เสียงเรียกเข้าของสมาร์ทโฟนส่งเสียงร้องติดกันหลายครั้งหลายหน ปลุกคนที่นอนหลับสนิทอยู่บนเตียงนอนให้รู้สึกตัวตื่นขึ้นมา แขนเรียวยื่นออกมานอกผ้าห่มกวาดไปทั่วเตียง เพื่อหาเจ้าของเสียงนั้นทว่ากลับไม่พบ
ดวงตาที่ปิดสนิทจึงลืมขึ้น แต่ก็ต้องหลับลงไปอีกคราเมื่อม่านตาต้องกับแสงสว่างจ้าที่สาดส่องเข้ามาผ่านทางกระจกที่ผ้าม่านถูกเปิดไว้ และลืมตาขึ้นใหม่อีกครั้ง ยันตัวลุกขึ้นนั่งมองไปรอบห้องพักที่มีเพียงเธอคนเดียว ลมหายใจหนักๆ ก็ถูกดึงออกมาจากปอด
อยากจะทิ้งตัวเองให้หงายหลังตึงลงบนเตียงอีกรอบ แต่ดูเหมือนปลายสายที่โทรมาจะมีความพยายามมากเป็นไหนๆ ขนาดเธอไม่รับยังโทรมาติดๆ กันอยู่ได้
ขาเรียวยกขึ้นจะก้าวก็ขัดเคืองตรงกายสาว แต่ถึงอย่างนั้นก็พาร่างอันสะบักสะบอมมายังโซฟาได้สำเร็จ ควานหาเจ้าเสียงร้องที่ปลุกให้เธอตื่นขึ้นมาในกระเป๋า ทว่าเสียงนั้นกลับเงียบไปเสียก่อน บุณณดาจึงกดโทรกลับไป พร้อมทั้งเอนตัวพิงพนักโซฟายกมือขึ้นนวดขมับที่เริ่มจะปวดตุบๆ
“ว่าไงแพรว”
(คุณต้องไม่เข้าทำงานเหรอคะวันนี้ นี่มันจะสิบโมงแล้วนะคะ) มือที่นวดขมับเปลี่ยนมาตีหน้าผากดังป๊าบ
นี่เธอกำลังทำตัวเสียคนอยู่ใช่ไหมเนี่ย งานก็ไม่ได้ไปทำ แถมยังมาทำตัวแบบนี้อีก
“วันนี้พี่ปวดหัว คงไม่ได้เข้าไป มีงานอะไรด่วนที่พี่ต้องเซ็นหรือเปล่า”
(ไม่มีค่ะ แพรวแค่เป็นห่วง ไม่เห็นคุณต้องมาทำงาน นึกว่าเป็นอะไรก็เลยโทรมาหาค่ะ แล้วคุณต้องเป็นอะไรมากไหมคะ ให้แพรวพาไปหาหมอไหม หรือให้แพรวโทรสั่งอาหารไปส่งที่คอนโดไหมคะ)
“ไม่เป็นไรแพรว ขอบใจมากนะ อ๋อ! แพรวช่วยให้คนขับรถไปเอารถที่ร้านเหล้าให้พี่หน่อยสิ พอดีเมื่อคืนพี่ดื่มต่อ กลับไม่ไหวเลยนั่งรถแท็กซี่มาน่ะ”
(ได้ค่ะคุณต้อง งั้นแพรวไม่รบกวนแล้วนะคะ คุณต้องพักผ่อนต่อเถอะค่ะ)
บุณณดาวางโทรศัพท์ลง พ่นลมหายใจออกมากับสิ่งที่ตัวกระทำไปในค่ำคืนที่ผ่านมา
ค่ำคืนที่แสนหวานและเต็มไปด้วยความเร่าร้อนที่เกิดขึ้นระหว่างเธอกับชายแปลกหน้า ที่ไม่รู้จักแม้แต่ชื่อเสียงเรียงนาม ความเร่าร้อนที่เขามอบให้จนเธอแทบหลอมละลายกลายเป็นเถ้าธุลีไม่รู้กี่ครั้งกี่หน ปล่อยเสียงครวญครางน่าเกลียดออกมาจนคอแห้ง
