บทที่3 ฉันยังไม่ลืม

1618 Words
Talk หนูนิด "คุณรู้จักฉันด้วยเหรอคะ?" ตอนแรกที่เราสบตากับผู้ชายคนนั้น แวบแรกก็รู้เลยว่าเป็นเขาคนนั้น คนที่ทำลายชีวิตของเราพัง! "นั่นสิ ไปรู้จักน้องเขาตั้งแต่เมื่อไหร่" มาดามแพทหันไปถามลูกชายตัวดีอย่างแปลกใจ เราก็อยากจะรู้เหมือนกันว่าเขาจะตอบต่อหน้าแม่ของเขาว่าอย่างไร "เอ่อ...ก็คุณแม่บอกผมเองนี่ครับว่าคู่หมั้นของผมชื่อนิรชา ผมก็เลยทักทายเธอ ไม่ใช่เหรอครับคุณแม่" "ดีแล้วล่ะ ทำความรู้จักกันเอาไว้ อีกไม่นานแกกับเธอก็จะได้แต่งงานกัน จริงใช่ไหมคะคุณหญิงมาลาตี คุณรักษ์" คุณแม่เขาหันไปถามพ่อแม่ของเรา ผู้ชายคนนี้นั่นเหรอที่เป็นคู่หมั้นที่จะต้องแต่งงานด้วย นิดแต่งงานกับเขาไม่ได้งั้นเหรอคะ? แต่เขาคงไม่คิดแบบเดียวกันกับเรา! "ครับคุณแม่" ดูสีหน้าเขาจะเบิกบานมากเหลือเกินที่จะต้องแต่งงานกับเรา ว่าที่เจ้าสาวกลับมีสีหน้าอมทุกข์ทรมานใจเหมือนบังคับมา ทำไมเราจะต้องแต่งงานพ่อของมาร์วินกับม่านฟ้าด้วย! นิรชาไม่ยอมแต่งกับเขาเด็ดขาด... "มากันเหนื่อยๆมายังห้องอาหารดีกว่า ฉันสั่งให้พวกลูกสะใภ้ของฉันจัดเตรียมอาหารเรียบร้อยแล้ว ตาเซบาสไปดูแลน้องเขาให้ดีล่ะ" "ครับแม่" เขาตอบรับยิ้มร่าพลางเข้ามาหาเราที่ทำหน้าไม่สบอารมณ์ อ้อส่วนลูกแฝด เราฝากให้แม่บ้านและพี่เลี้ยงเด็กเอาไว้ในเมืองไทย เพราะก่อนที่จะมาเราพอรู้ว่าคู่หมั้นชื่อเซบาสเตียน เราไม่อยากให้เขารู้ว่าเด็กสองแฝดนั้นเป็นลูกของเขา! "ไม่ต้อง! ฉันไปเองได้" เราสะบัดหน้าเชิดใส่คู่หมั้นที่เกลียดขี้หน้าก่อนจะเดินตามหลังคุณพ่อคุณแม่ไปยังห้องอาหารที่มาดามแพทนำทาง จะได้รู้ว่าเราเกลียดเขาตั้งแต่แรกเจอ! "ผู้หญิงเกลียดแปลว่าผู้หญิงรัก" เซบาสเตียนคิดเข้าข้างตัวเองอย่างไม่ยอมแพ้ เขาจะไม่ยอมปล่อยให้เธอหลุดมืดเมื่อคราวที่แล้วแน่นอน! เราเข้ามานั่งเก้าอี้ข้างคุณแม่ของตัวเอง อีกไม่นานเขาคนนั้นก็ยิ้มแย้มอารมณ์ดีก็เข้ามานั่งเก้าอี้ข้างๆเราแถมยังขยับเก้าอี้เข้ามานั่งใกล้ชิดกับเราอีก มันชักจะมากเกินไปแล้วนะ เหล่าบรรดาพวกพี่ชายและพี่สะใภ้ของเขาต่างมองหน้ากันอย่างรู้ดี ทั้งคุณพ่อคุณแม่ของเขากับเราต่างก็เห็นดีเห็นงามไปด้วย ไม่มีใครเข้าข้างหนูนิดเลยสักคนเดียว! "ทุกคนคงจะหิวข้าวกันแล้ว ไม่รู้จะถูกใจว่าที่ลูกสะใภ้คนสุดท้ายของแม่แพทหรือเปล่า" แค่นี้ทุกคนก็รู้แล้วว่ามาดามแพทจะโปรดปรานลูกสะใภ้น้อยมากกว่าใคร เพราะเราอายุน้อยที่สุดในบรรดาเหล่าพี่สะใภ้ทั้งสามคน "ถะ...