“ทำไมชอบยุ่งเรื่องคนอื่นกัน” ชายหนุ่มว่าออกมาเสียงดัง ทำให้หลายคนในห้องอาหารถึงกับสะดุ้ง แล้วรีบดึงสายตากลับไปทันที ก่อนต้องถามด้วยความสงสัย
“ทำอะไร” เพราะอยู่ๆ ก็เห็นเพื่อนคว้าไอแพดเครื่องประจำขึ้นมาแล้วกดถ่ายรูปมือของเขาดังแชะ
“อัปรูปความเป็นคนดีของมึงไง”
แม้ว่าดลวัฒน์ไม่เอ่ยถึงเหตุผลที่หยิบมาสวม แต่พาริยะก็พอเดาได้ เพื่อนเขาคงอยากจะให้อรอุมาหยุดความคิดที่จะเข้ามาวุ่นวายในชีวิตสักที ส่วนว่าจะทำเพื่อสิรินดาด้วยหรือเปล่า เขาก็เดาใจเพื่อนไม่ถูก
แต่ก็ขอเข้าข้างน้องสาวไว้ก่อนละกัน
สายตาของคุณหมอกระดูกยังคงแน่วแน่อยู่ที่หน้าจอสี่เหลี่ยม พร้อมกับนิ้วยาวที่เริ่มพิมพ์ข้อความในโลกโซเชียลมีเดีย
‘เพื่อนผมชัดเจนนะครับ’
‘ก็คนมีเมียแล้วอะเนอะ’
ก่อนชายหนุ่มจะยื่นไปให้เพื่อนได้ดูเพื่อให้กระจ่างแก่ใจที่สุด
“ไร้สาระ” ดลวัฒน์ส่ายหน้าพรืด
“ว่าแต่มึงจะให้กูสั่งยาแก้เจ็บคอให้มะ”
“อะไรของมึงอีก” เขาก็ไม่ได้เจ็บป่วยอะไร จะมาสั่งยาให้เขาทำไมกัน เจ้าของร่างสูงทำสีหน้าไม่เข้าใจและคาดคั้นทางสีหน้าเพื่อรอคำตอบ
“ก็คืนนี้น้องไจ๋คงจะจัดให้มึงแบบถึงใจ จนมึงต้องครางจนเจ็บคอ”
ดลวัฒน์ทำสีหน้าเหนื่อยใจกับเพื่อนซี้ที่เดี๋ยวนี้ปากคอเราะราย ก่อนจะเอนหลังไปพิงกับเก้าอี้คล้ายพักเหนื่อย
“แล้วเรื่องปราง มึงจะเอาไง” พาริยะเอ่ยถาม
“เอาไงหมายความว่า?”
“มึงยังยืนยันที่จะไปรับปรางที่สนามบินเหรอ”
“ไม่มีเหตุผลให้กูไม่ไป ปรางยังเป็นคนสำคัญของกูเสมอ”
“น้องไจ๋ล่ะ ไม่สำคัญมึงเลยไม่แคร์?” มันไม่คิดบ้างหรอว่าถ้าสิรินดารู้ว่าสามีตัวเองเสนอหน้าไปรับแฟนเก่าถึงที่สนามบิน จะมีความรู้สึกอย่างไร
แต่กลับไม่มีถ้อยคำใดหลุดมาจากปากของคุณหมอหนุ่ม พาริยะก็มองจ้องหน้า ก่อนความคิดไม่ดีจะแวบเข้ามาในหัวสมอง
“อย่าบอกกูนะว่า ที่มึงหยิบแหวนมาใส่นี่ ไม่ได้ทำเพื่อน้องไจ๋ แต่ทำเพื่อรอปราง” มันอดคิดในมุมนี้ไม่ได้จริงๆ
ดลวัฒน์ก็ทำสีหน้ายุ่งยากใจ เพราะไม่อยากมานั่งตอบคำถามพวกนี้ซ้ำๆ ร่างสูงจึงขยับลุกขึ้น และบวกกับว่าใกล้ถึงเวลาต้องกลับไปปฏิบัติหน้าที่ของหมอต่อแล้ว
“มึงกลับมาตอบคำถามกูก่อนเดี๋ยวนี้นะไอ้ดล” แต่ดลวัฒน์ก็ไม่ได้สนใจจะหันกลับไปให้คำตอบ
แต่ดลวัฒน์ก็ไม่ได้สนใจจะหันกลับไปให้คำตอบ
ทว่ายังไม่ทันเดินถึงห้องตรวจ ดลวัฒน์ก็ต้องหยิบโทรศัพท์มือถือที่สั่นครืดๆ ออกมาจากกระเป๋ากางเกง บนหน้าจอมีการแจ้งเตือนข้อความจากสิรินดา
JAI-SIRINDA: ไจ๋จะทำข้าวต้มทะเลไว้ ถ้าพี่ดลหิว อุ่นทานนะคะ
