ร่างสูงกำยำอัดแน่นไปด้วยมัดกล้ามยืนอยู่ตรงหน้า พาให้หัวใจของบุณณดาเต้นแรงจนแทบจะกระดอนออกมานอกอก
รอยสักที่อยู่หน้าอกเป็นรูปนกอินทรีกางปีกช่างดูเร้าใจน่าสัมผัส และไหนจะรูปดวงจันทร์เต็มดวงและครึ่งเสี้ยวบริเวณสีข้างที่เรียงตัวเป็นแนวยาวลงมาอีก ช่างดูดีจนบุณณดาอยากยื่นมือไปลูบไล้แต่ทำได้เพียงคิด
เพราะตอนนี้ตื่นเต้นจนทำอะไรไม่ถูก ไวน์ที่ดื่มเข้าไปก็เหมือนไม่ช่วยอะไร คล้ายกับจะทำให้หายจากอาการมึนเมาเสียด้วยซ้ำ
ชายหนุ่มโน้มตัวช้อนร่างบางที่นั่งอยู่ที่โซฟาอุ้มขึ้นแนบอก เดินไปยังเตียงนอนขนาดใหญ่ วางหญิงสาวลงอย่างทะนุถนอม คว้ารีโมทที่หัวเตียงหรี่ไฟที่สว่างจ้าให้เป็นสีนวลสบายตา
ทาบทับร่างกายลงมาหาหญิงสาวที่นอนมองเขาตาใสแจ๋ว แต่มีแววประหม่าฉายชัดออกมาพอสมควรชวนเอ็นดู แต่อีกสักพักเธอน่าจะได้ดูเอ็นเขาอย่างแน่นอน
มือหนาประคองใบหน้างาม เกลี่ยแก้มเนียนใสไร้สิวฝ้าราวกับจะปลอบใจ จ้องลึกเข้าไปในดวงตากลมโตและยิ้มอบอุ่นออกมา
“ไม่ต้องกลัว ผมไม่ได้ซาดิสม์ และไม่ชอบใช้ความรุนแรงทำร้ายคู่นอน ไม่ชอบเล่นอะไรพิสดารหวาดเสียว คุณสบายใจได้” เพราะต่อจากนี้จะมีแต่ความเสียวเท่านั้นเกิดขึ้น
บุณณดากัดริมฝีปากตัวเองไว้ เธอไม่ได้กลัวเรื่องนั้นสักหน่อย เธอแค่ทำตัวไม่ถูกเท่านั้น ไม่รู้ว่าการที่คนเราร่วมรักกันต้องทำยังไง
“กัดปากแบบนี้ คุณทำให้ผมมีอารมณ์มากรู้ไหม” ปากที่กัดไว้คลายออกจากกัน หลุบสายตามองต่ำเพื่อหลบสายตาทอประกายแพรวพราวของชายคนนี้ ทว่าชายหนุ่มกลับเชยคางมนให้ขึ้นสบสายตากันดังเดิม
“จะทำอะไรก็ทำเถอะค่ะ ดึกแล้วฉันง่วง” อารมณ์รัญจวนก่อนหน้าหายไปจนแทบไม่มีเหลือ เผลอหัวเราะออกมากับคำพูดของคนใต้ร่าง
“เด็กน้อย นอนแต่หัววันเลยหรือไง”
“ไม่เด็กแล้วเหอะ” อ้อมแอ้มตอบกลับมาหน้ามุ่ย เมื่อถูกอีกคนกล่าวหาว่าเด็ก เด็กบ้าเด็กบออะไรล่ะ ยี่สิบห้ายี่สิบหกแล้วไหม
“โอเค ไม่เด็กก็ไม่เด็ก โตเป็นสาวเต็มตัวแล้วด้วย" พินิจใบหน้างามต่ำลงมายังลำคอขาวที่เห็นเนินเนื้อสีขาวโผล่ออกมาจากเสื้อที่แยกออกจากกัน
“คุณป้องกันด้วยนะคะ ฉันไม่อยากติดโรค”
“ผมก็เช่นกัน” ดวงตากลมโตค้อนขวับเข้าให้ อยากจะบอกเหลือเกินว่าไม่ต้องกลัวว่าจะติดโรคจากเธอหรอกเพราะเธอนั้น...
