ณ ตำหนักจวิ้นอ๋อง
หลุนเหอจิ้งกลับมาที่เรือนพักของตน เรือนอวี้ฮวา เป็นเรือนขนาดใหญ่สมศักดิ์ศรีตำแหน่งตี๋ฝูเหริน ชายาเอกแห่งจวิ้นอ๋อง บุตรสาวเพียงคนเดียวของต้าซื้อถูหลุนหยงเยี่ยน
เรือนอันงดงามมีหลายห้อง ตกแต่งด้วยสีขาว ปะการังแดง และหยกล้ำค่ามากมาย เตียงนอนของนางประดับด้วยหยกสีเขียวและขาว เครื่องเรือนล้วนสวยงามราคาแพง
นางกึ่งนั่งกึ่งนอนอยู่บนตั่งกุ้ยเฟย หยิบหนังสือหลายเล่มออกมาอ่านอย่างสบายใจ ในมือถือขนมเข้าปากไม่หยุด สมองกำลังทบทวนความทรงจำของเจ้าของร่างเดิม สรุปว่าตอนนี้นางมีถึงสองความทรงจำอยู่ในหัว เฮ้อ เกิดใหม่แบบผิดธรรมชาติช่างดูลำบากจริงเชียว อยากลืมเรื่องเลวร้ายก็ทำไม่ได้ แถมทุกอย่างยังถูกบันทึกไว้อย่างชัดเจน
นางจำได้แต่เรื่องทั่วไปและเรื่องครอบครัว แต่เรื่องสำคัญอย่างเรื่องจมน้ำในสระน้ำท้ายตำหนักนั้น มันช่างลางเลือนแทบจำไม่ได้ ช่างแปลกประหลาดนัก มือเรียวงามหยิบขนมกินพลางคิดในใจอย่างมุ่งมั่น
ต้องคลายข้อสงสัยปมการตายของร่างหลุนเหอจิ้งให้ได้
หลังรับประทานอาหารเช้ากับครอบครัวที่เรือนรับรอง เดิมทีท่านพ่อ ท่านแม่ฝาแฝดทั้งสามพร้อมพี่ชายผู้หล่อเหลาอีกสองคนที่ตอนแรกบอกว่าจะอยู่พักในจวนอ๋องสัก 2-3 วัน เห็นนางสบายดีแล้วจึงคลายใจ ลากลับจวนไปตั้งแต่ยามซื่อ
หลุนเหอจิ้งเริ่มค้นตู้เสื้อผ้า เห็นแต่เสื้อผ้าสีขาว ชมพู เขียวอ่อน และเหลืองอ่อน
“สีสันน่าเบื่อที่สุด ไม่เฟียสเอาซะเลย”
หลุนเหอจิ้งเดินไปยังห้องที่ใช้เก็บสินเดิม สำรวจดูแล้วก็ถือว่ามีทรัพย์สินมาก แค่มากนะ แต่ไม่มากที่สุด ลำพังการใช้จ่ายแบบชาติเดิม คงใช้เงินจำนวนนี้ได้ไม่ถึงห้าปีด้วยซ้ำ ร่างบางค้นตั๋วเงิน ก้อนเงิน และก้อนทองออกมาจำนวนหนึ่ง
สาวใช้ประจำตัวเอียงคอมองนางอย่างสงสัย
“เสวี่ยฟาง เจ้าสงสัยอันใดนัก ยังมองข้าไม่ละสายตา”
“พระชายาจะนำเสื้อผ้าออกมามากมาย จะไปที่ใดรึเพคะ”
“เปล่า เสื้อผ้าเหล่านี้ข้าไม่พึงใจ อยากตัดใหม่ นำกระดาษมาให้ข้า ข้าอยากดีไซน์ เอ๊ย วาดแบบไปให้ช่างตัดเสื้อเอง”
“ได้เพคะ ช่างตัดเสื้อของกองช่างภูษานั้น ตัดได้งามนัก”
“ไม่จำเป็น แค่หาร้านมีฝีมือในเมืองก็พอ ข้าไม่อยากวุ่นวาย ไม่อยากรอ”
“เพคะ พระชายา”
นางเริ่มรื้อตู้อีกครั้ง หาเสื้อผ้าที่ทะมัดทะแมง ชุดออกกำลังกาย ชุดขี่ม้า รองเท้าบูท ไม่มี ย้ำ ไม่มี มีแต่กระโปรงกรุยกราย
“ชุดขี่ม้าข้า เจ้าเก็บไว้ที่ใด” นางเอ่ยถามสาวใช้
“พระชายาไม่มีชุดขี่ม้าเพคะ เพราะท่านขี่ม้าไม่เป็น” สาวใช้เอ่ยตอบ เอียงคอมองหน้านางอย่างสงสัย
“ข้าขี่เป็น ทำไมจะขี่ไม่เป็น” ขี่ม้าไม่เป็นก็เท่ากับขาด้วนพอดี ยุคโบราณอย่างนี้จะไปไหนมาไหนได้ยังไง
อลิซ แลงค์ เรียกได้ว่าเล่นกีฬาขี่ม้าโปโลได้อย่างเชี่ยวชาญ ทำไมน่ะเหรอ เพราะกีฬาขี่ม้าโปโลมีแต่ผู้ชายชั้นสูงเล่นเป็นกีฬาสังสรรค์ในวงการธุรกิจ เล่นให้เก่งเพราะดึงดูดผู้ชายหล่อๆ รวยๆ มาฟาดไงคะ ถามได้! ผู้ชายไฮโปรไฟล์เค้าก็เล่นกันทั้งนั้นแหละ ฝึกจนเก่งค่ะ เพื่อหาผู้ จับผู้ คือภารกิจหลัก
“หากไม่ขี่ม้าไป จะให้ข้าเดินไปรึ” นางถามสาวใช้
“เหล่าคุณหนูสูงศักดิ์ต่างเดินทางโดยรถม้าเพคะ” สาวใช้ได้แต่ก้มหน้าตอบเสียงเบา
“พาข้าไปร้านตัดเสื้อตอนนี้เลย”
นางมาถึงร้านตัดผ้าในเมือง ดูแล้วน่าจะฝีมือดี นางเลือกร้านตัดเสื้อผ้าขนาดกลางค่อนข้างใหญ่ เจ้าของเป็นหญิงวัยกลางคน งานไม่ล้นมือ มองผ่านๆ เรียกได้ว่าคัตติ้งเนี๊ยบ ตัดเย็บมีฝีมือ มีเสื้อผ้าที่ตัดเสร็จแล้วอยู่บนราวจำนวนหนึ่ง
“คุณหนูสนใจชุดใดเป็นพิเศษแบบใดเป็นพิเศษรึเจ้าคะ” เจ้าของร้านผ้าเอ่ยถามเสียงนอบน้อม
“ชุดสีม่วงอ่อน สีแดง สีน้ำเงินเข้มที่ปักลายดอกมู่ตาน ข้าเอาชุดพวกนั้น” นางเอ่ย
“ขออภัยเจ้าค่ะ ชุดพวกนั้นมีผู้มาสั่งตัดมีเจ้าของแล้ว ผ้าที่ตัดนำมาจากเมืองอื่นเจ้าค่ะ”
“ก็ข้าจะเอา ดูปากข้า ‘ข้าจะเอา’ หากเจ้ามีปัญหา สวามีข้าจวิ้นอ๋องเหยียนจื่อหยาคงไม่พึงใจนัก” ข่มขู่ด้วยมาดนางพญา ‘ลาสบอส’
“เจ้าค่ะๆ ข้าจะรีบนำใส่ห่อให้พระชายา ขออภัยที่ข้ามิรู้จักฐานะของท่าน” นางเอ่ยตัวสั่นเทา
“เจ้าต้องตัดผ้าให้ข้าแต่เพียงผู้เดียว เพราะเพียงเสื้อผ้าข้า เจ้าก็งานล้นมือแน่นอน”
“เสวี่ยฟาง เอาเงินมาให้ข้า” นางสั่งสาวใช้ พลันหีบเก็บเงินทองก็ยื่นมาตรงหน้านาง หลุนเหอจิ้งวางตั๋วเงินห้าร้อยตำลึงลงบนมือของเจ้าของร้านผ้า
“อย่าได้มีปัญหากับเงินของข้าเพราะข้ารวย” นางกล่าวยิ้ม ๆ พลันมองหน้าเจ้าของร้านตัดผ้า
“ข้าน้อยรับทราบ ข้าจะตัดเสื้อผ้าให้เพียงพระชายาเท่านั้นเจ้าค่ะ”
หญิงวัยกลางคนยิ้มแย้มมือสั่นเทา รับตั๋วเงินไปกำไว้แน่น เงินจำนวนนี้ทำให้สตรีช่างตัดผ้าไม่ต้องทำงานไปอีกหลายเดือน
“ดีมาก เข้าใจง่าย แสดงว่าเจ้าฉลาด”
“นำกระดาษกับพู่กันมาให้ข้า ข้าจะร่างสัญญาการทำงานให้กับร้านตัดผ้า” หลุนเหอจิ้งหันไปสั่งสาวใช้ ร่างสัญญาการตัดผ้าแบบผูกขาด อนุญาตให้ตัดแบบชุดของนางให้เพียงนางเท่านั้นห้ามตัดแบบเสื้อหรืองานเย็บที่นางออกแบบให้ผู้อื่น ร่างสัญญาถูกถูกส่งให้เจ้าของร้านลงนามด้วยลายนิ้วมือ
