เมื่อส่งสวามีไปค่ายทัพพร้อมเถาสำรับเรียบร้อยแล้ว หลุนเหอจิ้งก็หันกายเดินกลับไปที่ลานข้างตำหนัก โดยไม่ลืมเรียกสติสาวใช้กำลังยืนนิ่งเป็นหุ่นน้ำแข็งอยู่ตรงนั้น
“พวกเจ้า จะยืนอึ้งอีกนานรึไม่ ยืนอื้งสิ่งใดกัน” นางกล่าวแบบเบื่อๆ
“ก็พระชายาจุมพิตจวิ้นอ๋อง ต่อหน้าพวกข้านี่เพคะ” สาวใช้ก้มหน้าแดง บิดมือตนเอง ทั้งสามคนบิดกายไปมา เขินอายอย่างหนักราวกับเป็นผู้จุมพิตจวิ้นอ๋องเสียเอง
“หืมมมม แล้วอย่างไร จวิ้นอ๋องเป็นสวามีข้า มิให้ข้าจุมพิตจวิ้นอ๋อง แล้วจะให้ข้าไปจุมพิตผู้ใด” นางกล่าวจบก็เดินไปแบบไม่ใยดี
สาวใช้ได้แต่ยืนเขินอายอีกพักใหญ่กว่าจะได้สติเดินตามนางไป นอกจากชุดนอนไม่ได้นอนของนางแล้ว พระชายายังเป็นสตรีหน้าทน ไม่สนสิ่งใด อยากจะแสดงความรักกับสวามีที่ใดก็ไม่ได้สนโลก สาวใช้ได้แต่เขินอายแทน
ดรุณีน้อยเดินมายังกองอิฐเผาที่นางสั่งมากับหลายคันรถม้าจนสูงกองพะเนิน ด้านข้างมีโถสะดวกจำนวนกว่ายี่สิบโถ วางเรียงรายอยู่
บ่าวไพร่ และทาส ในตำหนักจวิ้นอ๋องมีอยู่เกือบสองร้อยชีวิต สาธารณูปโภคพื้นฐานควรดีกว่าที่เป็นอยู่ ยิ่งการหาบอุนจิไปเททั้งวี่ทั้งวันนั้น นางไม่เห็นว่ามันจะมีประโยชน์อันใด สู้ให้บ่าวชายพวกนั้นไปช่วยนางหาเงินทางอื่นจะดีกว่า
“พวกเจ้ามานี่ให้หมด มารวมกัน” นางกล่าวสั่งบ่าวชายที่ยืนอยู่ใต้ต้นไม้ขนาดใหญ่
“พระชายาจะให้พวกข้าทำการใดรึขอรับ”
“ขุดหลุมตามแนวที่ข้าบอก อีกห้าคนไปรับท่อขนาดใหญ่ ที่ข้าสั่งทำเพิ่มไว้ที่โรงเผา” นางสั่งการทันที บ่าวชายรีบออกไปเอาสิ่งที่นางต้องการที่โรงเผา บางส่วนเริ่มทำการขุดหลุม
“ขุดลงไปตามความกว้าง ความลึกของไม้” นางยื่นไม้ความสูงประมาณ 1.6 เมตรอีกอันกว้างประมาณ 80 ซม. ให้กับบ่าวชายเหล่านั้น บ่าวชายขุดหลุมสำหรับผังท่อโถสะดวก ด้านข้างขุดหลุมสำหรับบ่อเกรอะ
หลุนเหอจิ้งนำกระดาษมาขีดเขียนสัดส่วนการสร้างห้องสุขา ที่จะสร้างด้วยอิฐเผา เขียนสูตรเคมีของคอนกรีตที่นางเข้าใจได้คนเดียว เทียบดูกับวัสดุที่มี ผสมคอนกรีตขึ้นมาจากวัสดุที่พอหาได้คร่าวๆ ผสมเถ้าภูเขาไฟ ปูนขาว น้ำทะเลลงไปเป็นคอนกรีตที่พอใช้ได้ ลองประกอบอิฐเผาเข้าด้วยกัน
บ่าวทั้งหมดช่วยกันขุดหลุมอย่างขยันขันแข็ง นางเรียกสาวใช้ประจำโรงครัวมาจำนวนหนึ่ง