ถูกใจค่ะคุณมาดาม" เราตอบตะกุตะกะแก่ท่านผู้ใจดี เราเกรงใจท่านที่จะบอกให้ยกเลิกงานแต่งกับเขาแก่คุณมาดามแพทรับรู้ เราคงทำใจลำบากที่จะต้องแต่งงานกับเขา โดยเฉพาะตราบาปที่เขาทำกับเราเอาไว้จนกำเนิดมาแล้วตั้งสองคน... "ไม่ต้องเรียกห่างเหินขนาดนั้น เรียกว่าคุณแม่แพทเหมือนกับพวกพี่สะใภ้เถอะ อีกไม่นานเราก็จะได้มาเป็นครอบครัวเดียวกัน" "ค่ะคุณแม่แพท" เราน้อมรับว่านอนสอนง่ายต่อหน้าผู้ใหญ่ กิริยาอ่อนน้อมถ่อมตนทำให้มาดามยิ่งรักยิ่งเอ็นดูมากกว่าเดิม ว่าที่สะใภ้คนน้อยคนนี้ถูกใจเธอมากที่สุด... 'อย่าปล่อยหนูนิดให้หลุดมือเชียวล่ะตาเซบาส' มาดามแพทคิดเอาไว้ในใจ . . . Talk เซบาสเตียน หลังจากที่สองครอบครัวรับประทานอาหารเช้ากันเสร็จสิ้นแล้ว เหล่าผู้ใหญ่ก็ขอตัวไปคุยเรื่องสินสอดและหาฤกษ์ยามกันที่ห้องรับรอง คุณแม่สั่งกำชับให้ผมดูแลว่าที่เจ้าสาวของผมเป็นอย่างดี ตอนนี้พาเธอมานั่งพักที่มุมสวนดอกไม้อยู่ข้างหลังบ้านใหญ่ "ไม่คิดเลยว่าจะเป็นเธอ คืนนั้นเมื่อ5ปีก่อน เธอหนีฉันไปทำไม" เขาอยากรู้เหตุผลของเธอ ทั้งที่ผมจะแสดงความรับผิดชอบทันทีที่ตื่นขึ้นมาก็ไม่เห็นคนข้างกายซะแล้ว "แล้วจะฉันตื่นขึ้นมาแล้วเอะอะโวยวาย ร้องไห้ที่เสียพรหมจรรย์แก่ชายแปลกหน้างั้นเหรอ คุณนี่เองที่ทำลายชีวิตฉัน!" แววตาโกรธเคืองของเธอทำให้อีกฝ่ายรู้ว่าทำสิ่งที่ผิดพลาดไปอย่างมหันต์และไม่มีวันเรียกมันกลับคืนมาได้! "ฉันขอโทษที่ทำลายชีวิตเธอ ตั้งแต่คืนนั้นฉันก็เฝ้าแต่คิดถึงเธอและตามหาเธอตลอด5ปี ฉันอยากรับผิดชอบสิ่งที่ทำกับเธอ เธอให้โอกาสฉันให้แก้ตัวได้ไหม หนูนิด" "ที่ฉันมาที่นี้ก็เพื่ออยากจะบอกว่าฉันจะไม่แต่งงานกับคนที่ฉันไม่ได้รัก หวังว่าคุณคงจะเข้าใจนะคะ ปล่อยมือฉันได้แล้ว" เขาจับมือเธอทั้งสองข้างกุมเอาไว้แน่น ยิ่งเธอพูดแบบนี้ยิ่งไม่ปล่อย! "แต่ฉัน....ฉันอยากรับผิดชอบเธอด้วยการแต่งงาน ถ้าเธอไม่ยอม ฉันก็จะบอกความจริงแก่พ่อแม่เธอรู้ว่าเราสองคนเคย..." "อย่านะ! นายอย่าบอกเรื่องนั้นให้พ่อแม่ฉันรู้เด็ดขาด ถ้าพวกท่านรู้คงจะโกรธมาก" สงสัยเธอคงไม่อยากให้พวกท่านรู้จริงๆด้วย ผมไม่ใช่คนใจไม้ไส้ระกำหรอกแค่อ้างมาขู่เฉยๆ "ถ้าเธอไม่อยากให้พวกท่านรู้ เธอก็ต้องแต่งงานกับฉัน ไม่มีทางเลือกหลายทางให้แก่เธอหรอกนะ" "คุณนี่มันเป็นคนเจ้าแผนการชัดๆ" ชายหนุ่มยักไหล่ไม่สะทกสะท้านคำต่อว่าของผู้หญิงตัวเล็ก เพราะผมคงทำอย่างนั้นที่เธอว่าจริงๆ "หนูนิด ฉันยังไม่ลืมเหตุการณ์ในคืนนั้น และตอนนี้มันก็ยังชัดเจนอยู่ในความทรงจำ ฉันไม่ลืมเธอสักนิดเลยนะนิรชา" สายตาคมกริบสื่อถึงแววตาลึกซึ้งที่มีให้แก่ผู้หญิงคนหนึ่ง ไม่ใช่ความใคร่ แต่เป็นความรู้สึกข้างในที่ก่อเกิดอยู่ในใจ "เอ่อ ฉันขอตัวไปหาคุณพ่อคุณแม่นะคะ พวกท่านน่าจะคุยกันเสร็จแล้ว ส่วนเรื่องข้อเสนอนั้นฉันจะลองกลับไปคิดดูก่อน คุณก็อย่าเพิ่งพูดเรื่องนั้นให้ใครฟังแล้วกัน" "ฉันไม่ลืมอยู่แล้วแหล่ะ" เซบาสเตียนส่งยิ้มอ่อนแก่คู่หมั้นของผมที่คุณแม่หาให้ตั้งแต่เด็กๆ ตอนแรกก็โกรธคุณแม่มาก แต่ตอนนี้กลับต้องขอบคุณคุณแม่ด้วยซ้ำที่พาเธอคนนั้นมาให้ผม เจ้าสาวของผมมีแค่คนเดียวก็คือหนูนิด... . . . Talk หนูนิด @โรงแรมหรู คุณพ่อคุณแม่ว่าจะบินกลับเมืองไทยวันนี้แหล่ะแต่พอดีมีงานด่วนเข้ามา ซึ่งลูกค้านัดคุยงานที่นี้พอดี เราเลยเก็บตัวอยู่ในห้องพักอีกห้องข้างๆห้องพักของพ่อแม่ที่จองเอาไว้ พลางคิดทบทวนว่าเขาพูดจริงหรือหลอกให้เราตายใจ "แล้วฉันจะเชื่อคำพูดของคนที่ทำลายชีวิตฉันได้ยังไง ในเมื่อเขาเป็นผู้ชายลวงโลก!" นิรชาไม่เชื่อว่าเขาจะทำดีด้วยกับเรา ชาตินี้ไม่ขอมีความรักให้กับใครเพราะรักทั้งหมดให้ลูกแฝดไปจนหมดสิ้นแล้ว "การแต่งงานครั้งนี้เป็นแค่การแต่งที่จำใจเท่านั้นและเพื่อรักษาความลับไปตลอดกาล นิรชา เธอห้ามไปรักคนที่เป็นพ่อของสองแฝดนั้นเด็ดขาด!" ขณะที่เรากำลังควบคุมสติอารมณ์ไม่ให้เตลิดไปกับคำพูดลมปากของเขาก็มีเสียงเคาะประตูห้องดังขึ้นทันที ก๊อก ก๊อก "ใครกัน หรือว่าคุณพ่อคุณแม่จะกลับมาแล้ว" เราลุกเดินออกไปเปิดประตูห้องพัก ก็พบใครคนหนึ่งมายืนร้องไห้ต่อหน้าเรา "นัยน์!" เราตกใจที่เจอเธออยู่ที่นี้ได้ยังไง อ้อ ครอบครัวเธออยู่ที่นี้ตั้งแต่แรกนี่น่า "ฮือๆ นิด ฉันไม่รู้จะพึ่งใครดี ช่วยฉันด้วยนะนิดเพื่อนรักของนัยน์" นัยน์นภา เพื่อนสนิทเข้ามากอดตัวเราเอาไว้พร้อมปล่อยโฮออกมา นิรชาไม่รู้ว่ามันเกิดอะไรขึ้นกับเธอ หลังจากที่ยัยนัยน์ร้องไห้สะอื้นจนไม่เหลือน้ำตาแล้วก็พานางมาที่ห้องพลางพูดจากันให้รู้เรื่องว่ามันเกิดอะไรขึ้น เราก็ยินดีช่วยถ้ามันไม่หนักหนาสาหัสพอ "เกิดอะไรขึ้น ทำไมนัยน์ถึงร้องไห้มากมายขนาดนี้" "นัยน์ไม่มีที่ให้ซุกหัวนอนอีกแล้ว พ่อนัยน์ก็ถูกไล่ล่าจนต้องหนีไปอยู่ที่อื่นแถมพวกตำรวจยังอายัดทรัพย์ทุกอย่าง ตอนนี้นัยน์มีแค่ตัวเท่านั้น นัยน์ขออยู่กับนิดได้ไหม ไม่กี่วันเอง" "ทำไมจะไม่ได้ ก็นัยน์คอยช่วยเหลือนิดมาตั้งแต่สมัยเรียนมหา'ลัยแล้ว เรื่องแค่นี้เองนิดยินดีช่วยเพื่อนคนนี้เสมอ ว่าแต่นัยน์รู้ได้ไงว่านิดพักอยู่ที่นี่" หญิงสาวยังไม่บอกเพื่อนเลยว่าเธอมาทำธุระที่นี่ "เอาเป็นว่ารู้ได้ก็แล้วกัน ทำไมนิดมาทำอะไรที่นี้แหล่ะ หรือเป็นเรื่องธุรกิจ" "ไม่หรอก นิดมาที่นี้ก็เพราะคุณพ่อคุณแม่บังคับให้นิดแต่งงานกับคนในตระกูลมาเฟียนะ" "นิดจะแต่งงานคุณเซบาสน่ะเหรอ" "นัยน์รู้ได้ยังไง!"
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD