เข้าถ้ำเสือ

2709 Words
กรณ์โอบเอวบุณณดาเข้ามาในร้านตัวเอง ไม่ยอมปล่อยหญิงสาวให้ห่างกายไปไหน หากไม่โอบเอวก็จะจับมือเอาไว้ไม่มีปล่อย พาหญิงสาวเดินเข้ามายังเคาน์เตอร์บาร์ที่มีลูกน้องกำลังเตรียมความเรียบร้อย ไว้สำหรับบริการลูกค้าในค่ำคืนนี้ เนื่องจากตอนนี้เพิ่งจะทุ่มนิดๆ เท่านั้น ยังไม่มีลูกค้าเข้ามาใช้บริการ “สวัสดีครับเฮีย มาแต่หัววันเลยนะครับวันนี้” ต้าบาเทนเดอร์หนุ่มหล่อประจำร้าน เอ่ยทักทายเฮียสุดหล่อของตัวเอง พลางมองเลยไปยังหญิงสาวข้างกายที่เจ้านายควงมาวันนี้ด้วยรอยยิ้ม ซึ่งบุณณดาก็ยิ้มทักทายกลับไปเช่นกัน “อืม มาเคลียร์งานนิดหน่อย...ต้องอยากดื่มอะไรไหมครับ เดี๋ยวผมให้ต้าชงให้ ต้าเป็นบาเทนเดอร์ที่นี่ ฝีมือดีเลย” “ไม่ดีกว่าค่ะ ขอบคุณนะคะ” “ไวน์ไหมครับ สักแก้ว” “เอาไวน์มาหลอกล่ออีกแล้วนะคะ” ก็เพราะไวน์ไม่ใช่เหรอที่ทำให้เธอเดินเข้าไปติดกับเขาวันนั้น จนได้มายืนเคียงข้างเขาในวันนี้ “แล้วเต็มใจให้ผมหลอกหรือเปล่า” นิ้วแกร่งยื่นมาเกลี่ยปอยผมที่ร่วงลงมาคลอเคลียใบหน้างามทัดหูไว้ บุณณดาเหลือบสายตาไปมองต้าอย่างเขินอาย กับการแสดงที่กรณ์ทำกับเธอต่อหน้าลูกน้อง “ถ้าผลตอบแทนของการถูกหลอกมันคุ้มค่า ฉันก็เต็มใจค่ะ” จ้องตาชายหนุ่มอย่างมีความหมาย เช่นเดียวกับกรณ์ก็ส่งยิ้มมุมปากให้หญิงสาวอย่างมีความหมายไม่ต่างกัน “เดี๋ยวให้คนเอาน้ำส้มขึ้นไปให้ฉันที่ห้องทำงานด้วยนะ ไปครับ ขึ้นไปห้องทำงานผมดีกว่า” โอบเอวบางแนบกาย พาบุณณดาเดินขึ้นไปยังชั้นสองของร้าน ที่เป็นห้องทำงานของตัวเอง โดยมีต้ามองตามหลังไปด้วยความสงสัย “เฮียมากับสาวเหรอพี่ต้า” พนักงานเสิร์ฟที่เดินเข้ามาเห็นเจ้านายควงสาวสวยขึ้นไปบนห้องทำงานก็เอ่ยถามขึ้น “เออ สวยเชียว” “แหม...พี่ต้า เด็กเฮียก็มีแต่สวยๆ ทั้งนั้น ไม่ใช่สวยธรรมดาเพราะทั้งสวยทั้งอึ๋ม นมนี้แทบจะกระแทกหน้าเฮียเลยแต่ละคน ไม่รู้ชาติที่แล้วเฮียแกทำบุญด้วยอะไร ชาตินี้ถึงมีแต่ผู้หญิงวิ่งเข้าหา ล้อมหน้าล้อมหลังเต็มไปหมด” “พูดมาก เดี๋ยวเฮียได้ยินก็โดนถีบอีก” “ก็มันจริงนี่น่า” “เลิกพูด แล้วเอาน้ำส้มขึ้นไปให้เฮียด้วย เฮียสั่ง” “ครับ” คล้อยหลังลูกน้องที่นำน้ำส้มมาให้ คนเจ้าแผนการก็เดินไปล็อกประตูห้องทำงาน และเดินยิ้มกลับเข้ามาหาบุณณดาที่นั่งอยู่ที่โซฟา นั่งลงข้างหญิงสาวรั้งร่างบางเข้ามาใกล้ชิด “คิดถึงมากรู้ไหม” เสียงทุ้มเอ่ยกระซิบชิดใบหูเล็ก เลื่อนใบหน้าให้อยู่ในระดับเดียวกันกับหญิงสาว ชนหน้าผากไว้กับหน้าผากนูน สัมผัสได้ถึงลมหายใจอุ่นที่รินรดกัน “ฉันเชื่อคุณได้แค่ไหนคะ” ถามหยั่งเชิงออกมา ไม่รู้คำพูดหวานหูของเขาจะเชื่อถือได้มากน้อยแค่ไหน วันนี้บอกว่าคิดถึงเธอ แต่ไม่รู้วันที่ผ่านมาจะบอกคิดถึงใครหรือเปล่า “เชื่อได้หมดใจ ไม่เชื่อต้องลองจับหัวใจผมดู” คว้ามือบางขึ้นมาวางบนหน้าอกฝั่งซ้าย ที่กำลังเต้นตุบๆ อยู่ในตอนนี้ “เห็นไหมครับว่าหัวใจผมมันกำลังเต้นและร้องเรียกแต่ชื่อต้อง” ริมฝีปากอิ่มเม้มเข้าหากันแน่นเพื่อกลั้นยิ้ม ช้อนสายตาขึ้นมองชายหนุ่มในระยะใกล้ ตายอย่างสงบศพสีชมพูเลยต้องเอ๊ย ถ้าเขาจะเอาใจเก่งขนาดนี้ เธอคงได้ตายลงตรงนี้แน่ๆ สายตาอบอุ่นที่ทอดมองมา ทำให้บุณณดาหวั่นไหวและโอนอ่อนจนแทบจะไม่เป็นตัวของตัวเอง อ้อมกอดอบอุ่นที่ตระกองกอดเธอไว้ ยิ่งทำให้เธอหวั่นไหวและเคลิบเคลิ้มไปกับสัมผัสนั้น ฝ่ามือหนาที่ลูบไล้แผ่นหลังเบาๆ ก็ทำให้เธอคล้ายกับกำลังอ่อนระทวย “ขอจูบได้ไหม” หือ....พ่อ ขอกันซึ่งๆ หน้าแบบนี้เลยหรือไง มาขอกันแบบนี้แล้วเธอจะปฏิเสธไปหรือไง เสียน้ำใจกันเเย่ พอจ๋าแม่จ๋าหนูขอเหลวไหลทำตัวไม่น่ารักหนึ่งวันนะคะ เมื่อขออนุญาตบุพการีในใจ บุณณดาช้อนสายตายิ้มยั่ว มือบางลูบไล้แผงอกแกร่งแผ่วเบา “แค่จูบอย่างเดียวเหรอคะ” นั่นปะไร...อ่อยเบอร์แรงออกมาเสียด้วย แล้วคิดว่าเสืออย่างเขาจะแค่จูบหรือยังไง ปิดประตูล็อกห้องพร้อมล่าเหยื่อขนาดนี้ กรณ์ยิ้มร้ายอย่างเจ้าเล่ห์ นิ้วแกร่งลูบไล้กลีบปากสวยเบาๆ เอ่ยกระซิบออกไป “ผมแล้วแต่ต้องครับ ว่าต้องอยากให้จูบอย่างเดียวหรืออยากให้ทำอย่างอื่นด้วย” บุณณดารั้งลำคอแกร่งโน้มใบหน้าคมลงต่ำ ประกบเรียวปากเข้าหาริมฝีปากหยักละเมียดละไมหยอกเย้าเรียวปากบนและล่าง เป็นฝ่ายเริ่มในครั้งนี้ เรียกรอยยิ้มพึงใจจากชายหนุ่มได้ไม่น้อย แม้จะผ่านผู้หญิงมามากจนไม่คณานับมาใส่ใจ ทว่าความสุขและความหอมหวานจากจุมพิต ไม่มีหญิงใดเทียบเคียงหญิงสาวในอ้อมกอดได้สักคนเดียว