“คุณอาริสครับ!!!” เสียงวอจากครูฝึกที่บินอยู่กับเติ้ลเรียกมาไม่หยุด แต่วอของอาริสได้รับแรงกระแทกจนหล่นลงตรงพื้นก่อนหน้านี้ ทำให้การสื่อสารขาดหายไป
“ครูครับ อาริสจะเป็นอะไรหรือเปล่าครับ?” เติ้ลรีบถาม เพราะเห็นว่าเครื่องร่อนของเพื่อน บินไปอย่างไร้ทิศทาง และก็ไกลออกไปจากสนามฝึกต่อหน้าต่อตา
“เราต้องเอาเครื่องลง และไปตามหาคุณอาริสกันก่อนครับ” ครูฝึกพูดอย่างตื่นตระหนกเพราะเท่าที่เขาเปิดสนามฝึกมาก็ไม่เคยมีเหตุการณ์แบบนี้เกิดขึ้น
“เราไปด้วยเครื่องนี้มันจะเร็วกว่าหรือเปล่าครับ?” เติ้ลรีบเสนอ
“เราใช้เครื่องนี้ลงจอดบ้านของใครโดยที่ไม่ได้รับอนุญาตไม่ได้นะครับ”
“เหรอครับ? งั้นรีบลงไปหาอาริสเถอะครับ” เติ้ลพูดมาด้วยความเป็นห่วง และครูฝึกก็รีบเปลี่ยนทิศทางของพารามอเตอร์กับไปที่ลานฝึก
....
ตอนนี้อาริสอยู่ห่างจากพื้นไม่กี่เมตร ดีนะที่สายรัดคล้องเธอไว้กับต้นไม้ และก็ช่วยเธอไม่ให้รับการกระแทกไว้ทัน
“พี่คะ...ช่วยเอาหนูลงจากตรงนี้ก่อนได้ไหมคะ?” เธอพยายามบอกกับชายชุดดำ และพยายามจะเอาเท้าหย่อนลงพื้น แต่มันก็สุดที่จะเอื้อมถึง
“เกิดอะไรขึ้นวะ?” เสียงทุ้มเข้มของผู้ชายอีกคนดังมาจากทางด้านหลัง และก็แหวกชายชุดดำพวกนั้นตรงมาทางฉัน
ฉันมองไปทางต้นเสียง และก็ต้องตกตะลึงกับสิ่งที่เห็นตรงหน้า
“พี่มาร์ติน!!!” ตากลมโตของเธอเบิกกว้าง
“นี่เธอ...”
ไม่เพียงแต่เธอเท่านั้นที่เกิดอาการอึ้ง เขาก็เช่นกันที่เห็นเธออยู่ตรงนั้นในรั้วบ้านของเขา และเป็นวันที่เขาต้องขนอาวุธเถื่อน
เหตุการณ์ก่อนหน้า
วันนี้เป็นวันที่มาร์ตินจะต้องขนย้ายอาวุธเถื่อนไปส่งที่ท่าเรือแต่เช้าตรู่ เขามักจะเลือกเวลานี้เพราะตำรวจไม่กวนมาก มันดีกว่าเวลากลางคืนเป็นไหนๆ
“อ้าว!!! พวกมึงเร่งมือหน่อย” มาร์ตินยกข้อมือมองดูนาฬิกาหรูแบรนด์ดังและต้องรีบเร่งลูกน้อง เพราะใกล้ถึงเวลานัด
รถขนส่งสินค้าที่ดัดแปลงเป็นรถส่งพัสดุธรรมดาได้เข้ามาจอดในคฤหาสน์ของเขาหลายสิบคัน
อาวุธเถื่อนถูกขนลำเลียงออกมาจากห้องใต้ดิน นำไปเรียงกันอย่างเป็นระเบียบบนรถบรรทุก
“มึงดูความเรียบร้อยให้กูด้วยไอ้อีธาน เดี๋ยวกูเดินไปดูตรงนั้นก่อน เกิดอะไรขึ้นวะ?”