ยังไม่ทันคิดจบ ริมฝีปากอุ่นของชายหนุ่มก็ทาบทับลงมาบนเรียวปากเสียแล้ว ความคิดฟุ้งซ่านก่อนหน้าเป็นอันหยุดชะงักและหายไป นอนนิ่งหลับตาพริ้มทำตัวไม่ถูกกับสิ่งที่เกิดขึ้น จุมพิตแรกในชีวิตของเธอได้เสียให้กับคนแปลกหน้าที่ใจบอกว่าใช่ไปเสียแล้ว
กลีบปากสวยราวดอกไม้ส่งกลิ่นหอมดั่งดอกไม้พรรณงาม ความนุ่มนิ่มของเรียวปาก ทำให้ชายหนุ่มถูกใจยิ่งกว่าครั้งไหน บรรจงจุมพิตมอบความหวานให้หญิงสาวอ้อยอิ่งดั่งกลัวกลีบปากสวยจะบอบช้ำหากบดขยี้รุนแรงตามใจปรารถนา ไม่อยากรุกล้ำหญิงสาวมากจนเกินไป ค่อยๆ ไล่เล็มเรียวปากสวยนุ่มนวล
สัมผัสนุ่มนวลแปลกใหม่ทำให้คนไร้ประสบการณ์เคลิบเคลิ้ม สมองที่ถูกครอบครองด้วยแอลกอฮอล์ไปถึงครึ่งหยุดสั่งงานทุกอย่างลง ปล่อยทุกอย่างเป็นไปตามความต้องการทางธรรมชาติของมนุษย์
มือที่ไม่รู้จะเอาไว้ตรงไหนในคราแรก ยกขึ้นโอบกอดลำคอแกร่งสอดนิ้วเรียวเข้าในผมดกดำขยุ้มเบาๆ ตามแรงอารมณ์วาบหวาม เผยอปากรับจุมพิตหวานซ่านใจ ที่ชายหนุ่มมอบให้อย่างไม่ประสา
ชิวหาสอดแทรกพลิ้วไหวเข้าสู่โพรงปากนุ่มละมุน ความหวานซุกซ่อนอยู่ภายในยิ่งกว่าน้ำผึ้งเสียด้วยซ้ำ ดูดดื่มความหวานราวกับคนไม่เคยพบพาน จากที่แผ่วเบานุ่มนวลในคราแรกก็เริ่มเพิ่มความร้อนแรงตามความปรารถนาที่มีมากจนรั้งรออีกไม่ไหว
คนถูกเพลิงจุมพิตหวานเล่นงาน รู้สึกวาบหวามรัญจวนใจ หากจะนอนนิ่งเฉยดั่งตอไม้ที่ไม่มีชีวิตคงไม่ได้การ จูบตอบกลับไปบ้างจะเป็นไร แม้จะเงอะงะไม่ประสาแต่กลับสร้างความพึงพอใจให้อีกคนจนลอบยิ้มออกมา
บุณณดาลุ่มหลงมัวเมาไปกับอารมณ์รัญจวน เพลิงปรารถนาที่ถูกปลุกเร้าจากชายแปลกหน้า เดินตามชายหนุ่มไปยังดินแดนแห่งความมหัศจรรย์แปลกใหม่ที่ไม่เคยพบพาน ยิ่งถูกเขารุกรานมากเท่าไหร่ยิ่งรู้สึกตื่นเต้นน่าติดตาม จนกลัวเขาจะทิ้งเธอไปกลางทาง อยากให้เขาจับมือเธอเดินไปจนสุดทางแสนหวานดั่งน้ำผึ้งนี้
ชั้นเชิงการจูบที่มีมากกว่า ถูกมอบให้หญิงสาวทุกกระบวนท่าที่สะสมมา ลิ้นชื้นเกี่ยวพันรัดลิ้นเล็กแน่นดั่งเชือกที่ถูกถักทอเป็นเกลียว ยิ่งหญิงสาวตอบโต้กลับมายิ่งเพิ่มความต้องการจนยากจะยับยั้งได้อีกต่อไป
แม้ฝีมือและชั้นเชิงของคนใต้ร่างจะดูคล้ายกับคนเพิ่งเคยจูบก็ตาม แต่ชายหนุ่มกลับไม่สนใจ เพราะการตอบสนองแบบเงอะงะ กลับทำให้เขามีความปรารถนามากอย่างน่าประหลาดใจ จากจูบแสนหวานจึงเริ่มเร่าร้อน ดูดดื่ม ร้อนแรงจนคนใต้ร่างตั้งรับแทบไม่ทัน