จุมพิตแสนหวานราวน้ำผึ้งบนยอดไม้ จุมพิตที่ติดตราตรึงใจไม่จางหาย เฝ้าฝันอยากลิ้มลองเป็นเจ้าของ วันนี้มีโอกาสได้เชยชมและลิ้มรส จะปล่อยผ่านความหวานนี้ได้อย่างไร ยิ่งใบหน้าสวยซับระเรื่อลอยวนกวนใจทุกค่ำวัน พาให้คำนึงหาจนทนไม่ไหว ต้องโทรหาตามเสียงร้องของหัวใจ มาบัดนี้ได้ครอบครองเธออีกครั้งดั่งใจหวังทุกค่ำคืน บุณณดารุกล้ำมอบจุมพิตหวาน นุ่มนวลชวนรัญจวนให้ชายหนุ่ม แม้เธอไม่ได้ช่ำชองแต่ก็ไม่ได้เงอะงะจนเกินไป แฝงไปด้วยความเรียกร้องซาบซ่านจนเธอวาบหวามเช่นเดียวกัน มือบางลูบไล้แผ่นอกกว้างลงต่ำมายังหน้าท้องแกร่ง หยุดอยู่ตรงนั้น ไม่กล้าต่ำลงไปมากกว่านี้ เพราะกลัวเจอกับความใหญ่โตที่ทำให้เธอแพ้ราบคาบหมดฤทธิ์ต่อรอง จากที่เป็นฝ่ายรับความหอมหวาน ชายหนุ่มก็ขอเป็นผู้มอบให้บ้าง ความอ่อนโยนเริ่มแปรเปลี่ยนเป็นความเร่าร้อน จุมพิตหวานเริ่มเปลี่ยนเป็นเผ็ดร้อนและดูดดื่ม ซึ่งบุณณดาก็ตั้งรับได้อย่างดีเยี่ยมและจูบตอบกลับมาไม่ต่างกันอยู่นานสองนาน กว่าทั้งคู่จะผละออกจากกัน เพื่อเติมออกซิเจนให้ร่างกาย “ไหนคุณบอกว่ามีงานด่วนต้องเคลียร์ไงคะ” แกล้งถามออกไปหน้าซื่อตาใส แต่รอยยิ้มกลับไม่ใช่ “ก็ต้องไงคืองานด่วนที่ผมต้องเคลียร์” บุณณดายิ้มร้าย คิดเอาไว้อยู่แล้วเชียวว่าผู้ชายคนนี้ร้ายกาจและเจ้าเล่ห์ตัวพ่อ “คุณนี่เจ้าเล่ห์ใช้ได้ เสืออย่างที่คิดไว้ไม่มีผิด” คนถูกต่อว่าหัวเราะออกมาอย่างชอบใจ ฝังจมูกลงบนแก้มใสไปหนึ่งฟอดใหญ่ ตอบกลับออกมาหน้าตาเฉยไม่ได้สลดแต่อย่างใด “เสือที่ไหน ผมคือแมวที่ชอบอ้อนเจ้าของให้ตามใจต่างหาก ผมอยากอยู่กับต้องทั้งคืน ผมขอรักต้องนะครับ” สิ้นคำขอบุณณดาก็ไม่มีสิทธิ์ตอบรับหรือปฏิเสธสิ่งที่ชายหนุ่มเอ่ยขอมา เรียวปากหยักทาบทับลงบนริมฝีปากหญิงสาวอีกครา พร้อมทั้งร่างบางที่ถูกผลักให้นอนราบไปกับโซฟาตัวใหญ่ ที่ชายหนุ่มซื้อมาเพื่อใช้เป็นสนามรักในห้องนี้ บุณณดาสลัดเหตุผลและความถูกต้องทุกอย่างทิ้งไป ปล่อยตัวปล่อยใจไปกับสัมผัสและความต้องการของร่างกาย แม้รู้อยู่เต็มอกว่านี่ไม่ใช่สิ่งที่เกิดจากความรัก แต่เกิดจากความใคร่ จะทำอย่างไรได้ในเมื่อเธอเดินมาไกลเกินกว่าจะกลับ เธอกำลังถูกผู้ชายที่เธอหลงรักตั้งแต่ครั้งแรกเอาเปรียบทางร่างกายและจิตใจ เธอกำลังถูกเขาตักตวงความสุขจากร่างกายของเธอ แต่เธอก็ไม่โง่พอที่จะไม่ตักตวงเอาความสุขจากร่างกายของเขาคืนกลับ อีกอย่างเขาก็ไม่เห็นแก่ตัวจนเกินไปเพราะเขาก็มอบความสุขให้เธอเช่นเดียวกัน ร่างงามเริ่มแดงไปทั่วตัว เมื่อไม่เหลืออาภรณ์ห่มกาย มิหนำซ้ำยังถูกชายหนุ่มสำรวจร่างกายด้วยริมฝีปากและฝ่ามือหนา ทั้งมือและปากทำหน้าที่สอดประสานรับส่งกันอย่างลงตัวสวยงาม พาให้ร่างงามร้อนรุ่มและเหน็บหนาวในคราวเดียวกัน “อื้อ...” เสียงร้องครางหวานหูดังขึ้นต่อเนื่อง เมื่อความสวยงามเบื้องล่างถูกรุกล้ำจากเรียวลิ้นหยอกเย้า จนเกิดสายธารน้ำหวานไหลรินออกมาด้านนอก เหมือนมีเกลียวคลื่นบิดวนในช่องท้องจนต้องเกร็งหน้าท้องและร่อนสะโพกขึ้นจากโซฟาครั้งแล้วครั้งเล่า คล้ายกำลังถูกฉุดให้ลอยขึ้นสู่อากาศ และอีกไม่นานก็ถูกปล่อยให้ร่วงลงมา จนบุณณดาต้องจับบ่าแกร่งทั้งสองข้างแน่นเพื่อเป็นหลักยืด ร่างกำยำเปลือยเปล่าอวดความสมบูรณ์ของร่างกาย ทั้งส่วนกล้ามเนื้อด้านบนและความแข็งแกร่งด้านล่าง ร่างสูงเดินเข้ามาหา จับร่างบางที่นอนตัวแดงอยู่บนโซฟาให้ลุกขึ้นนั่ง บุณณดากัดริมฝีปากล่างจนรู้สึกเจ็บ เมื่อเห็นความแข็งแกร่งอยู่เบื้องหน้าเต็มๆ ตาเป็นครั้งแรก ช้อนสายตาขึ้นมองชายหนุ่มด้วยความไม่เข้าใจ และการกระทำของหญิงสาวช่างดูเซ็กซี่ยั่วยวนสำหรับคนมอง ชวนมีอารมณ์อยากจับหญิงสาวกดลงบนโซฟา และมอบความเร่าร้อนดุดันให้เธอเสียตอนนี้ “อย่ากัดปากแบบนี้สิครับ รู้ไหมมันทำให้ผมอยากกดคุณลงโซฟาขนาดไหน” บุณณดายิ้มร้ายคืนกลับ ยื่นมือมาลูบไล้หน้าท้องแกร่งที่มีซิกแพคสวยงาม เลยมายังสีข้างด้านขวาบริเวณรอยสักรูปพระจันทร์ ยิ่งทำให้ชายหนุ่มรัญจวนจนต้องร้องขอออกมาเสียงแหบพร่า “ผมอยากให้ต้องรักผมบ้าง รักตัวตนของผมเหมือนที่ผมรักต้องเมื่อกี้นี้” บุณณดาแดงไปทั้งตัว ใบหน้าเห่อร้อนจนแทบไหม้ กับประโยคชวนวาบหวามและหายใจไม่ทั่วท้อง อาการยั่วยวนก่อนหน้าหายไป เมื่อคิดว่าชายหนุ่มต้องการให้เธอทำอะไร เธอจะทำอย่างไร เธอไม่เคย “ฉัน ฉันไม่เคย” “ผมรู้ครับ เดี๋ยวผมสอนเองต้องไม่ต้องกลัว” โน้มตัวลงมาจูบหญิงสาวอีกครั้ง พร้อมทั้งลูบไล้ร่างงามและความอวบอิ่มของทรวงอกคู่งาม