“พวกเจ้าช่วยทำอาหารดี ๆ มาเลี้ยงคนงานของข้าด้วย” นางกล่าวพลางยื่นตั๋วเงินให้สามร้อยตำลึง สาวใช้ถึงกับตกใจกับเงินจำนวนมาก
“ซื้อเป็ด ไก่ หมูขนาดกลาง วัวขนาดกลาง เครื่องเทศ เครื่องปรุงมาด้วย วันนี้เราจะมี party กันตอนเย็น” นางกล่าว
สาวใช้ได้แต่ยืนอึ้งกับจำนวนเงินและยืนงงกับคำว่า party แต่แล้วก็พากันออกไปซื้ออาหารเข้ามา
ไม่นานหลุมมากมายก็ถูกขุดขึ้นราวกับอุกกาบาตเข้าถล่มโลก ดินเริ่มสูงเป็นกองพะเนิน นางเรียกบ่าวชายผู้อื่นมาเอารถเข็นมาขนดินไปท้ายตำหนักเพื่อเอาไว้ปลูกผัก
เมื่อท่อมาถึง นางสั่งให้วางท่อลงไปซ้อน ๆ กัน มีท่ออิฐเผาขนาดกลางไว้ต่อลงบ่อเกรอะ นางให้ต่อท่อพ้นขึ้นมาจากบ่อเกอะเพื่อระบายอากาศ การขุดหลุม และวางบ่อเกรอะเสร็จสิ้นทำเอาทุกคนเหน็ดเหนื่อยกันถ้วนหน้า
ยามเย็นร่างบางอรชร นั่งรับลมอยู่ข้างตำหนัก พร้อมกับข้าทาส บ่าวไพร่ทั้งชายหญิง ทุกคนต่างมาล้อมวงกินข้าวเย็นกันอย่างหน้าชื่นตาบาน บ่าวชายหญิงนำโต๊ะเก้าอี้มาให้นางนั่ง ส่วนผู้อื่นปูผ้านั่งกินกับพื้น เป็ด ไก่ หมู และวัวทาสมุนไพรหอมกรุ่นถูกนำไปย่างบนเตา หมูหัน และวัวหันเสียบเหล็กย่างบนเปลวไฟแสนน่ากิน ทุกคนต่างมีความสุข พวกบ่าวไพร่ไม่ค่อยได้มีโอกาสกินเนื้อดี ๆ จึงกินกันอย่างเต็มที่ แววตาของทุกคนมองมาที่นางอย่างเทิดทูนรักใคร่
“พวกข้าขอขอบคุณพระชายา สำหรับอาหารดีๆ มื้อนี้” พ่อบ้านหม่าซือเถากล่าวกับนางอย่างซาบซึ้ง
“อย่าได้มากพิธี พวกเจ้าทำงานให้ข้า ข้าย่อมต้องดูแล พวกเจ้ากินกันให้เต็มที่เถิด เอาสุราแรง ๆ มาให้ข้าที” นางเอ่ยตอบอย่างอารมณ์ดี
“ขอรับ พวกข้าเพียงอยากขอบคุณพระชายา ตั้งแต่ท่านอภิเษกเข้ามาตำหนักจวิ้นอ๋องช่างอบอุ่นนัก” พ่อบ้านกล่าวมองบรรยากาศโดยรอบ บ่าวชายหญิงต่างรีบจัดการนำสุรามาให้ตามที่นางสั่ง
ร่างบางพาดขาไปบนโต๊ะ จิบสุราอย่างสบายใจ ไม่ได้ระวังกิริยาเช่นคุณหนูผู้อื่น อาภรณ์และรองเท้าของนางเปื้อนเขรอะไปด้วยฝุ่นดิน
หลุนเหอจิ้งจิบสุรา กินเนื้อวัวย่าง จอกแล้วจอกเล่า หวนคิดถึงชีวิตในชาติก่อน นางไม่มีคนรัก ไม่มีครอบครัว ไม่มีข้าทาสบริวาร
นางเข้มแข็ง นางอยู่ตัวคนเดียว ไม่มีคนมองนางด้วยสายตาเทิดทูนบูชา หากการเกิดใหม่ในร่างพระชายาจวิ้นอ๋อง สามารถทำให้ชีวิตความเป็นอยู่พวกเขาดีขึ้นได้มันคงจะดีไม่น้อย
