บทที่4 เธอต้องแต่งงานกับฉัน

1460 Words
[ต่อจากตอนที่แล้ว] "นัยน์รู้ได้ยังไง!" นิรชายังไม่เคยเรื่องนี้ให้กับใครฟังเลยสักคนแม้แต่เพื่อนสนิทอย่างหล่อนก็ไม่เคยเล่าให้ฟังเพราะมันเป็นเรื่องส่วนตัว นัยน์นภายิ้มอย่างรู้ดี "ก็พ่อของฉันเคยเป็นศัตรูกับคนพวกนั้นนะสิ แล้วก็รู้ด้วยว่าตอนนี้ลูกชายคนสุดท้องของบ้านนั้นยังไม่มีคู่ครองและอีกอย่าง ฉันก็เคยเจอคุณเซบาสเตียนในงานโชว์เครื่องเพชรเมื่อ5ปีก่อนอีกด้วย" "อย่างนี้นี่เอง นิดเข้าใจแล้วล่ะ" นิรชาพยักหน้ารับรู้เรื่องราวที่ยัยนัยน์เล่าอย่างเข้าใจดี ดูท่านางจะสนใจเขาออกนอกหน้านอกตา หรือว่า "ว่าแต่นัยน์ถามถึงเขาอย่างนี้แสดงว่านัยน์ชอบเขางั้นเหรอจ๊ะ" เอ่ยถามเพื่อนสนิทต่อด้วยความสงสัย มันก็เป็นอีกทางที่จะทำให้หาข้ออ้างไม่ให้เราแต่งงานกับคนใจร้ายนั่นได้ "ชอบ? พูดอะไรออกมายัยนิด ฉันนี่นะจะไปรักคนที่เพื่อนรักกำลังจะแต่งงานด้วยกัน ฉันยินดีและอยากให้เธอมีความสุขกับมันนะ" นัยน์นภายิ้มกลบเกลื่อนแล้วทำสีหน้าเป็นปกติ "แต่ฉันกับเขาแค่แต่งงานกันเพราะทางผู้ใหญ่หมั้นหมายเอาไว้ ก็เลยต้องทำตามสัญญา ฉันกับเขาไม่ได้รักกันเลยสักนิด" "ฉันเข้าใจเธอนะนิด แต่ฉันก็ไม่รู้จะช่วยเธอยังไง" นัยน์นภาก็หมดหนทางที่จะช่วยเราที่ไม่ให้แต่งงานกับคนที่ทำลายชีวิต อภัยให้ไม่ได้... "ฉันคิดว่าเธอคงต้องยอมแต่งกับเขาไปก่อน แล้วรอเวลาสักหนึ่งเดือนแล้วก็บอกว่าเธอกับเขาไม่มีทางอยู่ด้วยกันได้ตลอดไป จากนั้นเธอก็จะได้หย่ากับเขายังไงแหล่ะ" แววตาร้ายลึกของเพื่อนสนิททำให้หนูนิดไม่เห็นเจตนาแอบแฝงว่านัยน์นภากำลังคิดอะไรอยู่! "อืม นิดจะลองเอาไปคิดดูนะ ขอบใจนัยน์มากที่คอยแนะนำเพื่อนคนนี้" "ฉันก็เห็นนิดเป็นเสมือนครอบครัวเดียวกัน ถึงยังไงเราสองคนก็ยังคงเป็นเพื่อนกันอยู่ดี" "เราสองคนจะเป็นเพื่อนสนิทกันตลอดไปนะนัยน์" เมื่ออีกฝ่ายพยักหน้าตกลง นิรชาดีใจมากที่ไม่ได้อยู่คนเดียวพลางเข้าไปสวมกอดเพื่อนรักที่สุดในชีวิต แต่กลับไม่รู้ว่าสีหน้าของคนเป็นเพื่อนรักมีสายตาแข็งกระด้างพร้อมกำมือแน่นจนเส้นเลือดโปดปูนขึ้นมาเห็นได้ชัดพลางคิดแผนการร้ายลึกในใจเงียบๆแต่ยิ่งใหญ่ 'เจ้าสาวของเขาต้องเป็นฉัน ไม่ใช่แก นังนิด!' . . . Talk เซบาสเตียน "ผมอยากจะจัดงานแต่งงานของผมกับหนูนิดให้เร็วที่สุด