ขบวนม้านิลกาฬสีดำขลับขนมันวาวเกือบสามสิบตัว บนม้าแต่ละตัวมีชายหนุ่มรูปร่างกำยำเนืองแน่นไปด้วยมัดกล้ามในเครื่องแต่งกายสีดำสนิท สีหน้าแววตาของบุรุษเหล่านั้นดั่งคนไร้ชีวิต สีหน้าเรียบเฉย อาวุธของพวกเขาคือดาบโค้งทรงพระจันทร์เสี้ยวหรือดาบวงเดือนคมกริบสลักรูปดวงดาว
กลิ่นอายฆ่าล้างราวหมู่มัจจุราชจากนรก ม้าสีดำสนิทกลุ่มนั้นล้อมรอบม้าอสนีบาตสีเทาของบุรุษผู้เป็นนาย
ชายหนุ่มผู้หล่อเหลาสง่างามนั่งบนหลังม้าอสนีบาต สวมชุดสีดำ ปลอกแขนหุ้มด้วยทองคำและอัญมณีสีม่วงแดง สวมกวานทองคำประดับอัญมณีสีเดียวกับปลอกแขน ใบหน้าหล่อเหลามีประกายตาหยิ่งผยองแกมเผด็จการอย่างเหลือล้น กลิ่นอายฆ่าล้างอบอวลกว่ากลุ่มบุรุษชุดดำหลายเท่าตัว ใบหน้านั้นชวนลุ่มหลงแม้แฝงไปด้วยกลิ่นอายอันตรายอย่างเต็มเปี่ยม
ทั้งขบวนกำลังเตรียมตัวเดินทางจากแคว้นถังไปยังแคว้นฝู
ชายหนุ่มผู้สง่างามดังพญาปีศาจจำแลงกระตุกม้ากำลังเตรียมออกเดินทาง พลันมีเสียงหนึ่งเรียกรั้งเขาไว้
“กราบทูลองค์ชาย องค์จักรพรรดินีมีพระประสงค์ให้พระองค์เข้าเฝ้าพ่ะย่ะค่ะ” ขันทีชราเอ่ยแผ่วเบา
ร่างสูงกำยำขมวดคิ้ว กระโดดลงจากหลังม้าเดินตามไปพลัน
ร่างของสตรีวัยกลางคนในเครื่องทรงเต็มพิธีการสีม่วงเข้ม งดงามเย้ายวน ตาแววตาสีหน้าเรียบเฉย ความงามของนางราวกับสตรีอายุเพียงสามสิบปี เอ่ยเสียงแหบพร่าขึ้นเรียบ ๆ
“เหตุใดจึงรั้งอยู่แคว้นฝูนานนัก เสด็จพ่อเจ้าเป็นอย่างไรบ้าง เจ้าไปแคว้นฝูได้พบพระบิดารึไม่”
“เสด็จพ่อสบายดีพ่ะย่ะค่ะ”
“เจ้ามิได้ตอบคำถามแม่แม้เพียงครึ่งคำ เหตุใดเจ้ารั้งอยู่แคว้นฝูนานนัก ซ้ำยังจะเดินทางกลับไปอีก ราชกิจการงานหลายอย่างยังไม่แล้วเสร็จ”
“พระมารดา ลูกมีเรื่องต้องไปจัดการ”
“เรื่องสตรีผู้นั้นที่อภิเษกให้ผู้อื่นแล้วน่ะรึ นั่นหรือคือเรื่องสำคัญของเจ้า”
“เสด็จแม่ทรงทราบ”
“เรื่องใดจะปิดบังข้าได้ แม่เลี้ยงดูเจ้ามาแต่ยังเยาว์ แม่เพียงอยากตักเตือนเจ้า หัวใจของสตรีมิได้แลกมาได้อย่างง่ายดายด้วยความพยายาม”
“ลูกทราบ”
“สิ่งที่เจ้าลงแรงทำเพื่อนางด้วยความพยายาม อาจมิได้เกิดประโยชน์อันใด หากนางมิได้รักเจ้า อีกทั้งนางยังเป็นชายาของผู้อื่น”
เขาได้แต่ยืนนิ่งคล้ายครุ่นคิด
“แม้มีโอกาสเพียงเสี้ยว ลูกก็จะไม่ลังเล”
นางปรายตามองบุตรชาย มือเรียวยาวสวมปลอกเล็บสีทองเอื้อมไปหยิบกล่องผ้าไหมสีแดงปักดิ้นทองงดงามส่งให้บุตรชาย
“มรกตเลือด แม่ให้เจ้า เจ้าเป็นบุตรชายเพียงคนเดียวของแม่ ไม่ว่าอย่างไร แม่ก็ขออวยพร”
เขาหยิบกล่องผ้าไหมนั้นที่ภายในมีสร้อยเพชรประดับมรกตเลือดเก็บใส่ในอกเสื้อ คุกเข่าก้มลงจุมพิตหลังมือพระมารดาด้วยความรู้สึกตื้นตัน
“แล้วลูกจะรีบกลับมา”
มรกตเลือดคือเพชรสีแดงที่มีมูลค่าสูงลิบ แคว้นถังเป็นแคว้นที่ค้าอัญมณี มีความมั่งคั่งและแข็งแกร่ง กว่าแคว้นใดในสี่แคว้น ได้แก่ แคว้นถัง แคว้นเยี่ยน แคว้นฝู และแคว้นเว่ย
มรกตเลือดเป็นที่รู้กันในหมู่เชื้อพระวงศ์ทุกแคว้นว่าเป็นสิ่งที่ใช้เพื่อเป็นของหมั้นหมายของเชื้อพระวงศ์แคว้นถัง
บุรุษผู้มีศักดิ์เป็นถึงองค์ชายแคว้นถังควบม้าอัสนีบาตสีเทาตัวใหญ่กำยำ พร้อมขบวนบุรุษชุดดำ หน่วยเงาพิฆาตดาราขบวนใหญ่ หน่วยเงานี้เป็นหน่วยรบพิเศษของแคว้นถัง ที่กล่าวขานกันว่าเหี้ยมโหดอำมหิต ลงมือไม่เคยพลาด และแข็งแกร่งเกินผู้ใดในใต้หล้า
ขบวนม้าสีดำควบตามม้าอัสนีบาตสีเทาไปติดๆ รังสีอำมหิตและฆ่าล้างแผ่ออกมาเป็นบริเวณกว้าง ทั้งหมดล้วนมุ่งไปยังแคว้นฝู เขามุ่งหน้าไป 'ด้วยหัวใจ' อันมุ่งมั่น
“แม้มีโอกาสเพียงเสี้ยว ข้าจะไม่ปล่อยเจ้าไป”
วิหคลมกรดถูกส่งไปยังแคว้นฝูล่วงหน้าหลายวันก่อนเขาเดินทาง สั่งการเงาร่างที่แฝงกายอยู่ในโรงเตี๊ยมตรงข้ามกับร้านค้าของนาง
โรงเตี๊ยมนั้นมีเงาที่คอยรายงานเขาทุกวันผ่านสาส์นที่ส่งไปโดยวิหค ลมกรด ว่านางเป็นเช่นไร คอยรายงานความเป็นไปของนางให้เขาคลายความคิดถึงยามต้องห่างไกล
ในสาส์นนั้นเขียนสั่งการเพียงสั้นๆ ว่า
‘จงพาว่าที่ชายาแห่งข้า ไปยังหอประมูล’