ข้อความพวกนี้มักจะถูกส่งมาเป็นประจำเวลาเขาต้องเข้าเวรและกลับดึก ชายหนุ่มก็ทำเพียงกดสติกเกอร์ถูกใจที่ข้อความนั้นไป
เวลาสามทุ่มยี่สิบห้านาทีเป็นเวลาที่ดลวัฒน์สตาร์ตเครื่องยนต์รถซีดานออกมาจากตึกของโรงพยาบาล หลังจากเคลียร์เอกสารบางอย่างที่ผู้เป็นย่าโยนมาให้เสร็จแล้ว
ถึงแม้ว่าเขาอยากทำงานช่วยชีวิตคนไข้มากกว่า แต่ก็ไม่อาจขัดได้ กว่าจะกลับถึงบ้านก็ดึกมากแล้ว เนื่องด้วยเป็นวันศุกร์ต้นเดือน อีกทั้งยังมีวันหยุดต่อเนื่องยาวไปจนถึงวันอังคาร ทำให้ผู้คนต่างหลั่งไหลออกต่างจังหวัดจนบนท้องถนนรถแน่นขนัด
ชายหนุ่มโยนกุญแจรถไปยังที่ประจำ ก่อนเดินตรงเข้าไปในครัวเพราะตอนนี้ท้องของเขาร้องประท้วงแล้ว ใช้เวลาในการอุ่นข้าวต้มในหม้อและกินจนอิ่มเพียงไม่นานก็เดินไปนั่งอ่านเอกสารต่อที่ห้องนั่งเล่น แต่แล้วสายตาก็ไปสะดุดกับบางอย่าง ที่ดูเหมือนถูกซุกซ่อนไว้ไม่มิด...
ดลวัฒน์หยิบมาดูแล้วลมหายใจก็ระอุขึ้น เพรราะนึกไว้ไม่มีผิดจริงๆ ร่างสูงจ้องกระดาษแผ่นนี้อยู่นาน ราวกับกำลังตัดสินใจว่าควรทำอย่างไรกับมันดี
ในที่สุดมือหนาก็หยิบสมาร์ตโฟนออกมาทำบางสิ่ง ก่อนสอดเก็บไว้ที่เดิม
ร่างสูงนั่งอ่านเอกสารในมือต่อไปจนกระทั่งหนังตาเริ่มจะปิด จึงตัดสินใจขึ้นไปอาบน้ำในห้องนอนอีกห้องที่อยู่ติดกัน เขาทำแบบนี้ประจำ เพราะไม่อยากจะรบกวนการนอนของคนในห้อง ก่อนจะเคลื่อนย้ายตัวไปยังห้องนอนของตนเอง
ภายในห้องปิดไฟมืด แต่แสงสว่างของดวงจันทร์ที่เล็ดลอดเข้ามาทางหน้าต่างก็ทำให้เขาเดินได้โดยไม่ชนข้าวของดลวัฒน์ทิ้งตัวลงนั่งข้างเตียงจัดการตั้งนาฬิกาปลุกอย่างเช่นทุกวัน ก่อนจะล้มตัวลงนอน ทันใดนั้นก็มีคนขยับเข้ามาซุกอก
“ขอบคุณนะคะ” สิรินดาพูดเสียงงัวเงีย หลังจากนั้นดลวัฒน์ก็ได้ยินเสียงลมหายใจที่สม่ำเสมอบ่งบอกว่าเธอหลับแล้ว
คำขอบคุณที่เขาได้รับนี้คงไม่พ้นเรื่องแหวนแต่งงานที่ถูกหยิบมาสวมใส่ และเขายอมรับว่าได้ยินบทสนทนาที่ร้านอาหาร และเขาไม่ได้คิดลังเลใจที่จะหยิบแหวนวงนั้นขึ้นมาใส่เพื่อให้ปัญหาจบ
“หมอดลไม่สบายหรือคะ” ถ้อยคำทักทายจากสุพัฒนาทำให้ดลวัฒน์ขมวดคิ้ว สองเท้าที่กำลังก้าวเดินหยุดชะงัก
“เปล่านะครับ”
“ก็พี่เห็นหมอพร้อมเอาถุงยามาวางไว้ให้น่ะค่ะ” สุพัฒนาบอกอย่างห่วงใย เธอรู้ว่าช่วงนี้ดลวัฒน์ทำงานค่อนข้างหนัก ไหนจะทำหน้าที่หมอ ไหนจะงานบริหารที่ธิตาเริ่มถ่ายโอนมาให้
“ไม่มีอะไรหรอกครับ ขอบคุณที่เป็นห่วงนะครับ” ดลวัฒน์บอก ก่อนจะก้าวเข้าไปในห้องทำงาน แล้วเห็นถุงสีน้ำตาลที่ตั้งไว้บนโต๊ะ ร่างสูงวางกระเป๋าเป้ของตัวเองลงก่อนคว้ามันขึ้นมามอง จากนั้นมุมปากก็ต้องกระตุก
เหอะ!