ยอดอกสีหวานถูกปลุกปั่นให้เกิดอารมณ์ปรารถนา จนบุณณดาเคลิบเคลิ้มกับเพลิงพิศวาสที่แผดเผา ไม่ว่าชายหนุ่มจะจับมือเธอเดินไปยังดินแดนแปลกใหม่ที่ใด เธอก็ยินยอมพร้อมใจเดินตามเขาไปอย่างไม่อิดออดหรือหวาดกลัว เรียวลิ้นเล็กสีชมพูสดเริ่มทำหน้าที่ใหม่ที่ไม่ใช่มีไว้แค่รับรสอาหาร ทว่าตอนนี้กลับกำลังปฏิบัติหน้าที่พิเศษ มอบความรัญจวนเพิ่มความกระสันให้ชายหนุ่มอย่างพลิ้วไหว แม้จะเป็นครั้งแรกที่ทำแบบนี้ ทว่าคุณครูที่สอนคือครูฝีมือดีที่คอยแนะนำทุกท่วงท่า บุณณดาจึงเรียนรู้ได้ไว สามารถมอบความเสียวซ่านให้กรณ์อย่างถึงใจ จนกรณ์ต้องแกร่งสะโพกรับความรัญจวนจากนักเรียนหัวไว “อื้ม...ดีมากครับต้อง...อ้า...อย่างนั้นแหละ ดีครับ” เสียงชมเป็นเหมือนดั่งแรงผลักดันให้คนที่ไร้ประสบการณ์ในบทเรียนนี้มีกำลังใจ มือบางจับเอวสอบไว้มั่น ส่วนอีกข้างก็ลูบไล้ต้นขาแกร่งไปพลาง กรณ์ยิ่งเสียวซ่านไม่คิดเลยว่าบุณณดาจะทำได้ดีเยี่ยมขนาดนี้ เพลิงปรารถนาถูกจุดติดขึ้นมาใส่คนทั้งคู่ ความเย็นจากเครื่องปรับอากาศที่เปิดอยู่ไม่อาจทำให้ความร้อนรุ่มภายในดับสลายลงไปแต่อย่างใด ตรงกันข้ามเพลิงกับโหมกระพือมากขึ้นเสียด้วยซ้ำ ร่างสองร่างโรมรันอยู่บนโซฟา เมื่อบทเพลงแห่งรักเริ่มต้นขึ้นในเวลาต่อมา ความดุดันเร่าร้อนโหมเข้าใส่ร่างบางราวกับคลื่นลูกใหญ่ซัดสาดเข้าหาฝั่ง ฉุดกระชากให้บุณณดาลงไปกับเกลียวคลื่นกลางทะเลกว้างใหญ่ ยิ่งลงไปลึกยิ่งพบความหฤหรรษ์มากมายพาให้หลงระเริงจนถอนตัวไม่ขึ้น ไม่ว่าเขาจะพาเดินไปยังแห่งหนใดในห้องนี้ก็ยอมเดินตามเขาไปในทุกที่ เปล่งเสียงร้องครางอันแสดงถึงความสุขออกมาไม่ขาดสาย บางครั้งยังตอบสนองความเร่าร้อนของเขาด้วยการร่อนสะโพกรับความดุดันที่ถาโถมเข้าใส่ และที่น่าอับอายไปมากกว่านั้น คือชายหนุ่มกำลังสอนให้เธอเป็นผู้บังคับม้าศึกตัวใหญ่บนเก้าอี้หลังโต๊ะทำงาน “อ้า...อย่างนั้นครับ ขยับเข้าออกแรงๆ เลยครับ” เสียงชมดังขึ้นอย่างต่อเนื่อง สายตาคมทอดมองหญิงสาวด้วยความชื่นชม มองเรือนร่างขาวเนียนกำลังโยกย้ายร่างกายอยู่บนตัวของเขา ผมยาวสยายพลิ้วไหวไปตามแรงขยับเขยื้อน ใบหน้างามเชิดขึ้นด้วยความรัญจวน เอวคอดกิ่วเริ่มขยับเร็วขึ้นเรื่อยๆ เพราะเปลวเพลิงโหมเข้าใส่มากขึ้นจนร่างกายแทบแตกออกจากกันเป็นเสี่ยงๆ “อื้อ..