“อืม” ดลวัฒน์ก็ขานรับ ไม่ได้คิดจะรั้งอะไร แม้จะรู้ว่าสิรินดาคงตั้งใจมากินข้าวด้วย แต่เขาเองก็ยุ่ง คงไม่มีเวลามาคุยหรือพาไปกินข้าว
สิ้นคำนั้นหญิงสาวก็ขยับปลายเท้าตรงไปยังทางออก แต่ก่อนที่มือจะจับก้านโยกของลูกบิดประตู เสียงเข้มๆ ก็ดังขึ้นมาอีกหน
“เดี๋ยวก่อน”
หญิงสาวหันไปมอง ก่อนจะเห็นสามีใช้สายตามองไปยังกล่องข้าว
“เอามันออกไปด้วย เอาไปให้พี่สุ แล้วหยุดคิดเลอะเทอะ พี่ไม่คิดจะทำเรื่องปวดหัว” เขาไม่ใช่พวกที่จะเอาปัญหาเข้ามาสุมในชีวิต ทุกวันนี้เขาเหนื่อยกับการทำงานมากพอแล้ว แถมยังต้องมาคอยรับมือกับผู้เป็นย่าอีก เพราะฉะนั้นเขาไม่คิดเอาผู้หญิงอย่างอรอุมามาสร้างความวุ่นวายให้ชีวิตอีกแน่นอน
ชายหนุ่มไม่คิดจะกินมันแล้วถูกคนเอาไปโพนทะนาและเล่าลือกันแบบผิดๆ ลำพังแค่เรื่องซุบซิบเกี่ยวกับการแต่งงานของเขากับสิรินดาก็มากเกินพอแล้ว
“ค่ะ” หญิงสาวขานรับ ถึงแบบนั้นใบหน้าหวานก็ไม่ได้มีรอยยิ้มปลาบปลื้มกับการกระทำ
สาเหตุก็คงเพราะดลวัฒน์เป็นคนชัดเจนแบบนี้ มาตั้งแต่ไหนแต่ไร
ชัดเจนว่าไม่รักใคร ก็จะไม่เคยให้ความหวัง
หญิงสาวจึงเดินไปคว้ากล่องข้าวมา แต่ก็อดไม่ได้ที่เหลือบมองหน้าสามีอีกหน ก่อนหัวใจมีอาการคันยิบรุนแรง เพราะคำพูดของอรอุมาที่ย้อนกลับมาเล่นงาน
“แต่เขาไม่ได้รักอยู่ดีนี่คะ”
ดวงตาหม่นหมองอย่างชัดเจน ส่วนดลวัฒน์ก็เงยหน้าขึ้นมอง เพราะรู้สึกได้ว่าถูกจ้อง ชายหนุ่มเลิกคิ้วใส่เป็นเชิงถาม นั่นเองถึงทำให้สิรินดาขยับเท้าและหิ้วเอาออกไปให้สุพัฒนาตามที่เขาบอก โดยเธอเองก็รู้ว่าอาหารที่เธอเคยทำมา บางครั้งก็เคยถูกทำเช่นนี้ไม่ต่างกัน
“หน้ากูมีอะไรผิดปกติหรือไง” ดลวัฒน์ปล่อยคำถาม เพราะวันนี้ตั้งแต่เดินเข้ามาในแผนกก็มีแต่คนมองมาไม่หยุด ทั้งนางพยาบาล สตาฟ หมอรุ่นน้อง รุ่นพี่ จนเขาไม่อาจปล่อยผ่านไปได้
พาริยะเงยหน้าจากหน้าจอไอแพด ก่อนสำรวจใบหน้าเพื่อนแล้วตอบไป “เปล่านี่”
“แล้วเขามองอะไรกัน” ถ้าหน้าเขาปกติดี แล้วคนอื่นจะมองมาทำไมกัน
คุณหมอกระดูกเลิกคิ้วแล้วถามด้วยน้ำเสียงแปลกใจ “มึงไม่รู้?”