คำพูดหวานหูละลายใจที่เอ่ยบอกเธอก่อนเธอจะหลับไป ยังจำได้ขึ้นใจ
“นอนนะครับ พรุ่งนี้เช้าเราค่อยมาคุยกัน”
แล้วไหนล่ะ คนที่บอกว่าพรุ่งนี้เช้าค่อยคุยกันหายไปไหน ทำไมทิ้งเธอไว้คนเดียวแบบนี้ แต่ก็นั่นแหละ ความสัมพันธ์ฉาบฉวยที่เกิดขึ้นชั่วข้ามคืน ใครจะอยู่กัน คำพูดเหล่านั้นก็มีไว้หลอกคนโง่อย่างเธอเท่านั้น
ฟันแล้วทิ้งชัดๆ
“ถ้าพ่อกับแม่และพี่ตามรู้ว่าทำตัวแบบนี้จะผิดหวังในตัวเราไหมเนี่ย รักแท้ในคืนหลอกลวงสินะ... ปั๊ดโธ่ ยัยต้องเอ๊ย อยากมีแฟนจนสมองฝ่อแล้วมั้ง ถึงคิดไม่ได้หรือคิดได้แต่อยากลองวะ แต่ได้ลองก็ดี อย่างน้อยๆ ก็ได้เสียตัวให้กับผู้ชายที่เราเลือกวะ แม้เขาจะหนีไปแล้วก็ตาม” บ่นพำพึมออกมา พาร่างกายอันสะบักสะบอมเดินไปยังห้องน้ำ กำลังจะยื่นมือไปจับลูกบิดประตูเปิดออก ทว่าประตูห้องน้ำที่ปิดสนิทในคราแรกก็เปิดออกจากด้านใน
“คุณ” เสียงแผ่วเบาราวกับละเมอเอ่ยเรียกคนตรงหน้า ผู้ชายที่คิดว่าหนีหายจากเธอไปถึงไหนต่อไหน ที่แท้ก็อยู่ในห้องน้ำนี่เอง ไม่ได้ถูกฟันแล้วทิ้งแล้วเรา
ชายหนุ่มมองคนที่ยืนตีหน้ายุ่งใส่ตัวเองด้วยรอยยิ้ม ร่างสูงที่อยู่ในชุดคลุมอาบน้ำเดินออกมาหยุดยืนอยู่หน้าหญิงสาว
“มอนิ่งครับ” เสียงทุ้มเอ่ยบอกแม้เวลาตอนนี้จะเลยคำว่ามอนิ่งมานานแล้วก็ตาม
จุมพิตหน้าผากนูนไล่ต่ำลงมายังกลีบปากสวยสีชมพูที่ซ่อนความหวานดั่งลูกอมไว้ภายใน ประกบเรียวปากลงทักทายหยอกเย้าแผ่วเบาและผละออก
บุณณดายืนนิ่งรับสัมผัสละมุนด้วยหัวใจอ่อนไหว รู้สึกดีจนตัวแทบลอยขึ้นจากพื้น พ่อคุณเอ๊ยจะดีไปไหน จะทำให้เธอหวั่นไหวไปถึงไหนกัน กรีดร้องในใจอย่างบ้าคลั่ง
พ่อจ๋า แม่จ๋า หนูชอบเขา หนูอยากได้เขา
“คุณจะเข้าห้องน้ำเหรอครับ” เมื่อเห็นอีกคนเอาแต่ยืนนิ่ง ไม่รู้เพราะรู้สึกดีหรือเหม็นปากเขากันแน่ แต่เขาก็อาบน้ำแปรงฟันเรียบร้อยแล้วนะไม่น่าจะเหม็น
“ค่ะ”
“ให้ผมอุ้มเข้าไปไหม เดินไหวหรือเปล่า” ถามคำถามโง่เง่าออกไป เพราะถ้าเดินไม่ไหวก็คงไม่มายืนอยู่หน้าห้องน้ำแบบนี้หรอกมั้ง มึงก็ถามไม่คิด
ส่วนคนถูกถามก็เอาแต่กรีดร้องในใจว่า...