คุณกรณ์” เสียงหวานร้องครางเรียกชื่อชายหนุ่มออกมา มือบางรั้งลำคอแกร่งไว้ หลังบางแอ่นจนโค้งเมื่อทรวงอกคู่งามถูกเรียวลิ้นสากตวัดชิมความหวาน ยอดอกสีหวานถูกรังแกด้วยการดูดดื่มเข้าไปในโพรงปากชื้นและใช้ลิ้นตวัดหยอกย้ำๆ จนเริ่มแข็งเป็นไตขึ้นมา “ครับ” ขานรับออกมา ทว่ากลับไม่ได้ปล่อยความอร่อยในโพรงปากให้หลุดออกมาแต่อย่างใด ยังคงหยอกเย้าโลมเลียอยู่อย่างนั้น จากข้างนั้นย้ายมาข้างนี้ทำสลับกันดั่งต้องการชิมว่าสองข้างรสชาติเหมือนกันหรือไม่ “ต้อง...ฉัน ฉันไม่ไหว คุณ ช่วย...อื้อ...ช่วยฉันได้ไหม” เอ่ยร้องขอเสียงหวาน สายตาฉ่ำหวานทอดมองอย่างอ้อนวอนขอ ถูกอ้อนมาขนาดนี้ใครจะใจร้ายได้ลงคอ ชายหนุ่มจึงขอมอบความสุขในช่วงสุดท้ายก่อนบทเพลงรักจะจบลงตามที่หญิงสาวขอมา เพลงรักบรรเลงในช่วงสุดท้ายด้วยจังหวะเร้าใจ เร่าร้อน และดุดันจนร่างงามสั่นคลอนตามความเร่าร้อน ภายในช่องท้องบิดเกลียวเสียวกระสันเหมือนมีผีเสื้อบินวนอยู่ด้านในนับร้อยตัว จากนั้นเพียงไม่นานร่างบางก็ถูกผีเสื้อกระพือปีกบินออกมาจากร่างพร้อมกันในครั้งเดียว “อื้อ” เสียงกรีดร้องดังขึ้นพร้อมกับความสวยงามของมวลหมู่ดาวที่พร่างพรายสว่างไสวเต็มท้องนภา แขนเรียวกอดกระชับกายกำยำไว้แน่น เมื่อเขาพาเธอเดินไปยังแดนสวรรค์สวยงาม เช่นเดียวกับชายหนุ่มก็โหมกายเข้าใส่ในช่วงสุดท้ายอย่างบ้าคลั่ง เมื่อผนังอ่อนนุ่มภายในโอบกอดตัวตนของเขาแน่นจนทนไม่ไหว ร่างกายคงแตกออกจากกันแน่หากไม่ได้ปลดปล่อยน้ำรักออกมา “อ้า” เสียงแหบพร่าคำรามออกมาราวกับเสือที่ขย้ำเหยื่อจนพอใจ กอดกระชับร่างบางไว้แน่น ลมหายใจหอบแรงขาดเป็นห้วงๆ ซบใบหน้าลงกับซอกคอขาวเนียนด้วยความเหนื่อยล้าที่มาพร้อมกับความสุข ก่อนจะฝังจมูกลงบนแก้มแดงระเรื่อ “วันนี้ต้องสุดยอดมากรู้ไหม” สิ้นเสียงเย้า ฝ่ามือเล็กก็ฟาดลงบนไหล่กว้างไปหนึ่งครั้งเพื่อแก้อาย ไม่กล้าตอบโต้อะไรออกมาเสียด้วยซ้ำ ผิดกับคนถูกตีที่หัวเราะออกมาอย่างชอบใจ จูบลงบนลาดไหล่บางขบเม้มลงไป จนเกิดรอยแดงขึ้นมาโดยหญิงสาวไม่รู้ตัว
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD