่เห็นๆอยู่ตอนนี้คือสิ่งใด ทักษะการขี่ม้าของนางเรียกได้ว่าเยี่ยมยอดราวกับบุรุษนักรบ
ร่างสูงยืนเอามือไพล่หลังสีหน้าบึ้งตึง เมื่อเช้าเขาไปหานางที่เรือน สาวใช้บอกว่านางออกไปกับหลี่เว่ยเพียงลำพัง แค่นั้นก็ทำให้เขาโมโหแล้ว แถมยังกลับมาค่ำๆ มืดๆ สองต่อสอง คนอาจนำไปครหาให้เสียชื่อเสียงได้
นางกระโดดลงจากหลังม้า ผมเผ้ายุ่งเหยิงเล็กน้อย ใบหน้านางขึ้นสีระเรื่อ เพราะเหนื่อยจากการควบม้า ร่างบางแต่งกายรัดกุมไม่ได้สวมกระโปรงทับ มีเพียงกางเกงแนบเนื้อพอดีตัว คลุมทับด้วยอาภรณ์ตัวนอกสีน้ำเงินเข้ม สวมรองเท้าบูทหนังสูงถึงหัวเข่า ยามนางเคลื่อนไหวชายผ้าปลิวเห็นรูปร่างอวบอิ่มโค้งเว้าชัดเจน
หลุนเหอจิ้งยิ้มกว้างให้ผู้เป็นสวามี นางเดินฉับๆ รี่เข้าไปหาเขาโดยเร็ว นางกึ่งเดินกึ่งวิ่ง แล้วกระโดดขึ้นเอาขารัดเอวเขา บดจูบลงที่ริมฝีปากหยักนั้นแรงๆ
หลี่เว่ยที่กำลังจูงม้าไปเก็บหันมาเห็นภาพเช่นนั้น ถึงกับตกใจเบิกตาค้าง มีคุณหนูในห้องหอคนใดกล้ากระโดดเข้าจูบสวามีหน้าตำหนักบ้าง องครักษ์ทำหน้าไม่ถูก รีบกึ่งฉุดกึ่งลากม้าสองตัวไปโดยพลัน
แม่ทัพใหญ่ตาโตเบิกค้างกับจูบยามเย็นแบบไม่ทันตั้งตัว รับตัวนางรัดไว้ในอ้อมอก สมองเขาขาวโพลนไปหมด คำบ่นที่คิดไว้สลายไปสิ้น แขนกำยำรัดเอวบางจูบตอบกลับแบบหวานชื่น
“จิ้งเอ๋อร์ เจ้าไปที่ใดมาทั้งวัน พี่เป็นห่วงนัก”
“ข้าไปสั่งทำโถสะดวกเจ้าค่ะ เดี๋ยวข้าค่อยคุยเรื่องนี้กับท่านพี่ตอนรับสำรับเย็น” นางลงจากเอวเขามายืนที่พื้น
“เหตุใดไม่บอกข้าก่อน ว่าเจ้าจะไปที่ใด ทีหลังข้าต้องทำโทษเจ้าแน่ ข้ารอตรงนี้มาหนึ่งชั่วยามแล้ว มีลูกสาวบ้านใดกัน ออกไปยามค่ำๆ มืดๆ” เขากล่าวอย่างไม่พอใจ
“โกรธข้ารึเจ้าคะ”
“อืม ใช่” เขาตอบเชิดหน้าขึ้นไม่ยอมมองหน้านาง
‘จุ๊บ’ หลุนเหอจิ้งเขย่งเท้าขึ้นจูบที่ปลายคางสวามีเบาๆ คราหนึ่ง เขากลั้นยิ้ม พยายามทำหน้าบึ้งตึงต่อไป
“ข้าไปอาบน้ำก่อนเจ้าค่ะ เหนียวตัวจะแย่” นางกล่าวจบก็เดินไปยังเรือนอวี้ฮวาของตน ทิ้งให้ชายหนุ่มยืนยิ้มอยู่หน้าตำหนักเพียงลำพัง นางน่ารักช่างออดอ้อนเป็นที่สุด เขาจะโกรธลงได้อย่างไร
หลังเสร็จสิ้นจากสำรับเย็น
เหยียนจื่อหยากับพระชายา นั่งรับลมอยู่ที่ชานหน้าตำหนัก วันนี้ชายาตัวน้อยของเขาให้บ่าวไพร่นำโต๊ะมาตั้งด้านนอกหลังอาหารเย็น นางจุดเทียนขึ้นสี่ห้าเล่ม มีของว่างคาวหวานเล็กน้อยวางอยู่พร้อมขนมที่นางทำ มีกาสุราผลท้อรสอ่อนหอมหวาน อยู่บนโต๊ะ
นับวันนางยิ่งทำตัวแปลกๆ
สาวน้อยนั่งจิบสุราผลท้ออย่างสบายอารมณ์ บอกกล่าวสาวใช้ให้ไปยืนห่าง ๆ ถึงห่างมากที่สุด
แน่ล่ะสิ ลงทุนจัดฉากขนาดนี้ต้องมีการกินเต้าหู้บุรุษเกิดขึ้นอย่างแน่นอน
หลังจากจิบสุราไปหลายจอกแล้ว หน้าของนางงามล้ำขึ้นสีแดงระเรื่อ แสงเทียนส่องใบหน้านวล ตาเริ่มฉ่ำเยิ้มช่างเย้ายวนนัก
“เหตุใดเจ้าจึงดื่มสุรา มีความทุกข์อันใด เจ้าไม่เคยดื่มมาก่อน” เขาประหลาดใจเป็นรอบที่ร้อยของวัน
“เปล่า ข้าเพียงอยากผ่อนคลายก็เท่านั้น บรรยากาศด้านนอกดียิ่ง”
เขาไม่ได้ตอบ มัวแต่มองชายาของตน พลันเสียงหวานก็เอ่ยขึ้นแบบเป็นการเป็นงาน
“ข้าคิดจะทำกิจการโถสะดวก เป็นโถสำหรับเก็บอาจม บ่าวชายไม่ต้องแบกอาจมไปทิ้งทุกวี่วัน พรุ่งนี้ข้าจะนำโถตัวอย่างที่ทำเสร็จมาลองใช้ที่ตำหนักเราก่อนเจ้าค่ะ”
เหยียนจื่อหยาได้สติ “เจ้าไปเอาความคิดนี้มาจากที่ใด ใยเจ้าต้องไปสนใจเรื่องอาจมสกปรกเช่นนั้นแล้วบ่าวชายพวกนั้นเล่า เจ้าจะให้ไปทำงานอะไร”
“ข้าจะให้พวกเขามาฝึกวิธีการติดตั้งโถสะดวกเป็นคนงานในร้านของข้าได้หรือไม่”
“ย่อมได้ บ่าวไพร่พวกนั้นแล้วแต่เจ้าจะจัดการ อย่างไรก็เป็นทาสที่ซื้อขาดมาอยู่แล้ว”
“ท่านยอมให้ข้าดูแลตำหนักรวมถึงบ่าวไพร่ทั้งหมดใช่หรือไม่” พระชายาเอ่ยถามเป็นจริงเป็นจัง
“ทุกสิ่งของข้า ล้วนเป็นของเจ้า” เขากล่าวตอบตามความรู้สึกจากใจ
ร่างอรชรเย้ายวนขยับกายจากเก้าอี้ข้างๆ มานั่งบนตักแกร่ง รินสุราป้อนถึงปากเขาราวกับนางคณิกาผู้รู้งาน เขาจูบที่ซอกคอขาวผ่อง เรื่อยขึ้นไปที่ริมฝีปากบาง ฤทธิ์สุราทำให้ไฟปรารถนาโหมกระหน่ำ นางที่อยู่บนตักแกร่งก้มลงจูบตอบเขาอย่างเร่าร้อน เขาครางอย่างพึงพอใจในลำคอ มือหนาเริ่มลูบคลำเคล้นคลึงบนอกอวบหยุ่นของผู้เป็นภรรยา
เสียงหวานใสดังระฆังเงินเอ่ยกระซิบที่หูผู้เป็นสวามี
“ขอกุญแจคลังสมบัติของตำหนักนี้ให้ข้า”
เหยียนจื่อหยาดั่งคนไร้สติเขากำลังง่วนอยู่กับซอกคอหอมกรุ่น มือหนึ่งสอดลงในสาบเสื้อนางบีบคลึงเนื้ออกอิ่ม มือสากร้อนสัมผัสกับอกนุ่มกลมใหญ่ อีกมือหนึ่งปลดกุญแจคลังสมบัติที่เหน็บไว้ตรงเอวส่งให้บนมือเรียวขาว
เขาคงไม่ได้เมาเหล้า แต่เขา'เมานม' ในสมองมีเพียง นม นม นม เลยยอมทุกอย่าง
มือขาวเรียวยาวของนางกำกุญแจแน่น นางจูบไปบนแก้มสากนั้นเบาๆ ลุกจากตักอบอุ่นทันที
“ข้าง่วงแล้วเจ้าค่ะ ข้าขอตัวไปนอนก่อน ยามรุ่งสางค่อยพบกันนะเจ้าคะสวามีข้า” นางจะหลับจริง ๆ นั่นแหละ ใช้แรงใช้ความคิดไปเยอะมาก แบตในร่างเหลือ 2 เปอร์เซ็นต์ค่ะ
ร่างบางลุกขึ้นค้อมกายคารวะผู้เป็นสามีอย่างอ่อนช้อย ช้อนตามองยิ้มอ่อน กริยายั่วยวนดั่งนางคณิกาชั้นสูง แล้วเดินจากไปทางเรือนอวี้ฮวาอย่างรวดเร็ว
เหยียนจื่อหยาได้แต่มองตามไปอย่างเสียดาย ร่างสูงอยากตะโกนใส่นางดังๆ
‘หลุนเหอจิ้ง นางจิ้งจอกน้อย มามอมเหล้าปล้นสมบัติข้าจนสิ้น เจ้าทำข้าอารมณ์ค้างอยู่ผู้เดียวเช่นนี้ไม่ได้’ เขาได้แต่ถอนหายใจแรงๆ เป่าปากดับเทียนบนโต๊ะ เทสุราในกาลงคอจนหมดเพื่อดับอารมณ์ เดินสะบัดแขนเสื้อเข้าตำหนักตนไป
ไม่รู้ใครได้กำไรหรือขาดทุน ฮึ ๆ ๆ ๆ ๆ ๆ