ไอ้นี่มันกวนประสาทจริงๆ
ของที่อยู่ในถุงสีน้ำตาลคือ ยาแก้เจ็บคอ มันสั่งให้เขาจริงๆ แต่เขาก็คงต้องใช้จริงๆ นั่นละ เพราะถึงแม้เมื่อคืนจะต่างคนต่างนอน แต่ช่วงเช้าตรู่ของวันนี้สิรินดาตอบแทนเขาอย่างที่ไอ้เพื่อนตัวดีพูดไว้จริง
แค่หวนคิดถึงเหตุการณ์นั้น ลมหายใจของคุณหมอก็ต้องสะดุดพร้อมกับกลืนน้ำลายอึกใหญ่
“ไจ๋”
“พี่ดลชอบหรือคะ” ใบหน้านวลเงยขึ้นมาถาม สีหน้านั้นทำให้ดลวัฒน์อยากจะกระชากร่างบางขึ้นมาจูบ แต่ด้วยความที่เป็นคนชอบวางฟอร์มจึงไม่ได้ตอบอะไร ทว่าสันกรามกลับนูนขึ้นด้วยความทรมาน ขณะที่มือนุ่มนั้นกอบกุมเอ็นร้อนที่ยามนี้ขยายตัวเต็มที่ ยิ่งมือนั้นลูบไล้ขึ้นลง ร่างกายของดลวัฒน์ก็ยิ่งกระตุก มือจิกอยู่กับขอบโต๊ะเคาน์เตอร์ กระแสอารมณ์สวาททำให้กล้ามเนื้อช่วงหน้าท้องของชายหนุ่มบิดเกร็ง
ริมฝีปากอิ่มเคลื่อนไปที่หน้าท้องส่วนล่างและค่อยๆ พรมจูบลงไป ก่อนที่ดลวัฒน์จะหลุดคำรามกระหึ่มออกมา
“เหมือนพี่ดลจะไม่ไหวแล้วนะคะ”
ใช่ เขาไม่ไหวแล้วจริงๆ สติของเขากำลังแตกกระเจิง
“อย่าท้าทายพี่ให้มาก”
“แบบนี้เรียกท้าทายหรือคะ” ปากถามไป ขณะที่มือเร่งจังหวะกว่าเก่า
ทันใดนั้นดลวัฒน์ก็ได้ตอบแทนความท้าทายนั้นแบบถึงใจ ชายหนุ่มดึงร่างเล็กขึ้นมาดันให้ชิดกำแพงแล้วซุกหน้ากับอกอวบภายใต้ชุดนอน ก่อนจะเลื่อนขึ้นไปแนบชิดหน้านวลสวย ปากหยักลึกตวัดไล้เลียเรียวปากอิ่ม
ตอนนี้ดวงตาของดลวัฒน์เต็มไปด้วยความต้องการอย่างเปี่ยมล้น ชั่วนาทีมืออุ่นร้อนก็ค่อยๆ ปลดกระดุมชุดนอนตัวหวานของภรรยาสาว ไม่นานนักร่างอรชรก็เปลือยเปล่า