มาร์ตินเห็นลูกน้องกำลังมุมดูอะไรบางอย่าง เลยเดินเข้าไปถามใกล้ๆ นึกว่ามีศัตรูของพ่อส่งใครมาสอดแนม แต่เปล่าเลย...เขาเจอเข้ากับหญิงสาวที่คุ้นหน้า
“ยัยถั่วงอก!!!”
“พี่มาร์ติน...นี่บ้านของพี่เหรอคะ?”
“เธอมาอยู่ตรงนี้ได้ไง?”
“ก็เครื่องร่อนของอาริสมันขัดข้องอ่ะค่ะ เลยตกมาอยู่ตรงนี้” เธอเกาหัว และออกอาการยิ้มแหยๆ
เธอดีใจนะที่เห็นเขา แต่ก็เขินอายที่มาเจอคนที่แอบปลื้มในสภาพแบบนี้
เขาส่งสายตาให้ลูกน้องลดปืนลง และเดินเข้าไปใกล้ หยิบมีดที่เขาพกอยู่ที่รองเท้าบู๊สขึ้นมา เข้าไปตัดสายรัดที่มันระโยงรยางค์อยู่ อุ้มเธอลงมาจากตรงนั้น
“ขอบคุณนะคะ” เธอทรงตัวยืน และเอามือที่คล้องคอเขาเอาไว้ออกด้วยอาการเขินอายรีบจัดทรงผมที่มันยุ่งเหยิงให้เข้าที่
ได้อยู่ใกล้เขา โดนเขาอุ้มลงจากต้นไม้ จะฟินอะไรเบอร์นี้ล่ะยัยอาริส เธอคิดในใจพลางส่งยิ้มใสๆ ไปให้เขา แต่เขาไม่คิดแบบเธอเลยซักนิด
“เธอ...ไม่สมควรมาอยู่ตรงนี้” เขาขบกรามแน่น และพูดกับเธอในลำคอ
“อะไรนะคะ? แล้วพวกพี่ทำอะไรกันอยู่เหรอคะ?” อาริสเขย่งเท้าถามพร้อมกับมองไปด้านหลังด้วยความอยากรู้
แกร๊ก....
“ขนดีๆ สิวะ แม่ง!!!!”
เสียงอีธานตะโกนลั่น เมื่อกล่องเหล็กหล่นกระแทกพื้นเสียงดัง
เสียงโลหะกระทบกันดังสนั่น ก่อนที่ฝากล่องจะเปิดออกเผยให้เห็น...
“อาวุธปืน...”
หญิงสาวที่เพิ่งก้าวเข้ามาในเขตหวงห้ามหยุดชะงัก ใบหน้าซีดเผือด
“ปะ...ปืน? พวกพี่...นี่มันอะไรกัน?”
เธอถอยหลังโดยอัตโนมัติ ดวงตาเบิกกว้างสั่นระริก มองหน้ามาร์ตินอย่างไม่อยากจะเชื่อ
มาร์ตินสบถในใจ แม่ง!!! เธอไม่ควรมาเห็นมันตอนนี้!
หญิงสาวก้าวถอยอีกก้าว หัวใจเต้นโครมคราม
“นี่เขาไม่ใช่เด็กวิศวะธรรมดาใช่มั้ย...?” อาริสได้แต่คิดในใจก่อนที่จะปิดปากเงียบ
มาร์ตินมองเธอ ก่อนหลุบตามองกล่องปืน แล้วถอนหายใจหนักๆ
“หยุดพูดแล้วมานี่” มาร์ตินดึงมือของเธอ และฉุดลากเข้าไปในตัวบ้าน
“เกิดอะไรขึ้นวะไอ้ติน?” อีธานวิ่งเข้ามาถาม
อีธานเห็นคนที่ยืนอยู่ข้างๆ เจ้านาย คิ้วหนาขมวดกันเป็นปมอย่างนึกสงสัย ทำไมเด็กในมหาลัย น้องปี 1 หน้าสวยคนนั้นมาอยู่ที่นี่ได้ยังไงกันวะ? และบังเอิญมาถูกวันซะด้วยสิ....
อีธานมองหน้ามาร์ตินแต่ก็ไม่ได้พูดอะไรออกมา...อีธานรู้ว่าเรื่องที่เขาขนอาวุธเถื่อนมันต้องเป็นความลับ แต่เธอก็เข้ามาเห็นมันพอดี และเพื่อนของเขาก็ต้องจัดการ
“มึงไปดูข้างนอกให้เรียบร้อยเดี๋ยวกูออกไป”
“ครับนาย”
เธอมองชายหนุ่มร่างสูงสองคนตรงหน้า พรางนึกสงสัยในสรรพนามที่เขาใช้เรียกกัน
“นี่! พี่มาร์ตินเป็นเจ้านายของพี่คนนั้นเหรอ? อย่าบอกนะว่า...สิ่งที่ฉันเห็นที่ มหาลัยมันแค่ภาพลวงตา ความจริงเขาคือมาเฟียปลอมตัวมาเป็นเด็กวิศวะใช่ไหม?” เธอบ่นพึมพำในใจ แต่ก็ไม่กล้าเอ่ยถาม
ตอนนี้เธอเริ่มกลัวและรู้ตัวมากขึ้น พรางจินตนาการไปต่างๆ นานา
“เธอมานี่!!!” สายตาแข็งกร้าวหันกลับไปหาเธออีกครั้ง พร้อมจับข้อมือเธอไว้แน่น
“ปล่อยหนูไปเถอะค่ะ...จะพาอาริสไปไหนปล่อยนะ” เธอพยายามร้อง และดิ้นไปตลอดทาง
มาร์ตินลากเธอเข้ามาหยุดอยู่ตรงบันไดของตัวบ้าน และมองหน้าเธออีกครั้งด้วยความไม่ชอบใจ
“มานี่”
“ไม่นะ...ปล่อยอาริส”
เธอดิ้นจนเขาต้องช้อนตัวอุ้มเธอขึ้นไปบนชั้นสองของตัวบ้าน
เขาเหวี่ยงตัวเธอไปในห้องนอนห้องเก่า และมองหน้าเธอ พลางคิดในใจว่าจะทำยังไงกับเธอดี ถ้าขืนปล่อยเธอออกไปความลับของเขาอาจจะรั่วไหลออกไปได้นะสิ
“อย่าทำอะไรหนูเลยนะคะ”
อาริสมองใบหน้าคม และแอบเห็นปืนที่แหน็บอยู่ตรงเอว เธอคิดไม่ผิดแน่ว่าเขาเป็นมาเฟีย และปลอมตัวมาเป็นเด็กวิศวะ
“ทำไมพี่ไม่เป็นแค่เด็กวิศวะนะ ฉันคลั่งไคล้พี่ในมุมนั้นมากกว่า”
ทั้งคู่จ้องหน้ากันอยู่นานพลางคิดเรื่องในใจกันคนละเรื่อง
มาร์ตินเท้าสะเอวมองเธออย่างใช้ความคิด ตอนนี้เขาไม่มีเวลาแล้ว เพราะมันจะได้เวลาที่ต้องไปส่งของ ถ้าขืนมัวชักช้าไม่ทัน ปีเตอร์คงต้องปรับเขาหนักแน่ๆ
“พะ....พี่จะไปไหนคะ...?” อาริสเอ่ยถามอย่างกล้าๆ กลัวๆ ที่เห็นเขากำลังเดินออกไปตรงหน้าประตูโดยไม่พูดอะไรกับเธอสักคำ
“พี่ๆ”
แกร็ก! เสียงประตูปิดลง
เธอพยายามเดินไปเปิด แต่มันก็ถูกล็อคมาจากทางด้านนอก
“มึงเฝ้าเอาไว้ให้ดีอย่าให้เธอหนีไปได้”
“ครับนาย”
เขาเอาเธอมาขังไว้ในห้องนอนห้องเก่าของเขา ก่อนที่จะออกไปจัดการส่งอาวุธเถื่อนให้กับปีเตอร์คู่ค้าคนสำคัญ