ตายๆๆๆ ถ้าจะอบอุ่นเอาใจใส่ดูแลดีขนาดนี้ เธอจะไม่ไหวแล้วนะ เธอจะโทรให้พ่อกับแม่ไปสู่ขอเขาแล้วนะ
“ไหวค่ะ”
“ครับ เดี๋ยวผมสั่งอาหารไว้รอนะ คุณอยากทานอะไรเป็นพิเศษไหม”
“อยากทานคุณ..” คนที่ปากตรงกับใจเผลอพูดออกไปอย่างลืมตัว จนต้องรีบยกมือมาตะครุบปากตัวเองไว้ ใบหน้าร้อนวูบวาบ ยิ่งเห็นรอยยิ้มกรุ้มกริ่มล้อเลียนของคนที่เธอบอกว่าอยากกิน ก็ยิ่งอายจนแทบจะแทรกแผ่นดินหนี
“กินข้าวก่อนก็ได้ แล้วค่อยกินผม” เอ่ยแซวออกไป ยิ่งเห็นหญิงสาวตรงหน้ากำลังเขินอายก็ยิ่งอยากแกล้ง
บุณณดาหน้าแดงมากขึ้นเป็นเท่าตัวรีบร้อนปฏิเสธออกมาปากคอสั่น
“ไม่ใช่ๆ ฉันไม่ได้หมายความว่าอย่างนั้น ฉันแค่ แค่จะบอกว่าอยากกินข้าวกับคุณ ไม่ได้อยากกินคุณสักหน่อย หลบไปได้แล้วจะเข้าห้องน้ำ”
“เวลาคุณเขินน่ารักดีนะ ผมชอบ”
ชอบก็ให้แม่มาขอสิยะ
อยากจะร้องออกไปแบบนี้ แต่สิ่งที่ตอบกลับไปกลับเป็นคำว่า...
“บ้า” รีบเดินหายเข้าไปในห้องน้ำ ปิดประตูล็อกให้เรียบร้อย ยกมือขึ้นมาปิดใบหน้าตัวเองกรีดร้องออกมาเบาๆ ในลำคอ ด้วยความเขินอายที่แทรกซึมเข้าไปทุกอณูในร่างกาย
ตายๆ ถ้าขืนเขายังใช้คำพูดหวานหูป้อยอเธอแบบนี้ มีหวังเธอได้หลอมละลายเป็นขี้ผึ้งลนไฟแน่ๆ ผู้ชายอะไรอบอุ่นชะมัด หรือนี่จะเป็นกับดักของผู้ชายเจ้าชู้ที่ใช้ล่อเหยื่อให้ไปติดกับ และหลอกล่อเหยื่อให้ลุ่มหลงอยู่ในกรงของเขา และเธอก็ดันเป็นเหยื่อที่อยากเดินเข้าไปเสียด้วยสิ
หลังจากใช้เวลาทำธุระส่วนตัวในห้องน้ำและทำจิตใจให้สงบด้วยการท่องพุทโธร่วมชั่วโมง ก็ออกมาจากห้องน้ำ คิ้วเรียวเลิกขึ้นเล็กน้อยเมื่อเห็นชุดผู้หญิงวางอยู่บนเตียงนอน โดยมีชายหนุ่มกำลังลุกจากโซฟาเดินยิ้มเข้ามาหาเธอ
“เมื่อเช้าผมตื่นเร็วก็เลยสั่งให้คนไปซื้อชุดใหม่มาให้คุณกับผม ส่งซักรีดเรียบร้อย อาจจะไม่ใช่งานแบรนด์เนมเหมือนที่คุณใส่ เพราะตอนเช้าห้างยังไม่เปิด แต่เนื้อผ้าก็นุ่มใช้ได้ คุณใส่ได้ใช่ไหม” เอาใจใส่ทุกรายละเอียดดีแท้ แผนการล่อเหยื่อแน่ๆ
“ได้ค่ะ ฉันไม่ได้ติดแบรนด์ขนาดนั้นสักหน่อย ขอบคุณนะคะ” เดินไปหยิบชุดที่วางบนเตียงและเดินกลับเข้าไปในห้องน้ำอีกครั้ง
เมื่อออกมาจากห้องน้ำ บุณณดาก็ถูกชายหนุ่มคว้ามือพามานั่งที่โซฟา หมุนร่างบางหันหลังมายังตนเอง จากนั้นก็ดึงยางรัดผมที่รวบรัดผมเป็นมวยออกไป
“ทำอะไรคะ” หันมาถามด้วยความไม่เข้าใจ แต่สิ่งที่ได้รับกลับมาคือรอยยิ้ม พร้อมทั้งริมฝีปากอุ่นที่จุมพิตลงบนเรียวปากสวย จูบเก่งจริงนะพ่อคุณ เดี๋ยวก็จับกดมันตรงนี้ซะหรอก
“เดี๋ยวผมหวีผมให้ หันหลังมาดีๆ ครับ” ให้ตายเถอะ...นี่มันอะไรกัน อ่อนโยนมากแม่ หลงไม่ไหว หัวปักหัวปำแล้วจ้า ผู้ชายอะไรอ่อนโยนนุ่มละมุนขนาดนี้ เกิดมายังไม่เคยมีผู้ชายคนไหนหวีผมให้เลยสักคน แม้แต่พี่ชายแท้ๆ ก็ยังไม่เคยหวีให้ แต่ผู้ชายที่เพิ่งเจอไม่ถึงยี่สิบสี่ชั่วโมงกลับอาสาหวีผมให้
“คุณทำแบบนี้กับผู้หญิงทุกคนที่คุณมีอะไรด้วยเหรอคะ” ถึงแม้จะรู้สึกดีแค่ไหน แต่ก็อดคิดไม่ได้ว่าชายหนุ่มคงทำแบบนี้กับผู้หญิงทุกคนจนติดเป็นนิสัย ถามออกไปแล้วก็พานเจ็บกระดองใจน้อยๆ
ส่วนคนถูกถามก็ยิ้มออกมา ในขณะที่มือยังคงหวีผมให้หญิงสาว เขาทำแบบนี้กับผู้หญิงทุกคนอย่างนั้นเหรอ หึ!
ไม่ใช่...เธอคือคนแรกต่างหาก คนแรกที่เขานึกอยากทำแบบนี้ให้
“คุณคือคนแรกสำหรับผม เพราะผมคือคนแรกของคุณ” บุณณดาหน้าแดงแจ๋ เมื่อหวนคิดไปถึงเรื่องราวเร่าร้อนน่าอายในค่ำคืนขาดสติและบ้าดีเดือดของเธอที่ผ่านมา
“บ้า” แม้จะเป็นประโยคสั้นๆ ที่แผ่วเบา ทว่าชายหนุ่มก็ยังได้ยินอยู่ดี มือหนาลูบผมยาวสลวยนุ่มมือเล่น
“เสร็จแล้วครับ” บุณณดาหันกลับมาหาชายหนุ่มพร้อมทั้งส่งยิ้มให้
“ขอบคุณค่ะ”
“เปลี่ยนเป็นคำขอบคุณเป็นหอมแก้มสักฟอดได้ไหม”
“หว่านพืชหวังผล”
“หว่านไปแล้วก็ต้องการผลผลิตสิครับ มาครับ เลือกเอาจะหอมข้างไหน ซ้ายหรือขวา หรือจะให้ดีหอมทั้งสองข้างเลยก็ได้ผมยินดี”
“เจ้าเล่ห์เหอะ” ปากก็บ่นออกไป แต่ก็ใช่ว่าไม่ทำตามคำขอเสียเมื่อไหร่ หอมแก้มสากข้างขวาไปหนึ่งฟอดด้วยความเร็วแสง จนคนถูกหอมแทบไม่รู้สึก
ก็ใจมันหลงไปแล้วจะให้ทำยังไง ที่พูดออกไปก็เล่นตัวทั้งนั้น
“คุณจะไม่ถามผมหน่อยเหรอว่าผมชื่ออะไรและคุณชื่ออะไร” คนถูกถามเหมือนจะนึกขึ้นมาได้ ว่าเธอและเขายังไม่รู้จักชื่อเสียงเรียงนามกันเลยด้วยซ้ำ แต่จะว่าไปไม่รู้จักได้ยังไง เธอรู้จักเขาแล้วต่างหากแต่เขาเองที่จำเธอไม่ได้
“ฉันชื่อต้องค่ะ”
“ต้องเหรอ” ทวนชื่อหญิงสาวออกมาอีกครั้ง ชื่อนี้คุ้นหูเหมือนกันแฮะ เหมือนเคยได้ยินที่ไหนมาก่อน สงสัยชื่อคงโหลมั้ง
“ค่ะ”
“ผมชื่อกะ...” ยังไม่ทันที่ชายหนุ่มจะเอ่ยจบบุณณดาก็ชิงตอบออกมาเสียก่อน
“กรณ์ คุณชื่อกรณ์ใช่ไหมคะ ฉันจำได้” ชายหนุ่มเลิกคิ้วขึ้นด้วยความแปลกใจและสงสัยอยู่ในที เธอจำได้อย่างนั้นเหรอ
“คุณจำได้?”
“ใช่ค่ะ ฉันจำคุณได้ เราเคยเจอกันแต่คุณจำไม่ได้” เอ่ยออกไปอีกครั้ง ทั้งที่เมื่อคืนก็พูดไปแล้วแท้ๆ และยังแอบผิดหวังอยู่เล็กน้อย เมื่อคนที่เธอตกหลุมรักตั้งแต่ครั้งแรกที่เจอดันจำเธอไม่ได้ แต่เธอก็ไม่นึกโทษเขาหรอก ใครจะไปจำคนที่เจอกันเพียงผ่านได้ทุกคนล่ะ จริงไหม
“เราเคยเจอกันเหรอครับ ที่ไหน เมื่อไหร่ ทำไมผมถึงจำไม่ได้”
“ช่างมันเถอะค่ะ เป็นการเจอกันแบบผ่านๆ เอาเป็นว่าเราก็รู้จักชื่อกันแล้วนะคะ”
“เหรอครับ แต่ผมมะ...”
“คุณชื่อกรณ์ค่ะ ฉันจำได้ ทั้งหน้าทั้งรูปร่าง จำได้ขึ้นใจ”
“จำได้ขึ้นใจ และไม่คิดจะให้ผมเข้าไปอยู่ในใจบ้างหรือไง” คนที่เพิ่งจะมีความรัก เจอผู้ชายหยอดคำหวานเข้าใส่ มีหรือจะไม่อ่อนระทวย หัวใจจะไม่หวั่นไหว รู้ทั้งรู้ว่านี่อาจจะเป็นความสัมพันธ์เพียงชั่วคราว แต่หัวใจเจ้ากรรมก็ดันรู้สึกดีขึ้นมากับคำพูดเหล่านี้เสียอย่างนั้น
“อยากจะเข้ามาในหัวใจคนอื่น หัวใจตัวเองว่างพอจะรับคนเพิ่มแล้วเหรอคะ ดูแล้วคงจะมีสาวๆ อยู่ในนั้นเต็มไปหมด” คนถูกยอกย้อนหัวเราะ ยื่นมือมาลูบศีรษะเล็กเล่น
“คุณยังไม่ได้ลองเข้ามาเลย รู้ได้ยังไงว่าในใจของผมมีแต่ผู้หญิง บางทีข้างในนี้มันอาจจะว่างเปล่าไม่มีใครเลยก็ได้นะครับ”
“เจ้าชู้แบบคุณ เอาใจใส่ผู้หญิงดีแบบนี้ เป็นไปไม่ได้หรอกค่ะที่จะไม่มีผู้หญิงอยากเข้าหา มีแต่จะวิ่งตามจนคุณรำคาญมากกว่า”
"เพิ่งรู้จักกัน คุณรู้ได้ยังไงว่าผมเจ้าชู้ บางทีผมอาจจะรักเดียวใจเดียวไม่เหลียวแลผู้หญิงคนไหนเลยก็ได้ แต่ที่มีผู้หญิงอยู่รอบกายก็เพราะว่ายังไม่เจอคนที่ถูกใจ แต่ผมคิดว่า น่าจะเจออีกในไม่ช้านี่แล้วล่ะ" จับมือบางมากุมไว้และบีบเบาๆ สายตาคมแพรวพราวราวกากเพชรต้องแสงไฟระยิบระยับจนคนถูกมองเอียงอายไม่กล้าสบสายตา
"เป็นลูกศิษย์ท่านสุนทรภู่หรือยังไง หรือว่าเป็นศิษย์เอกของขุนแผนกันแน่ คารมคมคายไม่ธรรมดา ฉันไม่แปลกใจเลยว่าทำไมผู้หญิงถึงชอบคุณ" รอยยิ้มบางประดับบนหน้าหล่อเหลา รู้จักกันไม่ถึงวัน ทำไมผู้หญิงคนนี้ถึงมั่นใจหนักหนาว่าเขาเป็นคนเจ้าชู้ มีผู้หญิงมากหน้าหลายตา หรือว่าหน้าตา ท่าทาง การแสดงออกของเรามันชัดเจนจนดูออกขนาดนั้น
"แล้วคุณล่ะ ไม่คิดจะชอบผมบ้างหรือไง" แหม! อ่อยแรงจริงนะพ่อคุณ ปากหวานใช่ย่อย มาอ่อยแบบนี้ระวังถูกเหยื่ออย่างเธอจับรวบหัวรวบหางทำสามีนะจ๊ะ
“ไม่อยากเหนื่อยวิ่งตามใคร เพราะสิ่งที่ได้มาคือสถานะที่ไม่ชัดเจน” แม้จะมองว่าดูเป็นผู้หญิงใจง่ายที่ขึ้นเตียงกับคนแปลกหน้า
แต่บุณณดาก็คิดว่าตัวเองมีศักดิ์ศรีหลงเหลือพอที่จะไม่เป็นผู้หญิงไร้ค่าวิ่งไล่ตามจับผู้ชาย หากเสือตรงหน้าอยากล่าเหยื่ออย่างเธอ เขาก็ต้องเหนื่อยหน่อย เพราะเธอไม่ใช่เหยื่อที่เขาเพียงแค่จะกระดิกนิ้วและจะวิ่งเข้าไปหา
หรา...