“อื้อ...อื้อ” เสียงร้องครางอู้อี้พร้อมทั้งมือบางที่บีบลงบนบ่า ทำให้ชายหนุ่มผละริมฝีปากออกห่างอย่างเสียดาย เพื่อปล่อยให้คนใต้ร่างได้พักหายใจหายคอ เมื่อริมฝีปากเป็นอิสระบุณณดาก็รีบสาวเอาอากาศเข้าไปเต็มปอด พลางถามออกมาเสียงสั่น
“ถอนตัวได้ไหม” เสียงหัวเราะขบขันดังขึ้นเบาๆ ใบหน้าหล่อเหลาขาวดั่งหญิงสาวโน้มลงหาเรียวปากอิ่มคลอเคลียอยู่เคียงใกล้
“คุณมาไกลเกินกว่าจะถอยแล้วครับ เด็กน้อย” ประกบริมฝีปากลงบนเรียวปากอิ่มอีกครั้ง ทว่าครั้งนี้กลับไม่ได้อ่อนโยนนุ่มนวลแต่อย่างใด
เมื่อความต้องการมีมากจนเริ่มจะอดทนไม่ไหว อยากสำรวจเรือนร่างสวยงามขาวเนียนนี้เสียจริง ว่าจะสวยงามดั่งใบหน้าของหญิงสาวหรือไม่ มือหนาลูบไล้แขนเรียวเป็นการเริ่มสำรวจเรือนร่าง ลูบไล้ไปทั่วแขนมายังสีข้างและสิ่งที่ใจปรารถนาอยากสัมผัสมานาน
“อ้ะ” เสียงหวานร้องประท้วงร่างงามสะดุ้งเล็กน้อย เมื่อมือหนารุกล้ำทรวงอกคู่งามที่ไม่เคยมีมือชายใดเคยสัมผัสมาก่อน
ลมหายใจของชายหนุ่มหอบแรงขึ้นเรื่อยๆ เมื่อสัมผัสได้ถึงความอวบอิ่มพอดีมือ จนอยากเห็นด้วยตา ไม่รอช้าที่จะเข้าไปพินิจ ริมฝีปากหนาจึงผละออกจากความหวานดุจน้ำผึ้ง ซุกไซ้ลงมายังลำคอระหงขาวเนียน ต่ำลงมายังเนินขาวจูบลงเนินเนื้อเบาๆ
จัดการปลดเชือกเสื้อคลุมอาบน้ำทิ้งไป นิ้วแกร่งเกี่ยวสาบเสื้อให้แยกออก ทว่าบุณณดากลับคว้าไว้ได้ทัน
“อย่าดื้อสิเด็กน้อย” พรมจูบลงบนหลังมือบาง เงยหน้าส่งยิ้มอบอุ่นให้หญิงสาว เพียงเท่านี้อาการขัดขืนก็หายไป ยอมทอดกายให้ชายแปลกหน้าเชยชมอย่างง่ายดาย
น้ำลายเหนียวถูกกลืนลงคอ สายตาคมทอดมองความสวยงามของหญิงสาวที่ประจักษ์แก่สายตา ลมหายใจของชายหนุ่มขาดเป็นห้วงๆ แววตาทอประกายระยิบระยับดั่งดวงดาวบนท้องนภา เมื่อเห็นความอวบอิ่มชูชันประดับสีชมพูตรงปลายยอด
ใบหน้าคมโน้มต่ำเข้าหา ลิ้นชื้นทำหน้าที่สำรวจความสวยงาม พร้อมทั้งฝ่ามือก็ทำหน้าที่สำรวจความอวบใหญ่ เสียงครางอื้ออึงดังขึ้นด้วยความพอใจ เร่งจังหวะลิ้นชื้นพลิ้วไหวดั่งกำลังทดลองความเร็วของลิ้น ว่าจะพลิ้วไหวและเร็วได้แค่ไหน
บุณณดาหลับตาพริ้ม ใบหน้างามสะบัดไปมา ความรู้สึกคล้ายกำลังทรมานก็ไม่ใช่ ไม่ทรมานก็ไม่เชิง ความรู้ที่เกิดขึ้นคืออะไร ทั้งร้อนทั้งหนาวในเวลาเดียวกัน ส่วนนั้นของร่างกายเหมือนจะมีบางอย่างไหลซึมออกมา ยิ่งชายหนุ่มหยอกเย้ายอดอกสีหวานด้วยลิ้นชื้นและโพรงปาก เธอก็ยิ่งทรมาน