ดลวัฒน์พยักหน้ารับ
“เขาลือกันให้แซ่ด เรื่องที่มึงใส่แหวนแต่งงานไง” พาริยะบอกพร้อมกับเลื่อนสายตาไปมองแหวนดิไซน์เรียบๆ ที่อยู่บนนิ้วนางข้างซ้ายของเพื่อน
คนรอคำตอบกลอกตามองบนก่อนจะส่ายศีรษะ ตอนเขาไม่ใส่แหวนก็ลือกัน ตอนนี้เขาหยิบมาใส่ก็ยังลือกันอีก
“ทำไมชอบยุ่งเรื่องคนอื่นกัน”
ชายหนุ่มว่าออกมาเสียงดัง ทำให้หลายคนในห้องอาหารถึงกับสะดุ้ง แล้วรีบดึงสายตากลับไปทันที ก่อนต้องถามด้วยความสงสัย
“ทำอะไร” เพราะอยู่ๆ ก็เห็นเพื่อนคว้าไอแพดเครื่องประจำขึ้นมาแล้วกดถ่ายรูปมือของเขาดังแชะ
“อัปรูปความเป็นคนดีของมึงไง”
แม้ว่าดลวัฒน์ไม่เอ่ยถึงเหตุผลที่หยิบมาสวม แต่พาริยะก็พอเดาได้ เพื่อนเขาคงอยากจะให้อรอุมาหยุดความคิดที่จะเข้ามาวุ่นวายในชีวิตสักที ส่วนว่าจะทำเพื่อสิรินดาด้วยหรือเปล่า เขาก็เดาใจเพื่อนไม่ถูก
แต่ก็ขอเข้าข้างน้องสาวไว้ก่อนละกัน
สายตาของคุณหมอกระดูกยังคงแน่วแน่อยู่ที่หน้าจอสี่เหลี่ยม พร้อมกับนิ้วยาวที่เริ่มพิมพ์ข้อความในโลกโซเชียลมีเดีย
‘เพื่อนผมชัดเจนนะครับ’
‘ก็คนมีเมียแล้วอะเนอะ’
ก่อนชายหนุ่มจะยื่นไปให้เพื่อนได้ดูเพื่อให้กระจ่างแก่ใจที่สุด
“ไร้สาระ” ดลวัฒน์ส่ายหน้าพรืด
“ว่าแต่มึงจะให้กูสั่งยาแก้เจ็บคอให้มะ”
“อะไรของมึงอีก” เขาก็ไม่ได้เจ็บป่วยอะไร จะมาสั่งยาให้เขาทำไมกัน เจ้าของร่างสูงทำสีหน้าไม่เข้าใจและคาดคั้นทางสีหน้าเพื่อรอคำตอบ
“ก็คืนนี้น้องไจ๋คงจะจัดให้มึงแบบถึงใจ จนมึงต้องครางจนเจ็บคอ”
ดลวัฒน์ทำสีหน้าเหนื่อยใจกับเพื่อนซี้ที่เดี๋ยวนี้ปากคอเราะราย ก่อนจะเอนหลังไปพิงกับเก้าอี้คล้ายพักเหนื่อย
“แล้วเรื่องปราง มึงจะเอาไง” พาริยะเอ่ยถาม
“เอาไงหมายความว่า?”
“มึงยังยืนยันที่จะไปรับปรางที่สนามบินเหรอ”
“ไม่มีเหตุผลให้กูไม่ไป ปรางยังเป็นคนสำคัญของกูเสมอ”
“น้องไจ๋ล่ะ ไม่สำคัญมึงเลยไม่แคร์?” มันไม่คิดบ้างหรอว่าถ้าสิรินดารู้ว่าสามีตัวเองเสนอหน้าไปรับแฟนเก่าถึงที่สนามบิน จะมีความรู้สึกอย่างไร
แต่กลับไม่มีถ้อยคำใดหลุดมาจากปากของคุณหมอหนุ่ม พาริยะก็มองจ้องหน้า ก่อนความคิดไม่ดีจะแวบเข้ามาในหัวสมอง
“อย่าบอกกูนะว่า ที่มึงหยิบแหวนมาใส่นี่ ไม่ได้ทำเพื่อน้องไจ๋ แต่ทำเพื่อรอปราง” มันอดคิดในมุมนี้ไม่ได้จริงๆ
ดลวัฒน์ก็ทำสีหน้ายุ่งยากใจ เพราะไม่อยากมานั่งตอบคำถามพวกนี้ซ้ำๆ ร่างสูงจึงขยับลุกขึ้น และบวกกับว่าใกล้ถึงเวลาต้องกลับไปปฏิบัติหน้าที่ของหมอต่อแล้ว
“มึงกลับมาตอบคำถามกูก่อนเดี๋ยวนี้นะไอ้ดล” แต่ดลวัฒน์ก็ไม่ได้สนใจจะหันกลับไปให้คำตอบ