“หากเจ้าทำตามสัญญา ข้ารับรองว่าเจ้าจะมีกินมีใช้มีงานทำมิได้ขาด ชีวิตความเป็นอยู่ดีขึ้นอย่างแน่นอน”
“ข้าน้อยรับทราบ ข้าเข้าใจสัญญาแล้วเจ้าค่ะ” เจ้าของร้านอ่านสัญญาแล้วยิ้มหน้าบาน
“ดี จงทำตามในสัญญาอย่างเคร่งครัด มิเช่นนั้นมือที่เจ้าใช้ลายนิ้วมือลงนามนั้นเจ้าอาจจะไม่ได้เห็นมันอีก” ฟังเหมือนเป็นประโยคขู่แบบกลาย ๆ
นางยื่นกระดาษวาดแบบชุดที่ร่างไว้ มีรายละเอียดชัดเจน เป็นชุดสำหรับใส่ออกกำลังกาย ใส่นอน ใส่ขี่ม้า ชุดทางการที่สง่างามลายปักยิบย่อยมากมาย และชุดประจำวันแบบน่ารักเซ็กซี่อีกหลายต่อหลายชุด ลำพังชุดที่ออกแบบให้ ช่างตัดผ้าในร้านที่มีเพียง 3 คน คงต้องตัดเป็นเดือนกว่าจะเสร็จ
“แล้วข้าจะให้คนทยอยมารับชุดที่ตัดเสร็จ ขอชุดขี่ม้า กับเย็บรองเท้าหนังพวกนั้นก่อน”
“ข้าน้อยรับทราบ” เจ้าของร้านเอ่ยพลางนำแบบเสื้อให้ช่างตัดเสื้อดู พวกนางทำหน้าประหลาดใจในแบบอาภรณ์ของพระชายาแห่งชินอ๋อง แต่ก็มิกล้าซักถามให้มากความ
“กลับกันเถิดเสวี่ยฟาง” หลุนเหอจิ้งได้สิ่งที่ต้องการพร้อมร้านตัดเสื้อที่นางถูกใจแล้วก็สั่งให้สาวใช้เรียกคนขับรถม้ามารับนางกลับตำหนัก
ความทรงจำของหลุนเหอจิ้งนั้นเป็นหญิงสาวผู้อ่อนหวาน จิตใจดี เชี่ยวชาญศาสตร์ทั้งสี่ สดใสร่าเริง ช่างขัดกับความเป็นตัวตนแท้จริงของอลิซ แลงค์อย่างสุดขั้ว
“ท่านแม่ทัพจะกลับมายามใด” นางเอ่ยถาม
“อีกไม่นานเพคะ ประมาณสองชั่วยาม”
“พาข้าไปที่ครัว ข้าจะทำอาหารให้สวามีข้า” เสวี่ยฟาง มองนางอย่างแปลกใจ หลุนเหอจิ้งตั้งแต่เล็กจนโตไม่เคยทำอาหารมาก่อน จะกินเข้าไปได้หรือไม่
“ได้ เพคะ” สาวใช้เอ่ยตอบพลางเดินนำนางไปที่ห้องเครื่องของตำหนัก
เรือนร่างบอบบางเดินตามสาวใช้ กวาดสายตาสำรวจโดยรอบ สายตาแหลมคมสำรวจตำหนักเบื้องต้น
ชีวิตสตรีโบราณช่างสบายจริง ๆ ร่างบางอมยิ้ม คิดในใจ ฟื้นมาก็เจอสามีหล่อ ๆ เรียกได้ว่า ‘โคตรพ่อโคตรแม่หล่อ’ น่าอร่อยกว่าผู้ชายบาร์โฮสตัวท็อปทุกคนที่เคยกินมา ถึงจะเล่นตัวไปหน่อย ขอกินก็ไม่ยอมให้กิน แต่คงไม่เกินความสามารถ อีกไม่นานต้องได้เขามาครอบครอง
ครอบครัวก็ดี๊ดีย์ เกิดมาในฐานะชาติตระกูลสุดเพอร์เฟ็ค วัน ๆ แทบจะไม่มีเรื่องคิดอะไรเลย เอาล่ะ เป้าหมายคือจะใช้ชีวิตให้ดีก็แล้วกัน มีเงินก็จะใช้เงิน มีสามีก็ดูแลกันไป แต่หวังว่าคงจะไม่ชั่วเหมือนแฟนเก่าในชาติที่แล้วนะ คิดขึ้นมาแล้วก็ยังขยาดความรักอยู่เลย
เอาน่า ใช้ชีวิตให้ดีก็พอแล้ว อุตส่าห์ได้ฟื้นมาใหม่ในร่างใหม่ทั้งที แถมยังสวย เอ๊าะ อึ๋ม สะบึม อีก ชีวิตชิลล์ๆ เลยล่ะ