ความรู้สึกนี้เรียกว่าเสียวจะได้ไหม ทรมานจนตัวลอยแผ่นหลังแอ่นขึ้นไม่ติดพื้นตามริมฝีปากอุ่นดูดดื่ม เรียกว่าเสียวใช่หรือเปล่า ร่างกายสั่นสะท้านเบาๆ แลสะดุ้งสลับกันไปยามถูกเรียวลิ้นร้ายตวัดพลิ้วไหว
สายตาคมเหลือบมองหญิงสาวเป็นระยะ ไม่เข้าใจด้วยเหตุใดหญิงสาวถึงต้องเม้มปากแน่นเพื่อกลั้นเสียงครางไม่ให้ดังออกมา ไม่รู้หรืออย่างไรว่าเขาอยากได้ยินเสียงร้องครางของเธอขนาดไหน อยากได้ยินเสียงหวานครวญครางราวจะขาดใจ
ทว่าชายหนุ่มก็เลือกที่จะสลัดความคิดนั้นออกไป ร่างสูงเคลื่อนตัวต่ำลงช้าๆ สำรวจร่างงามทุกตารางนิ้ว ริมฝีปากอุ่นพรหมจูบไปทั่วผิวขาวนุ่มละมุนมือ ขบเม้มสร้างรอยบนเนื้อขาวสะอาดตา ไม่คิดเลยว่าหญิงสาวจะสวยทุกตารางนิ้วขนาดนี้ ไม่มีไฝฝ้าสักเม็ดให้รกตา บุณณดาแทบละลายคล้ายกับร่างกายถูกไฟช็อตยามริมฝีปากอุ่นจุมพิตลงบนผิวกาย
สิ่งที่ทำให้ชายหนุ่มหายใจสะดุดและใจเต้นแรงในเวลาต่อมา คงเป็นความสวยของบุปผางามกลางกายโอบล้อมไว้ด้วยพงไพรพองามตา เบ่งบานอวดความสวยงามละลานตา พานให้ใจหวิวไหวใคร่อยากเชยชมและลิ้มรสน้ำหวานกลางบุปผางาม
“สวย คุณสวยไปทั้งตัว” รำพึงรำพันราวกับความสวยงามเบื้องหน้าคือความฝัน ทว่าคนถูกชมกลับเอียงอายจนแทบแทรกแผ่นดินหนี มือที่ไร้เรี่ยวแรงเอื้อมมาเพื่อปิดบุปผาไว้ แต่กลับถูกมือหนาคว้าหมับและจับมือบางให้ทำหน้าที่จับขาตัวเอง
เพื่อชายหนุ่มจะได้เชยชมความงามอย่างถนัดถนี่ ทอดสายตาแวววาวชื่นชมความงาม ที่ไม่มีร่องรอยบอบช้ำให้เห็น กลีบดอกยังคงความสดใหม่สีชมพูสวยน่ามอง
“อ้ะ” เสียงหวานครวญครางแผ่วเบาหลุดออกจากเรียวปากอิ่มในที่สุด ร่างงามสะท้านด้วยความรู้สึกแปลกใหม่ พยายามถอยร่นและหนีบขาเข้าแต่ไม่เป็นผล
เมื่อคนที่ซุกไซ้ใบหน้าเชยชมบุปผาไม่ยอมให้ขยับไปไหน ตรึงเธอไว้ด้วยความเสียวซ่านที่แผ่กระจายพลุ่งพล่านจนยากจะดับลง ยามลิ้นนั้นร่ายมนตร์ใส่พลิ้วไหว บ้างก็เบาราวขนนกบ้างก็หนักราวกับลมพายุกระโชกแรง จนบุณณดาสะท้านสั่นไหวทั้งใจและร่างกาย
เธอเคยได้ยินว่ายามร่วมรักร่างกายจะโอนอ่อนไม่มีแรง ช่องท้องบิดเกร็งดั่งมีมวลสารไหลวนเป็นเกลียวคลื่นซัดสาด หรือไม่ก็เหมือนมีผีเสื้อบินวนอยู่ในนั้น