“แต่ถ้าพวกเจ้าเชื่อมั่นในตัวข้าถึงเพียงนี้ ข้าก็จะพยายามเป็นคนดี” นางกล่าวยิ้มๆ กับตัวเอง สายตาเหม่อมองทอดไกลออกไป จนไม่รู้ว่านางคิดสิ่งใดอยู่
ไม่นานจวิ้นอ๋องก็ควบม้ามาถึงลานหน้าตำหนัก เขากระโดดลงหลังม้าเดินรี่ไปหาชายาของตน ภาพที่เห็นคือสตรีตัวน้อยนั่งพาดขาไปบนโต๊ะ กระดิกเท้าจิบสุรา คีบเนื้อหมูเนื้อวัวชิ้นโตเข้าปาก เคี้ยวกินจนปากมันแผล็บ บนหน้านางบนผมนางเต็มไปด้วยฝุ่นดิน ในลานกว้างมีหลุมขุด ใส่วางท่อขนาดใหญ่วางอยู่ บ่าวไพร่ต่างพากันกินเนื้อย่างหอมกรุ่นและจิบสุรารสแรง เสียงพูดคุย หัวเราะ ดังไปทั่วบริเวณ ภาพนั้นช่างติดตา ความอบอุ่นแผ่ซ่านไปยังหัวใจของเขา นางกุมหัวใจบ่าวไพร่ได้ทั้งตำหนัก
เขาเดินเข้าไปหานาง จูบลงบนแก้มขาวที่เปื้อนฝุ่นนั้น นางร้องวี๊ดว๊าย
“ท่านพี่ ข้าเปื้อนดิน ห้ามหอมแก้มข้า” นางเอามือปัดแก้ม
“แล้วอย่างไร เจ้าเป็นเมียรักของข้า ถึงเจ้าจะตกในบ่อโคลนข้าก็จะจูบเจ้าอยู่ดี” เขากล่าวเสียงดังพอที่จะให้บ่าวไพร่ทุกคนได้ยิน
เสียงฮือฮาโห่ร้อง ของบ่าวไพร่ดังขึ้น บ่าวหญิง สาวใช้บางคนถึงกับอายม้วน เขาจูบแก้มนางอวดบ่าวไพร่อีกครั้ง บุรุษร่างสูงใหญ่หัวเราะร่า
ตำหนักนี้ช่างอบอุ่นนัก
*************
หลุนเหอจิ้งอาบน้ำเสร็จเรียบร้อย ร่างบางหอมกรุ่นเดินไปหาสวามีที่ห้องอักษร เขากำลังอ่านสาส์นอยู่ ทำงานง่วนงุ่นอยู่ลำพัง นางวางถ้วยน้ำแกงไก่ดำตุ๋นโสมลงบนโต๊ะใหญ่กว้างนั้น
“ท่านพี่ กินน้ำแกงบำรุงกำลังก่อนเจ้าค่ะ”
“พรุ่งนี้พี่ต้องใช้แรงมากใช่หรือไม่” เขาเลิกคิ้วมองนาง ทำหน้าล้อเลียน
“แน่นอนเจ้าค่ะ ท่านต้องนอนให้พอ บำรุงมาก ๆ นะเจ้าคะ”
เขาดึงนางมานั่งบนตัก “เหตุใดต้องใช้แรงมาก ตอบพี่ได้หรือไม่” เขากล่าวด้วยเสียงกระเส่าลามก
“ยามเหม่า ข้าจะรีบมาหา แล้วท่านจะรู้เองเจ้าค่ะ” นางทำเสียงยั่วยวน ลามกกว่า
เขาหอมแก้มนางแรง ๆ จูบที่ซอกคอเบา ๆ มือเริ่มเป็นปลาหมึก นางลุกออกจากตักแกร่งทันที ยิ้มอ่อนบาง
“เก็บแรงไว้เถิดเจ้าค่ะ
ร่างอรชรเดินจากไปยังเรือนอวี้ฮวา กลิ่นกายนางยังหอมติดจมูก พรุ่งนี้แล้วสินะที่เขาจะได้ ‘เข้าหอ’ สิ้นสุดกันเสียทีการ ‘รอคอย’ ที่เขารอมาเสียเนิ่นนาน