นั่นคือเสียงที่ดังสะท้อนกลับเข้ามาจนบุณณดาแทบสะดุ้ง นี่เราพูดอะไรผิดไป
“แต่เราเข้ากันได้ดีนะที่รัก” โน้มใบหน้าฝังริมฝีปากหยักลงบนเรียวปากอิ่ม มอบจุมพิตหวานรับยามเช้าให้หญิงสาว ต้องการย้ำให้รู้ว่าเราเข้ากันได้ดีอย่างที่เขาเอ่ยออกไปจริงๆ เข้ากันได้ดีจนเขาไม่อยากผละริมฝีปากออกจากความหวานละมุนแม้เพียงเสี้ยว แต่คงทำอย่างนั้นไม่ได้ต้องหักใจผละริมฝีปากออกอย่างเสียดาย ยังมิวายคลอเคลียอยู่ใกล้ใบหน้างามไม่ห่างไปไหน
“วันนี้ เราอยู่ด้วยกันทั้งวันได้ไหม” เอ่ยอ้อนขอร้อง พรมจูบไปทั่วใบหน้างามอย่างเชื่องช้าทุกตารางนิ้ว
สัมผัสอ้อยอิ่งชวนวาบหวามปัดเป่าสติของบุณณดาเลือนรางอย่างง่ายดาย หัวใจที่อ่อนไหวก็ยากจะต่อต้านเสียงเรียกร้องได้อีก แต่ถึงอย่างนั้นก็อยากลองปฏิเสธออกไป
“แต่ว่า...”
“นะครับต้อง อยู่กับผมนะ นะครับคนดี ผมอยากอยู่กับคุณ” พรมจูบลงบนหน้าผากมน ไล่ริมฝีปากต่ำลงมายังเปลือกตาสองข้างที่ปิดสนิทเข้าหากัน ไล่จมูกมาตามแนวสันจมูกรั้น พรมจูบลงบนปลายจมูกเชิดรั้นแผ่วเบา หยุดอยู่ที่กลีบปากสวยเพื่อรอคำตอบ
“ต้องครับ” เมื่อเห็นหญิงสาวนั่งเงียบไม่ตอบ จึงเอ่ยเร่งออกไปอีกครา
“ค่ะ” พูดไปแล้วบุณณดาก็ไม่มีโอกาสได้เอ่ยอะไรออกมาทั้งนั้น เมื่อชายหนุ่มประกบเรียวปากครอบครองกลีบปากสวยช่ำชองราวกับเป็นเจ้าของ มอบจุมพิตวาบหวามแสนหวานและเร่าร้อนในเวลาเดียวกัน
ชวนให้บุณณดาเคลิบเคลิ้มไปกับสัมผัสนุ่มนวล ลืมสิ้นถึงสิ่งที่เอ่ยกับตัวเองก่อนหน้า ว่าจะไม่ทำตัวเป็นเหยื่อไร้ค่าให้เขาเชยชมง่ายๆ ทว่าสิ่งที่ตัวเองกำลังทำตอนนี้คืออะไร
ใช่อานุภาพของไฟรัก ที่เขาว่ากันว่า ยิ่งใหญ่จนทำให้เสียคนหรือเปล่า และเธอก็กำลังลุ่มหลงในไฟนี้จนกำลังจะเสียคนใช่หรือไม่