ตอนนี้เธอประจักษ์แก่ความสงสัยก่อนหน้า ว่าจะเกิดความรู้สึกนั้นได้อย่างไร ขณะนี้แจ่มแจ้งในหัวใจ สิ่งที่เขาว่าไว้คือความจริงทุกประการ
ส่วนชายหนุ่มตอนนี้ไฟพิศวาสสุมทรวงไหลร่วงลงมาอยู่ที่อาวุธคู่ใจร้อนระอุแทบจะระเบิดออกมา ทว่าสิ่งที่อยู่ตรงหน้าก็หอมหวานละมุนจนไม่อยากผละไปไหน สุดท้ายก็ตัดสินใจเลือกทางไหนสักทาง
ยันตัวลุกขึ้นนั่ง มองใบหน้าสวยที่ทอดสายตามายังเขาด้วยความประหม่าและกังวลไม่จางหาย จนชายหนุ่มนึกเอ็นดู โน้มตัวกดจูบลงบนเรียวปาก ผละตัวออกห่างไปหยิบอุปกรณ์ป้องกันมาสวมใส่
บุณณดาหัวใจแทบหยุดเต้นกับสิ่งที่จะเกิดขึ้นข้างหน้า ยิ่งเห็นตัวตนของเขาต่อหน้าต่อตาก็แทบลืมหายใจ รีบหลับตาลงในทันใด สองมือกำผ้าปูที่นอนเอาไว้แน่น
เมื่อความต้องการมีมากจนยากจะหักห้ามใจ ไฟปรารถนาก็ร้อนแรงจนแทบจะแผดเผาทุกอย่างให้มอดไหม้ สิ่งเดียวที่ทำได้คือสอดประสานกันเป็นหนึ่งเดียว เพื่อปลดปล่อยจากความทรมาน ชายหนุ่มจึงสอดประสานร่างกายเข้ากับหญิงสาวอย่างลึกล้ำรุนแรงในครั้งเดียว
“อื้อ...คุณ พอ พอก่อนได้ไหม” ดวงตาหลับพริ้มในคราแรกเบิกกว้าง ใบหน้าสวยนิ่วหน้าด้วยความทรมาน ริมฝีปากอิ่มเม้มเข้าหากันแน่น มือที่กำผ้าปูที่นอนเปลี่ยนมายันหน้าท้องแกร่งไว้ไม่ให้ขยับตัวเข้ามา รู้สึกเหมือนส่วนล่างของเธอกำลังจะฉีกออกจากกัน
ส่วนคนที่ถูกบอกให้หยุดก็ถึงกับหัวใจเต้นแรง มองใบหน้าหญิงสาวด้วยความไม่เข้าใจ สงสัย แปลกใจ งุนงง ความรู้สึกตอนนี้ตีกันวุ่นวายยุ่งเหยิง นี่มันอะไรกัน ทำไมเธอถึงได้...
“นี่คุณยัง...ยังไม่เคยเหรอ” เกลี่ยน้ำตาที่ไหลออกมาทางหางตาให้อย่างเบามือ ยิ่งเห็นหญิงสาวพยักหน้าเป็นคำตอบก็ยิ่งสงสาร แต่เสี้ยวนาทีที่ผ่านมาคล้ายกับมีความอิ่มเอม ภูมิใจและดีใจวิ่งเข้ากระแทกที่หน้าอกด้านซ้ายจนมันจุกอยู่ข้างใน
“แล้วทำไมถึงไม่บอกผม”
“ก็ไม่คิดว่ามันจะเจ็บแบบนี้นี่น่า” เอ่ยแย้งออกมาเสียงอ่อยอย่างน่าสงสาร นึกอยากจะจับฟัดให้หายซ่าสักที เด็กคนนี้นี่ยังไง รนหาเรื่องเจ็บตัว
“คุณนี่นะ...เอาเป็นว่าผมจะทำให้คุณเจ็บน้อยที่สุด ขออย่างเดียวคุณอย่าเกร็งปล่อยตัวตามสบาย แล้วคุณจะมีความสุขกับมัน”
“ไม่เอาแล้วได้ไหม” เมื่อความเจ็บเข้าแทรกซึมแทนความเสียวซ่าน เด็กใต้ร่างก็ดูเหมือนจะงอแงไม่อยากเล่นสนุกด้วยเสียแล้ว ซึ่งแน่นอนว่าเธอไม่มีสิทธิ์หยุดถ้าเขายังไม่อิ่ม
“มีแต่จะเอาไม่ได้พักเด็กน้อย หยุดพูดได้แล้วครับ รอครางอย่างเดียวก็พอ” ริมฝีปากหยักครอบครองยอดอกสีหวานหยอกเย้าเอาใจ การกระตุ้นอารมณ์พิศวาสที่หายไปให้กลับคืนมา
ดึงหญิงสาวออกจากความทรมานสู่ความหฤหรรษ์ ที่เขาเป็นคนนำทาง บทรักในจังหวะเชื่องช้าจึงเริ่มบรรเลงขึ้นเพื่อเป็นการสอนนักเรียนฝึกหัดให้เข้าใจบทเรียนนี้
และดูเหมือนนักเรียนจะหัวไวไม่น้อย เพียงไม่นานอาการเกร็งในคราแรกก็จางหาย เริ่มตอบสนองบทเพลงรักแสนหวานอย่างไม่ประสา และความไม่ประสานั้นกลับทำให้ชายหนุ่มต้องการหญิงสาวมากขึ้นทุกวินาที
จากบทเพลงรักที่เชื่องช้าเริ่มเปลี่ยนเป็นเร่าร้อนตามความต้องการของร่างกาย และอารมณ์กระสันที่ต้องการปลดปล่อยซึ่งกันและกัน
บุณณดาไม่สามารถปฏิเสธได้เลยว่าสิ่งที่เกิดขึ้นในตอนนี้ ทำให้เธอหัวหมุนสมองขาวโพลนขนาดไหน
ไม่สิ! ต้องบอกว่าไม่มีอะไรในสมองเธอเลยต่างหากในเวลานี้ มีเพียงความเร่าร้อนเท่านั้นที่เกิดขึ้น
คล้ายกับตัวเองกำลังจะล่องลอยไปในอากาศ แผ่นหลังแอ่นขึ้นไม่ติดเตียงครั้งแล้วครั้งเล่า แต่ชายหนุ่มก็ฉุดให้เธอลงมาที่เดิมทุกครั้งไป ความรู้สึกนี้คืออะไร
เช่นเดียวกับชายหนุ่มที่ก็แทบพาเธอไปเยือนสวรรค์ครั้งแล้วครั้งเล่า แต่ยังดีที่เขาสามารถคุมเกมได้ดีทุกครั้ง ยังไม่อยากเดินทางไปถึงในเวลาอันสั้น อยากใช้เวลาแห่งความสุขนี้ต่อไปเรื่อยๆ
ยิ่งได้ยินเสียงหวานร้องครางออกมาเบาๆ ความสุขความกระสันก็เพิ่มมากขึ้นเท่านั้น มองเรือนร่างขาวเนียนตรงหน้าก็อดไม่ได้ที่จะลูบไล้สัมผัส หัวใจตอนนี้ฟูขึ้นคับอก ไม่คิดว่าตัวเองจะโชคดีขนาดนี้ที่ได้ครอบครองหญิงสาวคนนี้ หากไม่ใช่เขาที่ครอบครองล่ะ จะเป็นเช่นไร
“คุณ ฉัน ฉัน...”
“อีกนิดเดียวเด็กน้อย ผมขอนิดเดียวเท่านั้น” สิ้นเสียง ร่างสูงก็โหมแรงเข้าใส่ร่างบางอย่างบ้าคลั่ง ร่างสองร่างกอดกันแน่นเมื่ออีกไม่นานทั้งคู่จะเดินทางไปยังแดนสุขาวดีแสนหวาน
ใบหน้างามสะบัดไปมาด้วยความทรมาน เหมือนร่างกายกำลังจะแตกออกจากกันเป็นเสี่ยงๆ ในอีกไม่กี่นาทีข้างหน้า
ยื่นมือขึ้นมาโอบกอดชายหนุ่มเอาไว้แน่น และหลังจากนั้นไม่นาน เสียงหวีดร้องของหญิงสาวก็ดังขึ้นพร้อมกับเสียงครางต่ำในลำคอ
เมื่อทั้งคู่ปลดปล่อยความสุขออกมาพร้อมกัน ในสวนดอกไม้งามนานาพรรณออกดอกชูช่อส่งกลิ่นหอมละมุน มีผีเสื้อนับร้อยบินวนอยู่รอบตัว ช่างเป็นภาพที่สวยงามชวนฝันดั่งที่ไม่เคยพบพานมาก่อน