คุณแม่จัดการให้ผมตามที่ต้องการได้ไหมครับ" วันนี้ที่พูดคุยกับคู่หมั้นทำให้เซบาสเตียนรู้ว่าต้องไม่ปล่อยให้เธอหลุดมือไปเด็ดขาด ไม่เช่นนั้นเขาอาจจะเสียเธอคนนี้ไปตลอดกาล "โอ้ นี่เป็นคนแรกและคำพูดครั้งแรกที่แม่อยากได้ยินมานานตั้งแต่ลูกชายคนโตยันลูกคนสุดท้อง แม่ปลื้มปิติมากเลยที่แกยอมแต่งงานกับคู่หมั้นคนที่แม่หาไว้ให้สักที" มาดามแพทเบิกตาโตแอบตกใจเล็กน้อย ไม่คิดว่าคำพูดเหล่านั้นจะหลุดจากปากลูกชายโดยที่ไม่ได้บังคับแต่อย่างใด "คุณแม่ต้องรีบจัดการให้ผมโดยเร็วที่สุด ไม่อย่างนั้นผมจะไม่กลับมาเหยียบบ้านนี้อีก" "ไม่ต้องขู่ แม่ก็เร่งรีบจัดการหาฤกษ์ยามงานดีให้ลูกเซบาสให้เร็วที่สุด เดือนหนึ่งดีไหม" "มันช้าไปครับ ดีที่สุดแต่ง2อาทิตย์เลย ผมใจร้อน เดี๋ยวจะตามพวกพี่ๆไม่ทันครับ" "แหม ลูกชายของแม่แต่ละคนใจร้อน เดือดดาลไม่ยอมกันเลยสักคน แล้วว่าที่เจ้าสาวล่ะเขาจะไม่ว่าอะไรหรอกที่ปุ๊บปั๊บแล้วแต่งเลยเนี่ย" "ไม่หรอก เพราะเธอคงอยากแต่งงานกับผมให้เร็วที่สุด" เขาคิดแทนหนูนิดเองทุกอย่างเพราะถึงยังเธอก็ต้องเป็นของเขาอยู่ดี "งั้นแกก็นอนหลับให้สบายใจเสียเถิด เดี๋ยวแม่จะโทรไปบอกทางฝ่ายโน้นเองว่าให้เลื่อนงานแต่งเข้ามาหน่อยนิด" คุณแม่แพทยิ้มอ่อนหวานก่อนจะออกไปจากห้องนั่งเล่น ทำให้เขาหัวใจพองโตอารมณ์ดีมากเมื่อได้ยินข่าวดีแบบนี้ "ครับคุณแม่" _______________ [สองวันต่อมา] "พอดีว่าดิฉันกับคุณรักษ์ต้องกลับไปดูแลและบริหารงานที่เมืองไทย ก็เลยฝากให้คุณเซบาสกับคุณแม่แพทดูแลยัยนิดด้วย อ้อ แล้วก็ยัยนัยน์เพื่อนสนิทของยัยนิดก็ขออยู่กับยัยนิดที่นี้ด้วย ดิฉันขอฝากลูกสาวทั้งสองคนด้วยนะคะคุณมาดามแพท" "ฉันจะดูแลลูกสาวของคุณหญิงมาลาตีกับคุณรักษ์ให้ดีที่สุดเหมือนกับลูกสาวแท้ๆของฉันเลยล่ะค่ะ" เมื่อมาดามรับปากว่าจะดูแลให้ดีที่สุดทำให้พวกท่านสบายใจแล้วขอตัวกลับไปที่เมืองไทย โดยบินเครื่องบินในอีกไม่กี่ชั่วโมง "คุณพ่อคุณแม่" นิรชาวิ่งเข้ามากอดพวกท่านด้วยความรู้สึกใจหายแถมตอนนี้ยังคิดถึงลูกสองแฝดอีก ป่านนี้มาร์วินกับม่านฟ้าจะบ่นคิดถึงแม่นิดหรือเปล่า "ไม่เป็นไรนะลูกนิด จะแต่งงานมีสามีอยู่แล้วทั้งทีมาทำเป็นเด็กขี้แยแบบนี้ไม่ได้นะ ลูกเป็นแม่คนแล้วต้องทำเข้มแข็ง ส่วนเจ้าสองแฝดพ่อแม่จะดูแลพวกแกเป็นอย่างดี ไม่ต้องเป็นห่วง" เราสามคนพ่อแม่ลูกยืนคุยกันอยู่หน้าบ้านตามลำพัง ไม่ต้องห่วงว่าจะมีใครเข้ามาได้ยิน "ลูกอยู่ที่นี่ก็ควรดูแลตัวเองให้ดีด้วยนะ ลูกรู้ใช่ไหมว่าจะต้องเป็นภรรยาที่ดีต่อสามี เมื่อลูกนิดแต่งงานแล้วก็จะรู้ว่าชีวิตคู่มันเป็นยังไง" คุณพ่อเข้ามาลูบหัวลูกสาว "ค่ะพ่อ นิดจะดูแลตัวเองให้ดี ฝากบอกคิดถึงแก่เจ้าสองแฝดด้วยนะคะ" "จ๊ะลูกนิด" ภาพสามคนพ่อแม่ลูกต่างกอดอำลากันกลมทำให้คนที่เพิ่งจะเข้ามาเห็นก็แอบอมยิ้มเบาๆพลางมองดูเธออยู่ห่างๆ ตัวเล็กเพียงแค่นี้แต่เข้มแข็งกว่าเขาอีกหลายเท่า! . . . นิรชาเข้ามาข้างในบ้านหลังใหญ่ด้วยความใจหายไม่น้อยที่ต้องอยู่บ้านใหม่ด้วยตัวคนเดียว ตอนนี้มีแต่นัยน์นภาคนเดียวที่พอจะพึ่งพากันได้ คิดถึงลูกสองแฝดอย่างสุดหัวใจ... "มายืนแอบร้องไห้ตรงนี้นี่เอง" เสียงเข้มที่คุ้นหูดีทำให้เรารีบเช็ดน้ำตาลวกๆออกก่อนจะปรับสีหน้าหม่นเศร้าเผชิญหน้ากับเขา "คุณมีอะไรเหรอคะ ถ้าไม่มีอะไร ฉันขอตัวขึ้นไปหายัยนัยน์ที่ห้องก่อนนะคะ" น้ำเสียงห่างเหินเรียกเขา แอบทำให้เขาหงุดหงิดใจที่เราทำตัวกับว่าเกลียดเขาเข้าไส้ "อย่าเพิ่ง คุยกับฉันก่อน เรากำลังจะแต่งงาน เธออย่าทำตัวหมางเมินใส่ฉันแบบนี้สิ หนูนิด" เขาเข้ามาคว้าข้อมือเราเอาไว้ "ปล่อยฉันนะ คุณจะมาทำแบบนี้กับฉันไม่ได้ เพราะฉันก็ไม่อยากแต่งงานกับคนที่ฉันเกลียด คุณไม่มีสิทธิ์มาจับตัวฉันได้ตามใจชอบ" "สิทธิ์ของความเป็นผัวไง เธอลืมไปแล้วเหรอว่าเราสองคนมีอะไรกันที่ร้อนแรงสุดติ่ง แค่นี้ทำไมจะแตะต้องไม่ได้" เขากระซิบข้างหูเราเอาไว้ไม่ให้ลืมเรื่องคืนนั้น จะให้ลืมได้ยังไง ในเมื่อมันเป็นตราบาปที่ตามหลอกลอนเราทุกค่ำคืน.... "นี่คุณเซบาส!" "ถึงยังไงเธอก็ต้องแต่งงานกับฉันอยู่ดี เธอหนีความจริงข้อนี้ไปไม่พ้นหรอก...นิรชา" เขายิ้มเจ้าเล่ห์เจ้าแผนการพร้อมฉวยโอกาสเข้ามากอดเราโดยไม่ทันตั้งตัว "นี่คุณปล่อยเดี๋ยวนี้ เผื่อมีคนมาเห็นจะว่ายังไง" ร่างบางพยายามดิ้นขัดขืนสุดแรงเพื่อสลัดออกจากอ้อมแขนของเขา แต่เขากลับรัดตัวแน่นจนเกือบหายใจไม่ออก "ไม่มีใครเดินมาป้วนเปี้ยนแถวนี้หรอก เชื่อฉันหน่อยสิหนูนิดที่รัก" อีกมุมไกล นัยน์นภากำลังจะตามเพื่อนกลับห้องแต่กลับมาเจอภาพที่เพื่อนรักกำลังยืนกอดกลมกับผู้ชายที่เป็นคู่หมั้นที่เธอแอบชอบอยู่ สองมือเรียวทั้งสองข้างกำมือแน่นด้วยแววตาริษยาในใจ "อะไรที่ฉันอยากได้ มันก็ต้องได้!"
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD